บทที่ 624 ป่าชายเลนก็มีการค้นพบครั้งใหม่

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 624 ป่าชายเลนก็มีการค้นพบครั้งใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

ข่าวการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ของทะเลสาบเฉินเป่าแพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว กระทั่งคณะผู้เชี่ยวชาญที่กำลังวิจัยเต่ามะเฟืองกับล็อบสเตอร์สีรุ้งในฟาร์มปลาที่อยู่ไกลออกไปก็ล้วนแต่ตกใจกับเรื่องนี้ หลังจากบาลซักได้รับข่าวนี้เขาก็กะพริบตาปริบๆ ถามออกมา “อะไรนะ พวกเขาค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ของที่นี่เหรอ?”

ดอล์ฟโทรศัพท์หาแฮมเล็ต โทรไปติดๆ กันหลายครั้งทางฝั่งนั้นถึงเพิ่งจะมีคนรับสาย หลังจากนั้นเขาก็พูดด้วยความเร่งรีบรวดเร็วเหมือนปุยเมฆที่ถูกพายุหอบเอาไป เขาวางสายโทรศัพท์ไปอย่างอึ้งๆ ทุกๆ คนจ้องมองเขาแล้วถามออกไป “เป็นยังไงบ้าง?”

ดอล์ฟตอบว่า “ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ท่านนายกเทศมนตรีเป็นคนใจร้อน เขาพูดเยอะแล้วก็พูดเร็วเกินไป แต่เหมือนว่าจะมีฟอสซิลไดโนเสาร์อยู่จริงๆ แถมยังเป็นฟอสซิลของโมซาซอรัสด้วย นอกจากนี้ยังมีฟอสซิลฉลามปลาทูอีก ดูท่าว่าน่าจะมาจากเจ็ดแปดพันปีก่อน ทะเลของที่นี่เคยมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในโลกใต้ทะเลมาก่อน”

โมซาซอรัสคือนักล่าชั้นบนสุดในมหาสมุทรของมหายุคมีโซโซอิก มันเป็นสิ่งมีชีวิตบนบกที่วิวัฒนาการไปสู่การเป็นสัตว์น้ำแบบที่พบเห็นได้น้อย เพราะโดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตจะวิวัฒนาการจากน้ำขึ้นไปสู่บนบก

แถมมันยังเป็นสัตว์หายากที่มีนิสัยดุร้ายด้วย ประวัติศาสตร์การวิวัฒนาการของโมซาซอรัสพิสูจน์ความจริงข้อนี้แล้ว ไดโนเสาร์ชนิดนี้วิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลานยุคต้น ปรากฏตัวในช่วงตอนกลางถึงตอนปลายยุคครีเทเชียส หลังจากนั้นก็ก้าวหน้าอย่างพรวดพราดจนกลายเป็นนักล่าระดับบนสุดของมหาสมุทรในยุคนั้น!

ฉลามปลาทูเป็นทั้งอาหารและศัตรูของโมซาซอรัส ฉลามดึกดำบรรพ์ชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าฉลามกินซู เป็นผู้ล่าขั้นสูงสุดของมหาสมุทรและถูกเรียกว่า “จุดยุทธศาสตร์แห่งยุคครีเทเชียส” มันมีขนาดพอๆ กันกับฉลามขาวยักษ์ สามารถใช้ลำตัวที่ขยับขึ้นลงและใช้ขาที่เหมือนกับครีบเพื่อว่ายน้ำไปได้พร้อมๆ กัน มันมักจะกล้าโจมตีโมซาซอรัสขนาดเล็ก

สัตว์ประหลาดทั้งสองชนิดนี้แทบจะปกครองมหาสมุทรในช่วงเวลายุคนั้นของพวกมัน ถึงแม้ว่าพวกมันจะปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่เกือบจะเป็นปลายยุค แต่เมื่ออาศัยนิสัยที่โหดเหี้ยมดุร้ายกับพละกำลังที่แข็งแกร่ง พวกมันก็ร่วมมือกันจนสามารถสังหารสัตว์เลื้อยคลานในมหาสมุทรออกไปจากประวัติศาสตร์ยุคก่อนหน้าได้จนราบเรียบ…

เมื่อได้รับคำยืนยันจากปากของดอล์ฟ บาลซักและคนอื่นๆ ก็นำอุปกรณ์สังเกตการณ์ใต้น้ำที่มีความคมชัดมากกว่าไปที่ทะเลสาบเฉินเป่า

ฉินสือโอวรวมอยู่กับฝูงชนที่เข้ามามุงดูความคึกคัก แค่ครู่เดียวเขาก็ได้พบกับวินนี่ ทั้งสองคนกอดกันแล้ววินนี่ก็พูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา “พระเจ้า พวกนักท่องเที่ยวพากันบ้าไปแล้ว พวกเขาบอกว่าอยากจะเป็นประจักษ์พยานในช่วงเวลาประวัติศาสตร์การค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ครั้งนี้ แต่โมซาซอรัสไม่ได้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกสักหน่อย มีอะไรให้เป็นประจักษ์พยานได้กัน?”

“พวกเขาแค่อยากเข้ามามุงดูเพื่อความคึกคักเท่านั้นแหละครับ” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม

คนจำนวนมากมายมหาศาลถูกข่าวการค้นพบดึงดูดให้มาที่ริมทะเลสาบ สถานีตำรวจของเมืองจึงต้องออกปฏิบัติการ โรเบิร์ตพาตำรวจทุกนายมารักษาความเป็นระเบียบเพราะด้านหน้านี้มีคนถูกเบียดจนลงไปในทะเลสาบแล้ว

ที่จริงแล้วพวกเขามองไม่เห็นอะไรเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากตอนนี้ต้องใช้อุปกรณ์สังเกตการณ์ใต้น้ำถึงจะสามารถเห็นฟอสซิลที่อยู่ใต้ทะเลสาบพวกนั้นได้ แถมนักท่องเที่ยวและชาวเมืองจำนวนมากต่างก็ไม่ได้รับอุปกรณ์สังเกตการณ์ พวกเขาจึงทำได้แค่รออยู่ตรงนั้นเฉยๆ อย่างช่วยอะไรไม่ได้ หรือไม่ก็พูดคุยกันไปเรื่อย

ฉินสือโอวเคยเห็นฟอสซิลพวกนี้มาตั้งนานแล้ว เขาทำภารกิจช่วยให้พวกมันได้เห็นแสดงสว่างอีกครั้งสำเร็จแล้วจึงเตรียมตัวกลับไปที่ฟาร์มปลา

วินนี่ไม่ต้องทำงานต่อแล้ว บรรดานักท่องเที่ยวต่างก็กำลังรอที่จะผลัดกันใช้อุปกรณ์สังเกตการณ์ใต้น้ำเพื่อดูฟอสซิล คาดว่ากิจกรรมวันนี้คงต้องยกเลิกแล้วล่ะ

ฉินสือโอวอยากพาวินนี่กลับ วินนี่บอกกับเขาว่าเธอยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่กับตัว แท้ที่จริงแล้วเธอก็แค่ไม่อยากรีบกลับเร็วขนาดนี้ เธอก็อยากจะลองดูฟอสซิลไดโนเสาร์ใต้ทะเลสาบเหมือนกัน

ฟอสซิลพวกนี้พูดไปแล้วก็ฟังเหมือนไม่มีอะไร พิพิธภัณฑ์หลายแห่งล้วนมีของพวกนี้ทั้งนั้น แต่ถ้าสามารถค้นพบพวกมันได้ก็ไม่มีใครยอมพลาดประสบการณ์แบบนี้ไปหรอก

ฉินสือโอวไปหาเหมาเหว่ยหลงอีกครั้ง เจ้าหมอนั่นกอดตั๋วตั่วเอาไว้ไม่ยอมจากไปไหน ตั๋วตั่วยื่นมือออกมาวาดลักษณะของไดโนเสาร์ให้เขาดูโดยใช้มือเล็กๆ วาดภาพขนาดใหญ่บนหน้าอก ใบหน้ารูปซาลาเปาทำหน้าตาตลกชวนขำขันออกมาพร้อมบรรยายความดุร้ายของไดโนเสาร์ไปด้วย

แบบนี้ฉินสือโอวคงกลับไม่ได้แล้วล่ะ เขาทำได้แค่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในรถฟอร์ดเอฟ 650

หลังจากนั้นเขาที่นั่งอยู่ในรถก็ไม่ได้รับความสงบอีกต่อไปแล้ว มีนักท่องเที่ยวอยากจะถ่ายรูปคู่กับรถฟอร์ดยักษ์ ฟอร์ดเอฟ 650 ที่ยังไม่เข้าสู่ประเทศจีน สำหรับแฟนพันธุ์แท้รถกระบะแล้ว พอได้เห็นรถคันนี้ที่นี่ยังมีความหมายมากกว่าได้เห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะแฟร์เวลเสียอีก

ยังไงซะแฮมเล็ตก็เคยทำงานที่พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลแห่งประเทศแคนาดามาก่อน เขาใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่บาลซักนำมาดึงลากเลนส์แบบต่างๆ เพื่อสังเกตฟอสซิลที่ปรากฏอยู่ในน้ำ

อาศัยเพียงชิ้นส่วนของฟอสซิลที่โผล่พ้นออกมาเขาก็สามารถตัดสินตัวตนของเจ้าของชิ้นส่วนฟอสซิลออกมาได้ เขาอธิบายว่า “ในตอนนั้นมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่นี่ ฉลามปลาทูหลายตัวกำลังล้อมโจมตีโมซาซอรัสตัวเล็กตัวหนึ่ง และห่างออกไปไม่ไกลก็ยังมีซิปแฮคตินัสตัวหนึ่งที่กำลังซ่อนตัวอยู่ นอกจากนี้ข้างๆ ซิปแฮคตินัสยังมีฟอสซิลปลาที่แปลกประหลาดมากอยู่หนึ่งชนิดด้วย ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ !”

ข้อมูลนี้ทำให้บาลซักรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา หรือว่าโอกาสในการค้นพบและตั้งชื่อสายพันธุ์ชนิดใหม่ที่เขาเคยพลาดไปเมื่อก่อนหน้านี้จะกลับมาหาเขาอีกครั้งแล้ว? ถ้าอย่างนั้นก็ต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้!

ฉินสือโอวไม่อยากจะเสียเวลาไปกับที่นี่เปล่าๆ จึงเหยียบกระดานโต้คลื่นไปเล่นน้ำต่อ เขาเข้าไปใกล้เกาะกลางทะเลสาบในจุดที่ไกลออกไป ฤดูใบไม้ผลิทำให้น้ำในทะเลสาบเพิ่มสูงขึ้น เกาะเล็กเกือบจะจมน้ำไปจนหมดแล้ว แต่สภาพการเจริญเติบโตของป่าชายเลนที่อยู่ด้านบนก็ยังคงเจริญงอกงามอยู่จนเกิดเป็นภาพป่าไม้บนผิวทะเลสาบที่หาชมได้ยาก

เนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่เปียกชื้น ถึงแม้ว่าต้นไม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ด้านบนก็มีเห็ดจำพวกเห็ดหอมภูเขาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวถึงขนาดค้นพบเห็ดล้ำค่าอย่างเห็ดพอร์ชินีดอกใหญ่อยู่หนึ่งหย่อมเลยทีเดียว

เห็ดพอร์ชินีพบได้ทั่วไปในป่าดิบชื้นของเอเชียตะวันออก ที่อเมริกาเหนือจะพบได้น้อย แต่ก็ยังพอมี อย่างเช่นหย่อมเห็ดพอร์ชินีที่ฉินสือโอวค้นพบนี่ไง

หลังจากค้นพบเห็ดรสชาติดีพวกนี้แล้ว เขาก็กลับไปพายเรือยางเพื่อมาเก็บเห็ด ทว่าเรือยางลอดผ่านป่าไม้บนผิวน้ำไปได้ยาก ไม่เพียงแต่มีบางจุดที่ไม่สามารถผ่านไปได้ แต่เรืออาจจะเกยตื้นได้เช่นกัน

ถ้าจะให้ฉินสือโอวลงไปเก็บก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ น้ำใต้เกาะสกปรกเกินไป ไม่รู้ว่ามีหนอนน้ำอยู่เยอะแค่ไหน

นี่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกร้อนใจมาก การค้นพบอย่างอื่นคงไม่เป็นไร แต่ที่นี่มีเห็ดพอร์ชินีอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมันในแคนาดา เมื่อก่อนอย่าว่าแต่ของสดๆ แบบนี้เลย กระทั่งแบบแห้งก็ยังไม่เคยเห็น แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป่าชายเลนผืนนี้สร้างเชื้อเห็ดราชนิดนี้ขึ้นมาจากที่ไหน

พอลองคิดๆ ดูตาของฉินสือโอวก็เป็นประกายขึ้นมา เขาขับรถกลับไปพาต้าป๋ายมาด้วยกัน โอพอสซัมเวอร์จิเนียเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบุกป่าปีนต้นไม้

ฉินสือโอวลองสาธิตให้ต้าป๋ายดูก่อนโดยการเด็ดเห็ดหอมภูเขาขึ้นมาจากท่อนไม้แห้งที่อยู่บริเวณรอบนอกของป่าชายเลนออกมา

แบบนี้ต้าป๋ายก็เข้าใจแล้ว ฉินสือโอวแขวนถุงผ้าไว้ที่คอของมันหนึ่งใบ จากนั้นต้าป๋ายก็กระโดดไปบนต้นไม้หนึ่งต้นบริเวณรอบนอกอย่างปราดเปรียว มันใช้ทั้งปากและอุ้งเท้าพร้อมกันทั้งสองอย่าง แค่แป๊บเดียวเห็ดหอมภูเขาด้านบนก็ถูกเด็ดลงมาจนหมด

ต้าป๋ายกำลังค้นหาเห็ดในป่าอย่างละเอียด มันเอาเห็ดหอมภูเขากลับมาส่งที่เรือยางครั้งแล้วครั้งเล่า แค่ครู่เดียวมันก็เก็บได้เป็นกองใหญ่หนึ่งกอง

ฉินสือโอวคิดว่าน่าจะพอแล้วจึงชี้ให้มันดูเห็ดพอร์ชินีหายากหย่อมนั้นแล้วบอกให้มันไปเก็บมา

ต้าป๋ายกะพริบตาโตปริบๆ มองตาม มันกระโดดขึ้นไปข้างบนแล้วเด็ดแต่ละต้นลงมา นั่นทำให้ฉินสือโอวดีใจแทบแย่

“ไม่เสียแรงเลยที่ให้แกกินของดีๆ แบบนั้น” ฉินสือโอวลูบหัวต้าป๋ายพร้อมพูดจาเอาอกเอาใจมัน “กลับไปพ่อจะให้รางวัลแก อยากกินสตรอว์เบอร์รีหรือองุ่น หรือจะกินแอปเปิล ลูกแพร์ หรือลูกพีชกันล่ะ?”

พอได้เห็ดรสชาติดีพวกนี้มา ฉินสือโอวก็ไม่รอพวกเหมาเหว่ยหลงแล้ว เขาตัดสินใจขับรถกลับไปก่อน เขาจะทำเห็ดหอมดองพริกกับเห็ดพอร์ชินีผัดน้ำมัน สองเมนูนี้เป็นเครื่องเคียงที่ดีมากสำหรับมื้อเช้า

………………………………………………