กษัตริย์เซวพูดพึมพำเสียงเย็นชา “รีบหยุดการโจมตีกดขี่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ก่อนหน้าที่ยังไม่แน่ใจสถานะของเขา ห้ามหาเรื่องเขาอีก”
“อย่าลืมนะ ภารกิจที่ฉันส่งแกไปเมืองเยี่ยนตูคืออะไร?”
ฟังคำพูดของกษัตริย์เซวแล้ว เซวหยวนจี๋ร้อนใจในชั่วขณะนั้น “ท่านพ่อครับ น้องสามตายด้วยน้ำมือของคนคนนี้ หรือว่าพวกเราจะปล่อยเขาไปแบบนี้?”
“หุบปาก!”
กษัตริย์เซวพูดอย่างโมโห “สรุปว่าน้องสามของแกตายยังไง ฉันจะส่งคนไปตรวจสอบ ก่อนหน้าที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนร้าย ถ้าแกกล้าหาเรื่องเขาอีกล่ะก็ ผลสุดท้ายทุกอย่างรับผิดชอบเอาเอง!”
พูดจบ กษัตริย์เซววางสายโทรศัพท์โดยตรง
เวลานี้ เขาเพียงรู้สึกว่าเลือดลมในร่างกายตนเองเดือดพล่าน อยากพุ่งไปเมืองเยี่ยนตูจนใจแทบขาด ตรวจสอบสาเหตุการตายของเซวหยวนป้าด้วยตนเอง แต่เขารู้ว่าไม่ได้
“กษัตริย์เซวครับ ท่านอย่าเสียใจมากไปเลยครับ!”
ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายเอ่ยปากบอก
เมื่อสักครู่ตอนที่กษัตริย์เซวโทรศัพท์ เขาก็รู้ทุกอย่างแล้ว
กษัตริย์เซวสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง จากนั้นมองทางผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้าย เอ่ยปากบอกว่า “นายไปเมืองเยี่ยนตูด้วยตนเองสักหน่อย ไปดูชายหนุ่มคนนั้นสักนิด”
ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายตะลึงเล็กน้อย จากนั้นขมวดคิ้ว “กษัตริย์เซวครับ ผมคิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ถ้าเกิดเจอร่องรอยของผมเข้า เกรงว่าราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงอื่นๆ จะไม่ยอมเลิกราด้วยดีนะครับ”
“เรื่องสำคัญในตอนนี้ น่าจะเป็นการควบคุมเยี่ยนตูให้ไวที่สุด ต่อให้ไม่มีทางควบคุมเยี่ยนตูได้หมด งั้นก็ต้องควบคุมอิทธิพลโน้มน้าวไว้ให้มากพอครับ”
กษัตริย์เซวส่ายหน้า “ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว ฉันแค่อยากรู้ว่า การตายของหยวนป้า สรุปเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มคนนั้นรึเปล่า”
“ถ้าไม่เกี่ยว งั้นคงจะดีที่สุดแล้ว ขอเพียงเขาทำงานให้ฉันได้ ต่อให้ควบคุมทั้งเมืองเยี่ยนตู ก็ไม่ใช่ไม่มีหวังเลย”
ฟังคำพูดของกษัตริย์เซวแล้ว ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายก็เข้าใจความหมายของเขา
ปัจจุบันนี้ ราชวงศ์ทั้งสี่และตระกูลเดอะคิงทั้งห้า ล้วนอยากควบคุมเยี่ยนตู
เทียบกับราชวงศ์แล้ว ตระกูลเดอะคิงไม่ใช่คู่แข่งเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าสามารถหาตัวแทนตระกูลเซวที่เหมาะสมในเมืองเยี่ยนตูเจอ งั้นตระกูลเซวก็จะสามารถควบคุมอิทธิพลโน้มน้าวได้มากกว่า
“ถ้าเกิดว่า การตายของเจ้าชายสาม คือชายหนุ่มคนนั้นทำล่ะครับ?”
ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายถามขึ้นกะทันหัน
นัยน์ตาของกษัตริย์เซวมีแววอาฆาตดุเดือดแวบผ่าน “ฆ่า!”
ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายเป็นลูกน้องที่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดของเขา ตอนที่ทั้งสองยังเด็กอยู่ ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายก็ติดตามเขาแล้ว
หลายปีมานี้ ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายสร้างคุณูปการในการรบชนะให้ตระกูลเซวมากมาย
ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายอยู่ภายในตระกูลเซว เป็นคนนอกตระกูลเพียงคนเดียวที่ถูกกษัตริย์เซวเห็นเป็นพี่น้อง ต่อให้เป็นเจ้าชายเจ้าหญิงตระกูลเซว เจอผู้อาวุโสชุดผ้าฝ้ายแล้ว ต้องเรียกว่าคุณตู้ด้วยความเคารพนับถือ
เขาชื่ออะไร คนของตระกูลเซวลืมไปตั้งนานแล้ว ทุกคนล้วนเรียกเขาว่าคุณตู้ เวลานานวันเข้า คุณตู้ก็กลายเป็นชื่อของเขาแล้ว
คุณตู้เห็นกษัตริย์เซวเกิดความคิดอาฆาตขึ้นแล้ว จึงเอ่ยปากบอกว่า “ถ้าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนข้างกายจอมพลของชายแดนเหนือ หากฆ่าไปจริงๆ เกรงว่าจะนำความวุ่นวายใหญ่มากมาให้ตระกูลเซวนะครับ”
“ชายแดนเหนือเป็นชายแดนหนึ่งที่ให้ท้ายมากที่สุด อย่าว่าแต่คนข้างกายของจอมพลของชายแดนเหนือเลย ต่อให้เป็นแค่ทหารปลดประจำการของชายแดนเหนือธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าโดนลอบฆ่าจริง ชายแดนเหนือจะค้นหาคนร้ายออกมาครับ”
กษัตริย์เซวขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ เขาไม่ใช่ไม่รู้ความยิ่งใหญ่ของชายแดนเหนือ และไม่ใช่ไม่ชัดเจนถึงการให้ท้ายของชายแดนเหนือ
เพียงแต่ คนที่ตายครั้งนี้เป็นลูกชายสุดที่รักของเขา เดิมทีเขาคิดจะยกตำแหน่งผู้สืบทอดกษัตริย์เซวให้เซวหยวนป้า แต่ตอนนี้ เซวหยวนป้ากลับตายแล้วอย่างคาดไม่ถึง
“ฆ่า!”
กษัตริย์เซวเงียบนิ่งตั้งนาน น้ำเสียงแน่วแน่ไร้ที่เปรียบ
คุณตู้พยักหน้า ไม่โน้มน้าวอีก เคยเกลี้ยกล่อมกษัตริย์แล้ว ในเมื่อเขายังตัดสินใจจะฆ่า โน้มน้าวต่อไปคงไม่เหมาะสม
ในขณะเดียวกัน เมืองเยี่ยนตู เยี่ยนเฉินกรุ๊ป
ที่ทำให้หยางเฉินแปลกใจคือ ข่าวที่เซวหยวนป้าตายเนื่องจากช่วงชิงอำนาจเพิ่งปล่อยออกไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลั่วปิงรายงานข่าวดีเรื่องหนึ่งมา มือมืดที่เดิมทีแอบโจมตีกดขี่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป หายลับในทันใด
ภายใต้การดำเนินงานของลั่วปิง ราคาหุ้นของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปไม่เพียงไม่ได้ถูกโจมตีกดลงไป แต่ทว่ายังพุ่งขึ้นไม่น้อย
“ไม่เสียแรงที่เป็นกษัตริย์เซว ยังมีความเด็ดขาดเสียจริง!”
หยางเฉินหรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย เขาเดาได้อย่างง่ายดายมาก เซวหยวนจี๋โจมตีกดราคาหุ้นเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ถูกกษัตริย์เซวสั่งให้หยุด
เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสงบมั่นคงแล้ว แต่เขาไม่ผ่อนคลายสักนิด กังวลอยู่บ้างแทน
เพียงแค่ตระกูลเซวแห่งเดียว ก็ทำให้เขาตกระกำลำบาก ยังมีราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงอีกแปดแห่ง จะรับมืออย่างไร?
คนมีฝีมือและความสามารถ มักจะตกเป็นเหยื่อโดนทำลาย
ปัจจุบันนี้ มีคนปล่อยข่าวออกไป บอกว่าเขาอยากเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู ทำลายความสงบของเยี่ยนตูเมื่อร้อยปีก่อนเพราะเหตุนี้
ไม่ว่าราชวงศ์หรือตระกูลเดอะคิง ก็สามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดายมาก อิทธิพลโน้มน้าวในเมืองเยี่ยนตูของเขาสูงมาก
ใครต่างอยากควบคุมเมืองเยี่ยนตู อย่างนั้นขอแค่ควบคุมเขาไว้ได้ ก็สามารถพูดได้ว่า ครึ่งหนึ่งของเมืองเยี่ยนตู ถูกควบคุมอยู่ในมือตนเองแล้ว
ผลประโยชน์มากขนาดนี้ ราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงอื่นๆ จะสละสิทธิ์ได้เหรอ?
“ท่านประธานคะ มีคนอยากพบท่านค่ะ หล่อนบอกว่าแซ่กวนค่ะ”
ในเวลานี้เอง เลขาฯเคาะประตูเข้ามาแล้ว รายงานต่อหยางเฉิน
หยางเฉินขมวดคิ้ว ในราชวงศ์ทั้งสี่ ก็มีตระกูลกวนแห่งหนึ่ง
แค่แป๊บเดียว คนของราชวงศ์ก็มาแล้วเหรอ?
“ให้หล่อนเขามา!”
หยางเฉินตอบนิ่งๆ
ยังไม่รู้เป้าหมายของผู้มาเยือน รอเจอตัวคนแล้วค่อยว่ากัน
ไม่นาน ประตูห้องทำงานถูกเคาะเปิด เลขาฯพาผู้หญิงอายุน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา
ตอนที่หยางเฉินมองเห็นหญิงสาว ชั่วพริบตาเดียวขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว “เธอนั่นเอง!”
“อาจารย์ ในที่สุดฉันก็หาคุณเจอแล้ว”
หญิงสาวมองเห็นหยางเฉิน ชั่วขณะนั้นเผยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นออกมา
“เธออย่ามาเรียกมั่วๆ ฉันไปเป็นอาจารย์เธอตั้งแต่ตอนไหน?”
หยางเฉินยักคิ้วเบาๆ ทำหน้าไม่พอใจ
หญิงสาวคนนี้ลักษณะอายุยี่สิบต้นๆ หน้าตาสวยงามมาก ผมดำยาวเรียบตรง ส่วนสูงคงสักร้อยเจ็ดสิบได้ สัดส่วนดี รูปร่างงดงามอย่างมาก
วันนี้คือครั้งที่สองที่เขาเจอกับผู้หญิงคนนี้ ตอนที่เจอกันครั้งแรก คือครั้งก่อนที่เขาตามหาเซวหยวนป้าทั้งเมือง ที่สถานีรถไฟ เขาหาเซวหยวนป้าที่สวมหน้ากากผู้สูงอายุไว้จนเจอ
ผลปรากฏว่าเซวหยวนป้าพยายามแสร้งทำตัวน่าเวทนา มาดึงดูดความโกรธเคืองของสาธารณชน เอาความสะดวกเพื่อที่เขาจะหลบหนีได้อย่างราบรื่น
และตอนที่เขาเตรียมลงมือ หญิงสาวคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ต่อยเขาหมัดหนึ่งแล้ว
แต่หลังจากหยางเฉินฉีกหน้ากากหนังของเซวหยวนป้าต่อหน้าสาธารณชน เธอถึงรู้ว่าตนเองเข้าใจหยางเฉินผิดแล้ว จึงรีบขอโทษทันที
นึกไม่ถึง ไม่เจอกันสิบกว่าวัน ผู้หญิงคนนี้มาหาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว
“อาจารย์คะ คุณโกรธที่ฉันยังไม่ได้ทำพิธีไหว้ครูกับคุณหรือเปล่าคะ?”
กวนเย่วหัวเราะบอกว่า “ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแต่แรกแล้ว”
พูดจบ เธอถือโอกาสหยิบแก้วน้ำของหยางเฉินขึ้นจากบนโต๊ะทำงาน จากนั้นวิ่งไปข้างเครื่องทำน้ำดื่ม เทน้ำแก้วใหญ่ฉับพลัน
“อาจารย์คะ เงื่อนไขมีจำกัด ไม่มีใบชา ฉันเลยใช้น้ำเปล่าแทนชา เคารพน้ำชาต่อท่านนะคะ”
กวนเย่วยกแก้วชาด้วยมือทั้งสอง ก้มหน้าเล็กน้อย ยังมีท่าทางอยากไหว้ครูจริงๆ “อาจารย์คะ เชิญดื่มชาค่ะ!”
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ผู้หญิงคนนี้ ยังเป็นคนฉลาดจริงด้วย”
เพราะเธออายุยังน้อย ไม่อย่างนั้นคงโดนหยางเฉินไล่ออกไปตั้งนานแล้ว
“ฉันไม่ได้บอกว่าอยากรับเธอเป็นศิษย์สักหน่อย เธอรีบออกไปซะ!”
หยางเฉินไม่ได้รับแก้วน้ำมา พูดอย่างอารมณ์เสีย
เขาไม่มีความคิดจะรับไว้เป็นศิษย์จริงๆ อยากรับเป็นศิษย์จริง ก็ไม่อาจรับหญิงสาวคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ได้
อีกอย่าง เดิมทีเขาไม่รู้จักหญิงสาวคนนี้ แม้แต่เธอเป็นใครยังไม่รู้ชัด แล้วจะรับเป็นศิษย์ได้อย่างไร?
“อาจารย์คะ ถ้าคุณไม่รับปากฉัน ฉันจะร้องไห้ให้คุณดูเลย!”
กวนเย่วเงยหน้า ลักษณะท่าทางน่าสงสาร เบ้าตาแดงไปหมด เหมือนจะร้องไห้จริงๆ
หยางเฉินมองกวนเย่วแบบนิ่งเฉยแวบหนึ่ง “เธอจบสาขาการแสดงสินะ?”
“คุณรู้ได้อย่างไรกัน? วิชาโทของฉันสมัยมหาวิทยาลัย ก็คือสาขาการแสดงค่ะ”
กวนเย่วพูดด้วยความตกใจ