บทที่ 1006 บุกสำนักอักขระศักดิ์สิทธ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ข่าวการปรากฏตัวของหลิงตู้ฉิงแพร่ออกไปทั่วโลกเบื้องบนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กองกำลังทั้งหลายรวมไปถึงเผ่าหลายเผ่าออกอาการตื่นตระหนก

ไม่ใช่ว่าไอ้ปีศาจร้ายนั่นตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่รึไง? มันกลับมาได้ยังไงอีก?

หลังจากที่ทุกคนได้รู้ว่าล่าสุดที่แม่น้ำมหาดาราเปิดออก หลิงตู้ฉิงเองก็เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย พวกเขาจึงไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ที่ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงพัฒนามาอยู่ที่ขอบเขตเทวะราชาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่พวกเขายังคงไม่เข้าใจก็คือหลังจากตายไปยังไม่ถึงหมื่นปี ทำไมหลิงตู้ฉิงถึงได้กลับมาเกิดใหม่ได้เร็วขนาดนี้?

ตามปกติแล้วยิ่งผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ การที่กว่าจะกลับมาเกิดใหม่ได้นั้นยิ่งกินเวลานานมากขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเทพ เอาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาหากตายลงไปกว่าจะได้กลับมาเกิดใหม่บนโลกคนเป็นก็ต้องรอเวลาไม่ต่ำกว่าแสนปี

ต้องรู้เอาไว้ว่าหลิงตู้ฉิงคือคนที่แข็งแกร่งจนมีคุณสมบัติพอที่จะพิสูจน์เต๋า แถมเขายังฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันเป็นไปได้ยังไงที่กลับมาเกิดใหม่ได้ไวขนาดนี้?

ในระหว่างที่ใครหลายคนสงสัยอยู่กับคำถามนี้ คนอีกหลายคนกลับรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากกลัวว่าหลิงตู้ฉิงจะเริ่มการสังหารเหมือนแบบในอดีต เพราะแค่เขาเพิ่งปรากฏกายขึ้นเขาก็ได้สังหารจางซิงอี้ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของเจ้าแห่งพรตเต๋าไปแล้วพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาอีกหลายคน

แบบนี้มันเป็นไปได้ใช่ไหมที่ยุคแห่งการนองเลือดจะกลับมาอีกครั้ง?

ทุกกองกำลังต่างเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของตำหนักไร้หทัยอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อเวลาผ่านไปเหลือทุกกองกำลังต่างก็ประหลาดใจ เพราะ 5,000 ปีผ่านไปตำหนักไร้หทัยกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เลย

แต่แล้วในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดว่าตำหนักไร้หทัยน่าจะไม่มีแผนการใด ๆ อีกจู่ ๆ ก็มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับตำหนักไร้หทัยจนเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก

จู่ ๆ กิเลนกลับขยายร่างของตัวมันจนสูงเสียดฟ้า จากนั้นมันแบกตำหนักไร้หทัยทั้งหลังให้ขึ้นไปอยู่บนหลังมัน และบินตามหลิงตู้ฉิง ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มพร้อมกับต้วนฉิง จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงก็ตามอยู่ไม่ห่างมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ตำหนักไร้หทัยกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนกัน?

การเคลื่อนไหวครั้งมโหฬารของตำหนักไร้หทัยครั้งนี้ส่งผลให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกจนแทบบ้า

อันที่จริง หลิงตู้ฉิงไม่ได้ปกปิดเลยว่าในขณะนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดสงคราม

ในเมื่อสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์กล้าประกาศสงครามกับเขาตอนอยู่โลกเบื้องล่าง ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะสนองความต้องการของฝั่งตรงข้ามอย่างเต็มรูปแบบ

บนยอดเขาสูงตระหง่านฟ้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มคนจำนวนมากของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างมองไปที่ตำหนักไร้หทัย ซึ่งกำลังค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาหาพวกเขาอย่างใจเย็น

ในเวลานี้สีหน้าของผู้คนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างตึงเครียดเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ตัวดีว่าวันนี้พวกเขากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ระดับทำลายล้างสำนัก

เจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิวเต้าหยวน บินออกไปประจันหน้ากับหลิงตู้ฉิง และถามว่า “สหายเต๋า ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าท่านมาเยือนสำนักของข้าด้วยสาเหตุอะไร?”

เขาคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงสุด ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในตัวเองจนสามารถออกมาประจันหน้ากับหลิงตู้ฉิงได้แบบนี้

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ไม่ใช่ว่าคนของเจ้าต้องการสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อคนของเจ้าบอกว่ามีอำนาจพูดแทนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้ และเขายังท้าทายข้าที่โลกเบื้องล่าง ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่ข้าจะต้องมา ว่าแต่ข้าไม่แน่ใจว่าคนของเจ้าบอกเรื่องนี้กับเจ้ารึยัง? แล้วตอนนี้พวกเจ้าพร้อมที่จะรบกับข้าแล้วใช่ไหม?”

หลิวเต้าหยวนจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า “ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับสหายเต๋าเลยที่ท่านสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้เร็วขนาดนี้ แถมยังสามารถเปลี่ยนเส้นทางเต๋าของตนเองได้อีกต่างหาก แต่สหายเต๋า ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของท่านเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทวะราชา ท่านคิดว่าท่านในตอนนี้แข็งแกร่งพอจะจัดการกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้งั้นเหรอ?”

“จัดการกับพวกเจ้าแค่ขอบเขตเทวะราชาถือว่าเพียงพอแล้ว หากข้าแข็งแกร่งมากไปกว่านี้มันจะยิ่งถือว่าไม่ยุติธรรมกับพวกเจ้ามากไปกันใหญ่” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจ

หลิวเต้าหยวนหัวเราะ “สหายเต๋า ท่านมั่นใจในตัวท่านเองเกินไปรึเปล่า! ในตอนนี้ตำหนักไร้หทัยของท่านมีเพียงต้วนฉิงคนเดียวที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเทพ แต่ในสำนักของข้าตอนนี้นอกจากข้าแล้วพวกเรายังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพอีก 1 คน ท่านคิดว่าท่านจะสู้กับสำนักข้าที่มีจักรพรรดิเทพ 2 คนได้งั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงกล้าท้ารบกับข้าแบบนี้ ที่แท้เจ้าต้องการประกาศศักดาของสำนักเจ้าให้คนทั้งโลกได้เห็นถึงความแข็งแกร่งและมันบังเอิญว่าตำหนักไร้หทัยของข้าก็เป็นเป้าหมายชั้นดีสำหรับเจ้า พวกเจ้าก็มีจักรพรรดิเทพแล้ว 2 คน เจ้าคงวางแผนเอาไว้ว่าตัวเจ้าเองจะรับมือกับต้วนฉิง ส่วนอีกคนหนึ่งก็ให้มารับกับข้า และจากนั้นเจ้าก็จะใช้จำนวนคนที่เหนือกว่าบดขยี้คนที่เหลือในตำหนักไร้หทัยของข้าสินะ?”

“ในเมื่อสหายเต๋าเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งแบบนี้งั้นพวกเรามาทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นกันสักหน่อยดีไหม? เอาเป็นว่าท่านก็ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ต่อสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ให้คนทั้งโลกได้รู้ แล้วจากนั้นท่านจงกลับไปยังที่ที่ท่านอยู่เหมือนเดิม แค่นี้พวกเราก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ท่านไม่เจ็บตัว ส่วนพวกข้าเองก็ได้ชื่อเสียงมาครอบครอง แบบนี้มันดีกว่าพวกเราต้องมาเสียเลือดเสียเนื้อกันโดยไร้ประโยชน์จริงไหม?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพอีกคนหนึ่งของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏกายขึ้น

หลิงตู้ฉิงเอียงคอมองหลิวเต้าหยวน และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพอีกและถามกลับด้วยสีหน้าขบขัน “ข้าเข้าใจว่าที่พวกเจ้าทำเช่นนี้เพราะพวกเจ้าคิดว่าคงจะได้รับการอำนวยพรจากสวรรค์หากพวกเจ้าอยู่เหนือตำหนักไร้หทัยของข้าที่เป็นเหมือนมารร้ายของโลกได้ พวกเจ้าคงคิดว่ามันการสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เลยก็คือพวกเจ้าไม่คิดกันบ้างเหรอว่าข้าคือผู้ที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดเหนือพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าข้าอาจมีดีกว่าที่พวกเจ้าเข้าใจ?”

หลิวเต้าหยวนยิ้มอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ข้าเข้าใจว่าในอดีตสหายเต๋านับได้ว่าไร้เทียมทาน แต่นี่มันก็ผ่านมานานแล้ว และทุกยุคทุกสมัยมันก็เป็นเช่นนี้ที่คนรุ่นเก่าย่อมถูกเบียดแซงโดยคนรุ่นใหม่ ซึ่งตอนนี้เวลาของตำหนักไร้หทัยมันได้จบลงแล้ว”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “รุ่นเก่า? รุ่นใหม่? เหนือกว่าข้า? ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าลืมไปแล้วงั้นเหรอว่าข้าใช้เวลาแค่ 100,000 ปีเท่านั้นก็ขึ้นไปอยู่ในจุดที่พวกเจ้าใช้เวลามาเป็นล้านปีก็ยังทำไม่ได้ ข้าถามจริง ๆ ว่าเจ้าคิดได้ยังไงว่าจะอยู่เหนือข้าได้?”

หลิวเต้าหยวนเริ่มที่จะหมดความอดทน เขาพูดขึ้นเสียงดังสวนทันที “ข้าว่าพวกเราเสียเวลามามากแล้ว และดูเหมือนว่าสหายเต๋าคงจะไม่ยอมถอยไปใช่ไหม? เอาเป็นว่างั้นพวกเรามารบกันให้จบ ๆ ไปเพื่อที่หลังจากวันนี้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะได้กลายเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด!”

“ก็ดีรีบทำให้มันจบ ๆ ไป!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

ในทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ ต้วนฉิงก้าวออกมาในทันที และพูดกับหลิวเต้าหยวน “ข้าทำตามแผนของเจ้าก็ได้ เจ้ามาเจอกับข้า!”

หลิวเต้าหยวนพยักหน้า “ก็ดีเรื่องนี้มันจะได้ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก! อันที่จริงข้าอยากจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าเจ้าแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ หลิวชุน เจ้ารับมือกับไอ้เฒ่าปีศาจ เขาเพิ่งจะอยู่ในขอบเขตเทวะราชาเจ้าคงไม่น่าจะรับมือกับเขายากสักเท่าไหร่ ส่วนคนที่เหลือของตำหนักไร้หทัย จงใช้จำนวนที่เหนือกว่าของพวกเราบดขยี้พวกเขาให้หมด!”

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพอีกคนหนึ่ง หลิวชุน บินนำหน้าออกมาและพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ข้าอยากจะลองประมือกับตำนานที่ทำให้ผู้คนทั้งโลกกลัวเมื่อในอดีตสักครั้งมานานแล้ว ข้าหวังว่าท่านคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังหรอกนะ!”

แต่ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะทันได้ตอบอะไรกลับไป จิ๋นหลงหัวเราะขึ้น จากนั้นเขาบินออกมาประจันหน้ากับหลิวชุนและพูดว่า “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะท้าทายเขาหรอก คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”

เมื่อพูดจบ จิ๋นหลงปลดปล่อยกลิ่นอายขอบเขตจักรพรรดิเทพทันที ส่งผลให้พื้นที่บริเวณโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง