ตอนที่ 1575

Alchemy Emperor of the Divine Dao

พวกหลิงฮันสามคนนั่งอุปกรณ์บินแหวกเมฆาไปยังดาวไห่คง ทันทีที่อูเจวี๋ยเห็นพวกเขาก็โผเข้ากอดสตรีนกอมตะอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ถูกหลิงฮันทุบตี

“เจ้าคนบัดซบ เจ้าทำกับข้าเกินไป!” ใบหน้าของอูเจวี๋ยบูดบึ้ง

“ฮึ่ม เจ้าคิดจะกอดภรรยาข้าของแล้วมาหาว่าข้าทำเกินไปรึ?” หลิงฮันยิ้ม

“ข้าแค่คิดถึงพี่สาวเท่านั้น!” อูเจวี๋ยกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

“หากเจ้ากำลังจะตายก็อาจจะได้กอดก็ได้” หลิงฮันส่ายหัว

อูเจวี๋ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันทีใดสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นจักรพรรดินีเข้าพอดี ดวงตาของเขาเปิดกว้างแทบจะถลนออกมาและอ้าปากกว้างด้วยสีหน้าตะลึง เขารีบวิ่งไปหาจักรพรรดินีทันทีทันใด “พี่สาว ข้าชื่ออูเจวี๋ย ท่านล่ะชื่ออะไร?”

ด้วยนิสัยยิ่งทะนงของจักรพรรดินีแน่นอนว่านางไม่แม้แต่เหลียวมองอูเจวี๋ย

“เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด นางเป็นภรรยาข้า!” หลิงฮันคว้าข้อมือจักรพรรนีเอาไว้ในขณะที่นางเองก็ยิ้มหวานตอบกลับ

“ว่าไงนะ!” อูเจวี๋ยโอดครวญ เพียงพี่สาวสตรีนกอมตะคนเดียวก็เป็นสตรีงดงามที่ทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่งแล้ว นี่หลิงฮันยังมีภรรยาที่งดงามล่มเมืองคนอื่นอยู่อีก? สตรีที่งดงามเช่นพวกนางถูกหลิงฮันหลอกล่อด้วยแผนการแบบใดกัน

ม่อหลีเดินเข้ามาและตบหัวอูเจวี๋ยเบาๆก่อนจะกล่าวกับหลิงฮัน “ในตอนที่สู้กับข้า เจ้าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่สบอารมณ์ ในฐานะจอมยุทธระดับราชานางรังเกียจการถูกออมมือที่สุด

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ทักษะลับเฉพาะตัวของข้ามีไว้สำหรับใช้กับศัตรูที่สู้เป็นตาย เพียงแค่การประลองไม่มีความจำเป็นต้องใช้”

ม่อหลีรู้สึกผ่อนคลายลงมาบ้างและพยักหน้า “เมื่อข้าแข็งแกร่งกว่านี้ข้าจะตามหาเจ้าอีกครั้ง”

การปรากฏตัวของถังโม่ทำให้นางรู้ว่าตัวนางยังห่างไกลจากขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์ ก่อนที่นางจะทะลวงผ่านเป็นจ้าวอสูรยังมีช่องว่างเหลือให้พัฒนาตนเองได้อีก

“อืม” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่คิดมาก

ม่อหลีจากไปพร้อมกับอูเจวี๋ย เวลาผ่านไปหลายวัน จู่ๆหลิงฮันก็รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ แต่ไม่ว่าเขาจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบต้นตอของคนที่ต้องมองเสียทีทำให้เขากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย

เพียงแต่ว่าดาวดวงนี้มีจ้าวอสูรดูแลอยู่คงมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถมาก่อความวุ่นวายขึ้นที่นี่ได้ หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจปล่อยผ่านไป ณ ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ

…คิดค้นเม็ดยาชนิดใหม่

เม็ดยาที่มีอยู่ในตอนนี้ไม่สามารถเติมเต็มความพอใจของเขาได้ ถึงแม้เม็ดยาที่มีจะช่วยเพิ่มปราณก่อเกิดได้ตามเป้าจุดประสงค์ของมันแต่สะสมได้ช้าเกินไป ในขณะเดียวกันสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำเองก็มีน้อยแสนน้อยและหน้าที่หลักของมันก็คือการช่วยให้จอมยุทธเข้าใจถึงหลักของเต๋าอันยิ่งใหญ่ไม่ใช่เพื่อเพิ่มปราณก่อเกิด

แต่ทว่าหากเอาแต่สะสมปราณก่อเกิดอย่างเอาเป็นเอาตายโดยเมินเฉยไม่ทำความเข้าใจหลักของระดับพลังบ่มเพาะก็จะกลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ถือดาบไร้พ่ายไว้ในมือ ไม่เพียงแค่เด็กน้อยจะไม่สามารถควบคุมดาบได้แต่จะถูกดาบทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

แต่หลิงฮันไม่ใช่แบบนั้น เขามีความสามารถในการทำความเข้าใจที่สูงและมีความช่วยเหลือจากต้นสังสารวัฏ สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือสะสมพลังปราณเพื่อทะลวงระดับพลังเพียงอย่างเดียว

เป็นเพราะความพิเศษนี้ทำให้นอกจากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำแล้ว เม็ดยาอื่นๆจึงไม่ค่อยมีผลกับเขาเท่าไหร่ ในยุคบรรพกาลนั้นช่างเกลียดคร้านนั้นที่ไม่คิดค้นเม็ดยาที่มีประสิทธิภาพรุนแรงออกมา แต่ถึงพวกเขาจะคิดค้นเม็ดยาเหล่านั้นก็คงเปรียบเสมือนพิษร้ายต่อร่างกายมนุษย์ทั่วไป

บางทีดินแดนแห่งเซียนอาจจะเม็ดยาเช่นนั้นอยู่แต่เพราะการแบ่งแย่งของโลกบรรพกาล เม็ดยาชนิดนั้นถึงสูญหายไปตามกาลเวลา

หลิงฮันจำเป็นต้องคิดค้นเม็ดยาเช่นนั้นขึ้นมา

เขาเคยศึกษาสมุนไพรทุกคนชนเชี่ยวชาญมาแล้ว หากมีเวลามากพอไม่ว่าใครก็สามารถคิดค้นเม็ดยาชนิดใหม่ขึ้นมาได้ เพราะงั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเขาที่เป็นจักรพรรดิปรุงยาและมีสมบัติฝืนสวรรค์อย่างต้นสังสารวัฏเลย

หลิงฮันเก็บตัวเพื่อคิดค้นเม็ดยาชนิดใหม่จากศูนย์

นี่ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง แต่สำหรับจักรพรรดิปรุงยาเช่นเขาที่จดจำสมุนไพรได้ทุกชนิดย่อมไม่ใช่ปัญหาที่ยากลำบากเกินไป

วันเวลาผ่านไปหนึ่งปีอย่างรวดเร็ว หลิงฮันยังคงคิดค้นเม็ดยาชนิดใหม่อยู่ในหอคอยทมิฬ มีบ้างบางโอกาสที่เขาจะออกมาแลกเปลี่ยนหลักวรยุทธกับจักรพรรดินีและม่อหลี

เม็ดยาในความคิดของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถใช้ได้จริง มีอีกหลายส่วนที่ต้องลงรายละเอียดลึกมากกว่านี้

เพียงแต่เม็ดยาชนิดนี้เขาคิดขึ้นมาเพื่อตนเองกับจักรพรรดินีเท่านั้นเนื่องจากพวกเขาทั้งสองมีร่างกายพิเศษที่สามารถเมินเฉยต่อประสิทธิภาพอันรุนแรงของเม็ดยาได้

ทุกครั้งนี้หลิงฮันออกมาด้านนอกเขาจะรู้สึกได้เสมอว่ากำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ ยิ่งเขาออกห่างจากปราสาทของจ้าวอสูรขวงล่วนเท่าไหร่ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ดูเหมือนว่าคนที่จ้องมองเขาอยู่จะกำลังหาโอกาสลงมือ แต่เพราะไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ถึงอดทนมาตลอด

หรือจะเป็นฮูเฟิง?

แม้ชื่อของฮูเฟิงจะผุดขึ้นมาในหัวของหลิงฮันแต่เขาก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว อย่างแรกคือตอนนี้เขาอยู่ในดินแดนใต้พิภพ ฮูเฟิงไม่สมควรตามร่องรอยเจอว่าเขาอยู่ที่ไหน อย่างที่สองคือหากฮูเฟิงมาที่นี่เขาย่อมไม่สามารถปกปิดตนเองได้เนื่องจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่คนของที่นี่

หรือว่าตระกูลถังงั้นรึ?

Anchor

โอวหยางไท่ซานเดินทางไปเกลี้ยกล่อมดินแดนต้องห้ามให้เขาก็จริง แต่บางทีพวกเขาอาจจะตอบตกลงเพียงฉากหน้าและแอบส่งมือสังหารมาแทน ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ลงมือเองจะตรวจสอบได้อย่างไร?

หลิงฮันแสยะยิ้มในใจ หากมีใครกล้าโผล่หน้ามาสร้างปัญหาให้เขาล่ะก็ ต่อให้เป็นตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งเขาก็สามารถใช้วาสนาศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬสังหารกลับได้ในทันที

ฮึ่ม คิดว่าเขาเป็นคนที่รังแกได้ง่ายๆ?

ผ่านไปอีกไม่กี่วันคลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองก็ลอยลงมาจากห้วงอากาศ โอวหยางไท่ซานมาถึงและบอกับหลิงฮันว่าเรื่องที่สุดถูกสะสางเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงแค่หลิงฮันพยักหน้าเขาก็สามารถเข้าร่วมกับพันธมิตรทลายสวรรค์ได้ทันที

เพียงแต่ว่าเนื่องจากพลังบ่มเพาะของหลิงฮันยังต่ำเกินไป เหล่าผู้อาวุโสของพันธมิตรจึงปฏิเสธที่จะให้สถานะผู้อาวุโสสิบเจ็ดแก่เขา

“เหล่าผู้อาวุโสทุกคนแนะนำให้เข้าไปฝึกฝนหุบเขาวารีครามก่อน เมื่อใดที่เจ้าบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งเจ้าจะถูกแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโสทันที” โอวหยางไท่ซานกล่าว

หลิงฮันไม่ประหลาดใจอะไร เขาที่เป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หากปรมาจารย์เหล่านั้นยอมให้เขาเป็นผู้อาวุโสเหมือนกันนี่สิแปลก เขาเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส หุบเขาวารีครามคือสถานที่แบบไหน?”

“ฮ่าๆ มันคือเขตแดนลี้ลับที่ดินแดนต้องห้ามทั้งหลายร่วมมือกันสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ฝึกฝนจอมยุทธรุ่นเยาว์ให้บรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง” โอวหยางไท่ซานกล่าว

สามารถฝึกฝนให้บรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งได้ด้วย?