บทที่ 1479 เมืองวั้นกู่

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ทวีปหมัวเฮอเป็นหนึ่งในมหาทวีปของมหาพันภพ

ซึ่งมีดินแดนกว้างใหญ่และทรัพยากรมากมาย ชื่อของทวีปนี้ก็เลื่องลือไปทั่วหล้าด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าสาเหตุหลักเป็นเพราะการดำรงอยู่ของเผ่าหมัวเฮอ

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณ เผ่าหมัวเฮอยืนยงมาเป็นเวลาช้านาน แม้แต่ในสมัยโบราณเผ่าหมัวเฮอก็เป็นขั้วอำนาจทรงพลังและด้วยการสะสมในตอนนี้ก็สามารถติดอันดับต้นๆ ในมหาพันโลก …

ย้อนกลับไปเมื่อแคว้นหวู่จิ้งฮั่วกำลังขยายตัวในมหาพันภพ หมัวเฮอเทียนก็พยายามที่จะกลืนกินแคว้นหวู่จิ้งฮั่วเมื่อเขาขึ้นเป็นประมุข เพื่อเป็นการข่มผู้ที่ไม่ยอมเขาในเผ่า

ทว่าในเวลานั้นแม้แต่เผ่าหมัวเฮอก็คงไม่คิดว่าเทพจักรพรรดิอัคคีที่มาจากพิภพเขตล่างจะน่าเกรงขามยิ่งนัก ในท้ายที่สุดก็ทำลายความทะเยอทะยานของหมัวเฮอเทียนจนสิ้นซาก ไม่เพียงแต่เขาจะล้มเหลวในการกลืนกินแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เขายังกลับมาพร้อมกับรอยด่างบนชื่อเสียงที่ทำให้สถานะและชื่อเสียงของแคว้นหวูจิ้งฮั่วมั่นคงขึ้น…

แม้ว่าหมัวเฮอเทียนจะเคยพ่ายแพ้ต่อเทพจักรพรรดิอัคคี แต่เมื่อเทพจักรพรรดิอัคคีกลายเป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ ความพ่ายแพ้ก็กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่ง แม้ว่าหมัวเฮอเทียนจะไม่ชอบในสิ่งนี้ แต่สำหรับทุกคนในมหาพันภพก็จะคิดเช่นนี้…

ท้ายที่สุดแล้วการที่สามารถต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีจนถึงระดับนั้นได้ หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้เช่นกัน

ดังนั้นชื่อเสียงของเผ่าหมัวเฮอจึงดังกึกก้องเพิ่มขึ้นและอยู่ตำแหน่งสูงในบรรดาห้าเผ่าโบราณ ไม่ว่าจะเป็นรากฐานหรือจอมยุทธ์ พวกเขาสามารถดูแคลนเผ่าโบราณอีกสี่กลุ่มได้

 

ทวีปหมัวเฮอ เมืองวั้นกู่

เมืองนี้ไม่ได้เป็นเมืองหลวงของทวีปหมัวเฮอ ถึงกระนั้นชื่อเสียงก็ยังสูงกว่าเผ่าหมัวเฮอ เพราะมีข่าวลือว่าสร้างขึ้นโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์และเป็นสถานที่จัดงานชุมนุมนิรันดร์ในทุกครั้ง

บนยอดเขาใกล้จากเมืองวั้นกู่ มู่เฉินมองไปที่เมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายโบราณ มีริ้วแสงนับไม่ถ้วนพุ่งพาดผ่านขอบฟ้า ช่างคึกคักยิ่งกว่างานชุมนุมสายเลือดของเผ่าฝูถูเสียอีก

แต่ก็ไม่แปลกเพราะงานชุมนุมสายเลือดและงานชุมนุมนิรันดร์ไม่ใช่งานประเภทเดียวกัน เหตุการณ์แรกเป็นเพียงการเชิญขั้วอำนาจที่คุ้นเคยมารับชม ส่วนเหตุการณ์หลังไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ด้วยหรือไม่ ขั้วอำนาจเกือบครึ่งหนึ่งในมหาพันภพก็จะเข้ามาร่วมงาน

ท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์

“นี่มันงานชุมนุมยอดยุทธ์ที่แท้จริง”

มู่เฉินถอนหายใจ คนที่สามารถมาที่นี่ได้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดจากขั้วอำนาจต่างๆ คนธรรมดาไม่สามารถแบกรับความกดดันตรงนี้ได้

ขณะที่เขาถอนหายใจในหัวใจ มู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นร่างแสงทะยานเข้าไปในเมือง เมื่อเขากำลังเข้าใกล้เมืองสายตาก็จ้องมองไปที่ประตู เพราะสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่มีกลิ่นอายโบราณแทรกซึมมาจากทั้งเมือง

แม้ว่าความผันผวนจะเบาบาง แต่ก็ยังทำให้คลื่นหลิงในร่างกายกระเพื่อมและทำให้เขาต้องร่อนตัวลง

“คลื่นนี่…”

มู่เฉินขมวดคิ้ว นั่นไม่ใช่แรงกดดันจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเป็นอะไรที่ลึกลับยิ่งกว่านั้น

“หรือเป็นสิ่งที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ทิ้งไว้ในตอนนั้น?” หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านเกิดการคาดเดาบางอย่าง เพราะมีเพียงระลอกคลื่นจากจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาพันภพถึงสามารถสร้างแรงกดดันน่ากลัวขนาดนี้แม้จะผ่านมาหมื่นปีแล้วก็ตาม

ทว่าความคิดนี้ก็ถูกระงับในไม่ช้า ด้วยความเคารพในใจที่มีต่อเทพจักรพรรดินิรันดร์ มู่เฉินก็เดินไปที่ประตู

ทันทีที่เข้ามาในเมือง มุมมองก็ขยายออกไปพร้อมกับภาพถนนทอดยาวสุดสายตา ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนซึ่งต่างกำจายด้วยคลื่นทรงพลัง

การปรากฏตัวของมู่เฉินดึงดูดความสนใจ บางคนถึงกับดวงตาพราวแสง เห็นได้ชัดว่าจดจำเขาได้ว่าเป็นใคร

มู่เฉินอึ้งไปครู่หนึ่งกับความสนใจเหล่านี้ก่อนที่เขาจะยิ้มขำตัวเอง เขาต้องยอมรับว่ารู้สึกยินดีที่ตนเองกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในมหาพันภพพร้อมกับผู้คนรู้จักเขามากขึ้น

แต่ความคิดนี้ก็แค่สั่นไหวหัวใจวูบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในเมือง

เขาเดินผ่านถนนหลายสาย ก่อนที่จะเห็นผู้คนมากมายมารวมตัวกันเบื้องหน้า สายตาเขาก็มองตามไป

มีกำแพงผลึกแก้วขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีแสงวูบวาบอยู่

“ตารางวางเดิมพันของงานชุมนุมนิรันดร์”

มู่เฉินมองไปก็เห็นจอมยุทธ์คนแรกเป็นชายในชุดสีดำขาว แม้จะเป็นเพียงภาพ เขาก็ปลดปล่อยแรงกดดันที่ทำให้หัวใจสั่นสะท้าน

มู่เฉินมองไปที่ภาพคุ้นเคยก็หรี่ตาลง เพราะนี่คือหมัวเฮอโยว ขณะนี้การเดิมพันชัยชนะของเขามีถึงสองหมื่นล้านหยดของเหลวจื้อจุน

ชัดเจนว่าหลายคนมองว่าหมัวเฮอโยวจะชนะครั้งนี้ ในแง่ของความแข็งแกร่งเขาทรงพลังอย่างแท้จริงและยังเป็นคนของเผ่าหมัวเฮอซึ่งได้รับการปลูกฝังร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ดังนั้นหากร่างมหาเทพนิรันดร์จะเลือกผู้ครอบครอง ทุกคนก็คิดว่าหมัวเฮอโยวมีโอกาสสูงที่สุด

ถัดลงมาจากหมัวเฮอโยวก็คือหอกอสูรเยี่ยฉิง ราชันทองวัชระซื่อหลัวและดาบเทวะทั่วป๋าชาง

ภาพเยี่ยฉิงที่ฉายเป็นชายหนุ่มผมยาวถือหอกสีแดงเข้มพร้อมกับสายตาไม่แยแสแฝงไปด้วยจิตสังหาร

ซื่อหลัวสวมชุดสีทอง ศีรษะล้านเลี่ยนสะท้อนแสงดูเหมือนดวงดาว เขามีโครงร่างผอม ดูไม่เหมือนคนที่มีความแข็งแกร่งทางด้านพลังกายเลย

ส่วนทั่วป๋าชางสวมชุดสีดำสะพายดาบไว้ที่ด้านหลัง แม้ว่าเขาจะดูธรรมดา แต่ดวงตาแผ่ซ่านด้วยไอคมกริบที่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าหนังหัวด้านชา

ในตารางเดิมพันหมัวเฮอโยวอยู่อันดับหนึ่งด้วยจำนวนของเหลวจื้อจุนสองหมื่นล้านหยด ขณะที่สามคนอยู่ที่ประมาณห้าพันล้านหยด

จากนั้นมู่เฉินก็ไม่ได้แปลกใจที่เห็นภาพตนเองถัดลงมาจากทั้งสี่คน แต่เมื่อเทียบกับสี่อันดับแรกการเดิมพันของเขามีเพียงหนึ่งพันล้านหยดเท่านั้น…

“มิน่าคนอื่นถึงจำข้าได้” มู่เฉินส่ายหัวช้าๆ มีหน้าจอขนาดใหญ่ปานนี้ตั้งไว้ ใครบ้างจะจำเขาไม่ได้?

มู่เฉินมองไปที่ภาพทั้งสี่เขาก็ยิ้ม คนพวกนี้คือคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเรอะ?

มู่เฉินเดินเข้าไปที่กำแพงผลึกแก้วซึ่งมีสาวงามกำลังเก็บเงินเดิมพัน พวกนางมาจากเผ่าหมัวเฮอ มีเพียงเผ่าหมัวเฮอเท่านั้นที่กล้าเป็นเจ้าภาพในการวางเดิมพันระดับดังกล่าวได้

“เจ้าสนใจจะพนันหน่อยไหม?” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากด้านข้าง มู่เฉินหรี่ตาหันไปมองก็เห็นร่างคุ้นหน้าส่งยิ้มมาให้เขา นั่นก็คือหมัวเฮอโยวนั่นเอง

ในฐานะเจ้าเหนือหัวทวีปหมัวเฮอ ตำแหน่งของมู่เฉินถูกจับตาโดยเผ่าหมัวเฮอตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว

มองไปที่หมัวเฮอโยว มู่เฉินก็ตอบอย่างเยาะเย้ย “ทำไม? ยังคิดจะลงมือที่นี่อีกเรอะ? เผ่าหมัวเฮอของเจ้าขาดความมั่นใจไปหน่อยหรือเปล่า?”

หมัวเฮอโยวส่ายหัวตอบว่า “ไม่ใช่ว่าขาดความมั่นใจหรอก เราแค่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลนี่ก็แค่รอบคัดออก หากเจ้าไม่สามารถทนต่อปัญหาเหล่านั้นได้แสดงว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม”

มู่เฉินยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากพร้อมตอบ “งานชุมนุมนิรันดร์ที่เกิดจากเทพจักรพรรดินิรันดร์ไม่เห็นมีรอบกำจัดแบบนี้นะ ”

หมัวเฮอโยวเผยรอยยิ้มบางตอกกลับ “เผ่าหมัวเฮอของข้าปกป้องร่างมหาเทพนิรันดร์มานาน นี่ถือเป็นสมบัติของเผ่าแล้ว ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เราจะทำอะไรเพื่อครอบครองมัน”

มู่เฉินส่ายหัวแสดงความคิดเห็น “เทพจักรพรรดินิรันดร์คงจะสงสัยในตัวเองที่เลือกพวกเจ้าเป็นผู้ดูแล”

หมัวเฮอโยวพูดเสียงราบเรียบ “ตราบใดที่เผ่าหมัวเฮอเป็นเจ้าของร่างมหาเทพนิรันดร์ แม้แต่เทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ไม่สามารถเอาคืนได้”

เขามองไปที่มู่เฉินพูดต่อ “มู่เฉินถ้าเจ้ายอมสละร่างมหาเทพนิรันดร์ เผ่าหมัวเฮอจะชดเชยให้”

“แต่นี่ไม่ใช่เพราะพวกข้าไม่มั่นใจ แต่ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าเผ่าหมัวเฮอจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องร่างมหาเทพนิรันดร์ได้…”

“เจ้าว่ายังไงล่ะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหมัวเฮอโยว ดวงตาของมู่เฉินก็วูบไหวแรงกล้าขณะที่โบกมือ กำไลเฉียนคุนบินไปหาหญิงสาวที่อยู่ใต้กำแพงผลึกแก้ว “หนึ่งพันล้านหยด ข้าเดิมพันตัวเอง”

ภายใต้สายตาตะลึงโดยรอบ มู่เฉินไม่สนใจหมัวเฮอโยวสักนิดขณะเดินจากไป

หมัวเฮอโยวมองภาพเงาที่กำลังจากไปของมู่เฉินอย่างไม่แยแสก็ส่ายหัว “ถ้าไม่ใช่มารดาเจ้า ข้าจะมาเสวนากับเจ้าทำไม… ช่างเป็นไอ้โง่ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

“แต่ในเมื่อแกร้องหาความตาย ข้าก็ทำได้เพียงเติมเต็มความปรารถนาให้”