บทที่ 1475 ผู้ทรงอำนาจ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ตู้ม**!**

ครั้นมังกรคำราม ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายก็วูบไหว แรงกดดันที่กำจายออกมาทำให้ทุกคนหวาดกลัว

ภายใต้สายตาหวาดกลัวเหล่านั้น มังกรก็ปะทะกับลำแสงสีเงิน…

ช่วงเวลาที่ชนกันท้องฟ้าก็เริ่มพังทลาย ความกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกไป ทำให้เกิดรอยแตกในมิติบนเส้นทาง

ทุกคนเงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่จุดเกิดเหตุที่น่ากลัวก็เห็นรัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนและแสงสีเงินปะทะกัน พยายามที่จะกลืนกินกันและกัน

ก่อนหน้าลำแสงสีเงินที่รวบรวมพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนทั้งห้าสามารถทำลายลวดลายจั้นเหวินสี่สิบล้านลายได้ แต่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อถึงระดับห้าสิบล้านลาย

ขณะที่ลวดลายจั้นเหวินกวาดออก คลื่นการทำลายล้างในแสงสีเงินก็เริ่มลดลงจนไม่สามารถขยับได้ ไม่เพียงแค่นั้นยังถูกผลักกลับด้วยเสียงมังกรคำราม…

เมื่อทั้งห้าเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้ ยามนี้พวกเขามีความกลัวริบหรี่อยู่ในดวงตา

“ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลาย… ทำไมความสำเร็จของมู่เฉินในการเป็นจั้นเจิ้นซือถึงน่ากลัวขนาดนี้?!” พวกเขาทั้งห้าคำรามด้วยความไม่เต็มใจในใจ ต้องรู้ว่าลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายได้เลยทีเดียว

โฮก!

ขณะที่ทั้งห้ากำลังตกตะลึงในใจ เสียงคำรามที่ทำให้แผ่นดินพิโรธก็ดังก้องมาจากมังกร อึดใจต่อมามันก็อ้าปากกลืนแสงสีเงินลงไป

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เมื่อมันกลืนกินแสงสีเงิน การระเบิดรุนแรงก็เกิดขึ้นในร่างมังกรพร้อมกับแสงสีเงินแล่นแปลบปลาบ แต่ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายปะทุรัศมีออกมาระงับการระเบิดภายในตัวเอง…

การระเบิดดำเนินไปชั่วครู่ก่อนที่แสงสีเงินจะค่อยๆ หายไป ทว่ามังกรก็เริ่มหดตัวลง ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายลดลงครึ่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันใช้พลังงานจำนวนมหาศาลในการปราบปรามลำแสงสีเงิน

ปุ!

แต่เมื่อลำแสงสีเงินอ่อนตัวลง ใบหน้าของประมุขทั้งห้าก็ซีดลง คลื่นหลิงรอบตัวพวกเขาพลุ่งพล่านรุนแรง ก่อนที่เลือดจะกระอักออกมาจากปาก ความผันผวนของคลื่นพลังรอบตัวอ่อนลงฉับพลัน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบ

“ไอ้หนูนี่ต่อกรยากเกินไป ไม่ง่ายที่จะจัดการเลย!” ใบหน้าของตันหยางซีดเซียวขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัว เขารู้สึกอยากจะหนีไปให้ไกลแล้ว เพราะพลังที่มู่เฉินแสดงออกมาน่ากลัวเกินไป

คนที่เหลือก็มีสีหน้าไม่น่าดู เป็นเรื่องน่าอายเกินไปที่พวกเขาทั้งห้าไม่สามารถได้เปรียบใดๆ ในการต่อสู้กับมู่เฉิน

มีเพียงกุ่ยตี้เท่านั้นที่มองไปที่มู่เฉินด้วยความไม่เต็มใจ

“วันนี้เราถอยไปก่อนไหม?” ตันหยางเอ่ยแนะนำ เขาได้รับบาดเจ็บและความสามารถในการต่อสู้ก็ลดลง ดังนั้นเขาจึงไม่มีความตั้งใจที่จะประลองกับมู่เฉินอีกต่อไป

เมื่อได้ยินคำแนะนำนั้น ทุกคนก็เกิดความคิด คลื่นหลิงพุ่งขึ้นรอบตัวด้วยความตั้งใจที่จะล่าถอย

“คิดหนีเหรอ?”

ทว่าทันใดนั้นมู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิง ไอเย็นเยือกวูบไหวในดวงตา แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับผลกระทบจากการปะทะ แต่กองทัพมังกรดำก็มีนักรบอย่างน้อยสองพันคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว

นี่ทำให้มู่เฉินโกรธในใจ แล้วเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายไปได้อย่างไร?

แสงเย็นวูบวาบในดวงตามู่เฉิน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น ขณะเดียวกันภาพเงาหนึ่งก้าวออกมาจากเบื้องหลังนั่งลงในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่แทน เร้ารัศมีสงครามเพื่อปราบปรามอีกฝ่าย

ส่วนร่างหลักมู่เฉินก็มีปีกสีทองคู่หนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง เกิดการกระพือขึ้นลงก่อนที่เขาจะหายตัวไป

“ระวัง!”

เมื่อมู่เฉินหายตัวไป กุ่ยตี้และคนอื่นๆ ก็ตะโกนด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะพวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงความเร็วของมู่เฉินได้เลย

วาบ!

ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนของพวกเขา ใบหน้าของตันหยางก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากเขาเห็นภาพเงาก้าวออกมาประจันหน้ากับเขา

ไม่มีการแสดงออกใดๆ บนใบหน้า เจดีย์ปรากฏในดวงตามู่เฉิน ผลึกคลื่นหลิงไหลผ่านแขนขาก่อนที่เขาจะผลักฝ่ามือออกเบาๆ

แม้ว่ามู่เฉินจะผลักฝ่ามือออกไปเบาๆ แต่ความเร็วนั้นก็ไม่สามารถตรวจจับได้ ยิ่งกว่านั้นตันหยางยังได้รับบาดเจ็บมาเมื่อครู่ก็ ดังนั้นทันทีที่ตันหยางเร้าคลื่นหลิงสร้างการป้องกัน ฝ่ามือของมู่เฉินซึ่งปกคลุมไปด้วยผลึกแสงก็ซัดลงบนหน้าอกแล้ว

ปัง!

การซัดนี้ทำให้หน้าอกของตันหยางยุบลง คลื่นหลิงไม่สามารถต้านทานฝ่ามือนี้ของมู่เฉินได้เลย

อ็อก!

ตันหยางกระอักเลือดกระเด็นกลับไป ในเวลาเดียวกันร่างเวทสวรรค์ใต้เท้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยร้าว จนสุดท้ายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

วาบ!

ซัดฝ่ามือเดียวใส่หน้าอกตันหยาง มู่เฉินก็ไม่ได้มองไปที่อีกฝ่ายเลย ปีกสีทองที่ด้านหลังกระพืออีกครั้งและเขาก็วาบหายตัวไป

“เร้าการป้องกันร่างเวทสวรรค์ออกมา!”

อีกสี่คนรู้สึกได้เมื่อตันหยางได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขาคำรามลั่น ความเร็วของมู่เฉินเหนือกว่าพวกเขาหลายขุม แม้แต่กุ่ยตี้ก็ไม่สามารถตรวจจับมู่เฉินได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงใช้การป้องกันของร่างเวทสวรรค์เพื่อต้านการโจมตีของมู่เฉิน

โฮก!

แต่เมื่อพวกเขาคิดใช้พลังของร่างเวทสวรรค์ วิญญาณสงครามมังกรก็คำรามภายใต้การควบคุมของมู่เฉินชุดดำ ร่างมันพันธนาการเข้ากับร่างเวทสวรรค์ของทั้งสี่

“เวรเอ้ย!” ทั้งสี่คนสาปแช่งและรู้สึกเย็นเยือกในหัวใจ ขณะนี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บและมู่เฉินได้ใช้ความเร็วที่น่ากลัวโดยตั้งใจที่จะเอาชนะพวกเขาในยามอ่อนกำลังลง

ในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะถอยหนี

วาบ!

ภาพเงามู่เฉินปรากฏขึ้นข้างหลังจื่อเหลย หมัดถูกชกออกไป

“ไอ้สารเลว แกคิดว่าข้ากลัวเรอะ?!” จื่อเหลยคำราม สายฟ้าป่าเถื่อนแล่นแปลบปลาบรอบตัวเขา เขาก็เหวี่ยงหมัดออกไป เมื่อสายฟ้ากวาดออกก็ดูราวกับว่าสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้

ในตอนนี้เขารู้ว่ามู่เฉินปราบเขาแน่ หากเขาแสดงความขี้ขลาดออกมา

ตู้ม!

เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน ใบหน้าของจื่อเหลยก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ผลึกแสงแผ่กระจายออกมาจากมู่เฉิน ก่อเป็นลวดลายผิดแผกพุ่งเข้ามาในร่างกายเขา

ในเส้นทางของผลึกแสงคลื่นหลิงก็หายไปอย่างน่าประหลาด

“พลังผนึก?!” จื่อเหลยอุทานออกมา

ตึง!

ทว่าก่อนที่เสียงจะสะท้อนออกไป หมัดของมู่เฉินก็ทะลุแนวป้องกันส่งร่างเขาถลาไปพร้อมกับอักขระผลึกที่ปกคลุมไปทั่วร่างกาย คลื่นหลิงไร้ขอบเขตลดลงฮวบ ชัดว่าถูกปิดผนึกไว้ชั่วคราว

ฟิ้ว ฟิ้ว!

หลังจากจัดการกับจื่อเหลยแล้ว มู่เฉินก็เล็งไปที่โยวเฉวียนและไป๋หู ทั้งสองคนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น ซึ่งตอนนี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉิน ดังนั้นเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ ทั้งสองก็ถูกผนึกคลื่นหลิงเอาไว้ ร่างดิ่งพสุธาลงไปที่จัตุรัสหยก

ขณะนี้เหลือเพียงกุ่ยตี้ที่ยังยืนอยู่

การตอบโต้ของมู่เฉินดุร้ายมากจนมาถึงจุดที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นสี่คนพ่ายแพ้ทั้งหมด ขณะนี้เหล่าผู้ชมถึงได้หลุดออกจากอาการตื่นตะลึงและหายใจเข้าลึกๆ

พวกเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจหวาดผวามองไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ด้วยความเคารพในสายตา เห็นได้ชัดว่าทุกคนตะลึงในพลังการต่อสู้ของมู่เฉิน

“ตาเจ้าแล้ว”

มู่เฉินมองไปที่กุ่ยตี้โดยไม่สนใจสายตารอบข้าง

สีหน้าของกุ่ยตี้มืดครึ้มลง แต่ก็เลือกถอยกลับไป หากไม่มีอีกสี่คนช่วย เขาไม่มีทางที่จะต่อกรกับมู่เฉินได้แน่นอน ดังนั้นจึงได้แต่ถอนตัวเท่านั้น

“เจ้าคิดว่าจะวิ่งหนีได้เหรอ?”

ดวงตาของมู่เฉินกะพริบด้วยแสงเย็นชาขณะที่ปีกข้างหลังกระพือ เขาพุ่งผ่านมิติไปปรากฏตัวเบื้องหน้ากุ่ยตี้พร้อมกับเหวี่ยงหมัดออกไป

ผลึกแสงบนกำปั้นพร่างพราวมาก

กุ่ยตี้ปวดหัวกับความเร็วที่ปีกหงส์ฟ้าสีทองมอบให้กับมู่เฉิน ทว่าเขาก็เป็นจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขาม ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าไม่สามารถถอยได้ แสงดุร้ายก็วูบไหวในดวงตาทันที

“แกจัดการพวกเขาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำแบบเดียวกับข้าได้!” กุ่ยตี้กล่าวขณะที่มือประสานกัน คลื่นหลิงเย็นเยือกไม่มีที่สิ้นสุดรวมตัวกันเบื้องหน้า ก่อร่างเป็นตราประทับพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนดังก้อง

“ตราประทับหมื่นผี!”

กุ่ยตี้แผดเสียงขณะที่กระแทกฝ่ามือใส่มู่เฉิน

ดวงตามู่เฉินกะพริบแสงวาบพร้อมกับเค้นเสียงเย็น แค่คิดเสียงคำรามรุนแรงก็ลั่นออกมาจากร่างกาย มังกรแท้จริงบิดตัวไปมาเคลื่อนไปที่แขนของเขา

แสงสีทองพร่างพราวระเบิดออกมาจากแขนของมู่เฉินทำให้ทั้งแขนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกรงเล็บมังกรทอง

นี่คือกรงเล็บมังกรแท้จริง!

ตู้ม!

กรงเล็บมังกรฉีกผ่านมิติกระแทกกับตราประทับผี

ในช่วงเวลาที่ปะทะกันใบหน้าของกุ่ยตี้ก็เปลี่ยนไปรุนแรงด้วยความหวาดผวาสุดขีดขณะที่อุทานว่า

“นะ…นี่คือพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน?!”