อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1215 บุกเข้าไปในพระราชวัง
“ได้สิ ขอเพียงเจ้าสามารถพาข้าเข้าไปในวัง รับประกันความปลอดภัยของข้า ข้าไม่มีความเห็น ตาแก่ซ่างกวน เจ้าไปไหม?”
“ข้าไม่แก่ และก็ไม่ไป” สีหน้าเจ้าบ้านซ่างกวนไม่พอใจ พูดแก้ไขอย่างจริงจัง
เขามากสุดก็คือวัยกลางคน กลายเป็นตาแก่ได้อย่างไร?
“ได้ งั้นเจ้ากลับตระกูลซ่างกวนไปก่อน เราค่อยติดต่อ”
เจ้าบ้านซ่างกวนพูดกับเวินเส้าหยี ให้พวกเขาเข้าวังไปแล้วต้องระมัดระวัง แล้วก็จากไป
เวินเส้าหยีมองดูเงาหลังเจ้าบ้านซ่างกวน นัยน์ตาลึกเหมือนเหวลึก อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
กู้ชูหน่วนพูดขึ้นว่า “ต่อให้เจ้าฆ่าเข้า ความลับที่เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่น ยังไงก็ต้องมีวันที่ทุกคนต่างก็รู้ มีคนช่วยเพิ่มมาคนหนึ่งยังไงก็ดีกว่า”
“ไปเถอะ”
เวินเส้าหยีโอบตัวกู้ชูหน่วน เดินเหมือนสายลม มุ่งหน้าไปยังพระราชวัง
กู้ชูหน่วนดมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา อดไม่ได้ที่จะสูดดมอยู่หลายที
บนตัวเขาหอมมาก เป็นกลิ่นหอมจางๆ ดมแล้วทำให้รู้สึกสดชื่น ผิวของเขาอ่อนโยนนุ่มนิ่มมาก อดไม่ได้ที่จะทำให้คนคิดไปเรื่อยเปื่อย
กู้ชูหน่วนยกแขนโอบรอบเอวของเขา คลอเคลียซบแนบอกของเขา เพลิดเพลินกับกลิ่นหอมบนตัวของเขา
เวินเส้าหยีขมวดคิ้ว พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เอามือของเจ้าออกไป”
“ข้ากลัวตก”
“ปล่อยมือ”
กู้ชูหน่วนหลับตา ไม่สนใจคำพูดของเขา
ความโกรธของเวินเส้าหยีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่เคยถูกนางถอดเสื้อผ้าทิ้งปรากฏอยู่ในหัวสมอง
โดยเฉพาะบนหน้าผากของนางยังมีดวงจิตหลายดวงของผู้หญิงคนนั้นอยู่
เวินเส้าหยีรังเกียจอย่างมาก ตอนที่กำลังคิดอยากจะสะบัดน้ำทิ้ง กลับได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ
เมื่อก้มมองดู ผู้หญิงในอ้อมอกไม่รู้หลับไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนนั้นหลับนั้นดูน่ารักและไม่เป็นอันตราย งดงามผ่องใส มีความเหนื่อยล้าลึก ๆ ระหว่างคิ้วและดวงตา น่าจะเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมานี้ไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย
หากไม่ใช่เพราะรู้นิสัยของนาง เวินเส้าหยีคงคิดว่านางเป็นคุณหนูอ่อนโยนน่ารัก
คิดถึงภาพตระกูลมู่ถูกฆ่าล้างตระกูลอย่างอนาถ ตลอดจนท่าทีโศกเศร้าเจ็บปวดของนาง
บวกกับถูกแต่ละสำนักใหญ่ไล่ล่าตามฆ่า ถูกราชินีตามฆ่า
หัวใจเวินเส้าหยีอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว
ภายในใจของเขาวุ่นวายมาก
ทั้งเกลียดชังผู้หญิงคนนี้
และก็เห็นใจผู้หญิงคนนี้
อารมณ์ที่หลากหลายผสมผสานกัน ยังไงเวินเส้าหยีก็ไม่สามารถที่จะปล่อยวางกู้ชูหน่วนได้
มุ่งหน้าไปยังพระราชวังตลอดทาง
รอเมื่อกู้ชูหน่วนตื่นขึ้นมา พวกเขาก็อยู่ในห้องเล็กห่างไกลห้องหนึ่งภายในวังแล้ว
เวินเส้าหยียกมือกอดอก มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแสงจันทร์นวลผ่อง เผยแผ่นหลังที่เรียวสวย
แต่เงานี้เผยให้เห็นถึงความเหงาและความเศร้าอย่างลึกซึ้ง ทำให้เห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ
กู้ชูหน่วนเอื้อมมือ อยากที่จะพูดปลอบเขา แต่ก็ไม่รู้จะปลอบยังไง
“ตื่นแล้วก็พาข้าไปหาดวงจิตดวงนั้น”
กู้ชูหน่วนเหยียดแขนบิดขี้เกียจ เพิกเฉยต่อความเศร้าโศกที่อยู่เบื้องหลังของเขา
“เจ้าผีเสื้อ เจ้าเก่งมากเลย พระราชวังมีเวรยามคุ้มกันอย่างแน่นหนา เจ้ากลับเข้ามาได้ง่ายๆแบบนี้ ข้านอนไปนานเท่าไหร่แล้ว ทำไมเจ้าไม่ปลุกข้าตื่นขึ้นมา?”
เวินเส้าหยีหันหน้ามา เรียนแบบท่าทีของนาง ยกมือกอดอกพิงอยู่อย่างหมดอาลัยตายอยาก พร้อมจ้องมองดูนาง
“เจ้าผีเสื้อ เจ้าชั่วร้าย ท่าทีนี้ทำให้ชื่อเสียงดั่งเซียนของเจ้าเสื่อมเสีย”
“เจ้าจะไปไม่ไป?”
“ไป จะไม่ไปได้อย่างไร ข้าเข้าไปในห้องลับทางห้องเล็กด้านข้างห้องทรงอักษร แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าราชินีตัวปลอมรู้ว่าห้องนั้นมีค่ายกลเข้าไปทางลับได้หรือเปล่า”
“พาข้าไป”
“เจ้าต้องรู้ว่า หากราชินีตัวปลอมรู้ความลับของห้องนั้น เจ้าเข้าไป อาจจะถูกจับเหมือนจับเต่าในไห”