ตอนที่ 2331 ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า

อัจฉริยะสมองเพชร

จางเซวียนไม่เคยได้ยินชื่อใบบัว 9 น่านฟ้ามาก่อน และด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ชื่อของมันทำให้เขานึกถึงต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้า

มันคือสิ่งที่เขานำมาหลอมเป็นตัวโคลน!

ก็เพราะทำจากวัสดุนั้น ตัวโคลนของเขาจึงมาพร้อมกับความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่อาจทำลายล้างได้และประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าใคร แม้แต่จางเซวียนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์ก็ยังเทียบชั้นกับมันไม่ได้

จนเมื่อเขาทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์ได้สำเร็จแล้ว จึงได้มีพละกำลังเหนือกว่าตัวโคลนเล็กน้อย

ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้ากับใบบัว 9 น่านฟ้า…

พวกมันมีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?

เมื่อนึกได้ จางเซวียนนำตัวโคลนออกมา

ตอนนี้ตัวโคลนมีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดแล้ว ทำให้ทั้งคู่มีพละกำลังพอๆกัน

“ลองดูใบบัวที่อยู่ตรงนั้นหน่อย” จางเซวียนชี้นิ้วไป

ตัวโคลนที่แสนจะเย่อหยิ่งเชิดหน้ามองใบบัว จากนั้นก็ตาโต “ผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าหามัน…”

ตัวโคลนพูดขณะบินตรงเข้าหาใบบัวขนาดใหญ่นั้น

ในเวลาเดียวกัน ใบบัวขนาดใหญ่ก็ดูจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันเริ่มหดตัว

ตัวโคลนร่อนลงบนใบบัว ก่อนจะกลายร่างเป็นดอกบัวที่ดูพร้อมจะผลิบานได้ทุกขณะ

จางเซวียนหรี่ตา

ต้นอ่อนใบบัว 9 น่านฟ้าที่เขาเคยเห็นก็มีหน้าตาแบบนี้ก่อนที่เขาจะนำมันมาหลอมเป็นตัวโคลน

พละกำลังของใบบัวพุ่งเข้าสู่ดอกบัวนั้นเพื่อบ่มเพาะมัน ดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ผลิบานก่อนจะค่อยๆกลายเป็นวัตถุที่มีลักษณะโปร่งแสง

บึ้มมม!

พลังงานเข้มข้นระเบิดออกจากรอยแยกของดอกบัวขณะที่ดอกบัว 9 สีผลิบานเต็มที่ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล

“ไม่นึกเลยว่านั่นคือดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนพึมพำขณะตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

“คุณรู้จักมันด้วยหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

“ตำนานกล่าวไว้ว่าก่อนที่ 9 น่านฟ้าจะถือกำเนิด พลังดึกดำบรรพ์ของจักรวาลได้ให้กำเนิดดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์เพื่อวางรากฐานและจัดระเบียบให้กับ 5 ธาตุและ 4 ทิศ แต่ยังไม่ทันที่มันจะโตเต็มที่ จู่ๆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายครั้งใหญ่ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ 4 อสูรในตำนานถือกำเนิด ซึ่งสุดท้ายก็เป็นที่รู้จักในฐานะจอมราชันย์ของน่านฟ้าทิศเหนือ น่านฟ้าทิศใต้ น่านฟ้าทิศตะวันออก และน่านฟ้าทิศตะวันตก”

เพราะเป็นหนึ่งในราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอาวุโสที่รับใช้จอมราชันย์มานาน เขาจึงรู้หลากหลายเรื่องราวที่ไม่มีบันทึกไว้ในหนังสือ

“ผมคิดว่าดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์เป็นแค่ของล้ำค่าที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่นึกเลยว่ามันจะปรากฏขึ้นที่นี่…แถมยัง…” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลัวเหยียนยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ

ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่จอมราชันย์ยังทำให้มันยอมจำนนได้ยาก แต่ชายหนุ่มได้นำมันมาหลอมเป็นตัวโคลนของเขา

เรื่องนี้ถือว่าเหลือเชื่อ!

ถ้าผมรู้เสียก่อนว่าคุณทำให้ดอกบัวยอมจำนนได้ จะไม่มีวันพยายามฉกฉวยมันไปจากคุณเลย…

จางเซวียนรู้สึกได้ว่าตัวโคลนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆขณะที่ยังคงหลอมรวมร่างของมันเข้ากับใบบัว ตอนนี้พละกำลังของตัวโคลนเหนือกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว

เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ดูเหมือนตัวโคลนจะโชคดีกว่าเขาหลายเท่า

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกฝ่ายคงได้เป็นจอมราชันย์ก่อนเขา และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ตัวโคลนก็คงกลายเป็นผู้ที่ไม่มีใครทำลายล้างหรือเทียบชั้นได้อย่างแท้จริง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนเคยนึกสงสัยว่าต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าเป็นของล้ำค่าระดับขั้นไหน ถึงเอาชนะตัวเขาที่เป็นนักรบผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์ได้ เพิ่งค้นพบเดี๋ยวนี้เองว่าตัวโคลนมีภูมิหลังที่แสนจะน่าสะพรึง

“เราน่าจะคิดได้เสียตั้งนานแล้ว” จางเซวียนรำพึงพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “แต่นั่นแหละ เมื่อดอกบัวผลิบานเต็มที่ ตัวโคลนก็คงฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้ เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่ากระบวนการนั้นจะเสร็จสมบูรณ์”

ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้ามีชื่อของทั้ง 9 น่านฟ้าอยู่ เขาจึงน่าจะรู้ตั้งแต่มาถึงสรวงสวรรค์แล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตัวโคลนจะเก่งกาจไร้เทียมทานขนาดนี้

จางเซวียนเพ่งดูดอกบัวอย่างใกล้ชิด เห็นมันเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ การเชื่อมต่อทางโทรจิตทำให้เขารู้สึกได้ว่าตัวโคลนซึมซับใบบัวเข้าไปจนเต็มพิกัดแล้ว

ซึ่งหากทั้งสองพละกำลังหลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์เมื่อไหร่ ตัวโคลนของเขาก็จะกลายเป็นจอมราชันย์

“เราพบต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าเป็นครั้งแรกในทวีปแห่งปรมาจารย์ ตอนนั้นคิดว่ามันเป็นแค่บัว 9 หัวใจที่ยังไม่แก่จัดเพราะยังเป็นสีเทาอยู่ จึงใช้พลังปราณเทียบฟ้าบ่มเพาะมัน ซึ่งในตอนนั้น…สีของมันก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อมาย้อนคิดในเวลานี้ เหตุผลที่ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้ามีสภาพแบบนั้น ก็น่าจะเป็นเพราะกลุ่มพลังงานสีเทาประหลาดนั่น…” จางเซวียนตาโตเมื่อพลันนึกได้

ในครั้งนั้น ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่ชื่อมั่วคุนเสินสิงสู่อยู่ในต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้า จึงเอาชีวิตรอดมาได้นานหลายหมื่นปีโดยไม่เสื่อมสลาย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนคิดว่าพลังปราณเทียบฟ้าของเขาทำให้ต้นอ่อนเติบโตเต็มที่ แต่เมื่อพิจารณาอีกที ก็น่าจะเป็นเพราะคลื่นพลังงานสีเทาแบบเดียวกับที่กดข่มวรยุทธของฝงจิ่วเกอไว้มากกว่า

เพราะเขาใช้พลังปราณเทียบฟ้าสลายพลังงานสีเทา ต้นอ่อนบัวจึงเปลี่ยนสีกลับสู่สภาพเดิม!

ด้วยสิ่งนั้น ในที่สุดเขาก็หลอมตัวโคลนได้สำเร็จ

เป็นไปได้ว่าพลังงานสีเทาประหลาดนั่นคงกลืนกินพละกำลังที่อยู่ในต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าไปหมดแล้วตอนที่มาถึงมือของเขา ตัวเขาซึ่งในเวลานั้นยังเป็นแค่นักรบเหนือมนุษย์จึงซับมันได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ว่าจะเป็นต้นอ่อนบัว 9 หัวใจหรือจอมราชันย์อมตะ ก็ดูจะบังเอิญเกินไปที่เราได้เจอ ดูเหมือนเรากำลังเดินไปตามเส้นทางที่ใครสักคนแผ้วถางไว้ให้” จางเซวียนพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว

เขารู้สึกว่าออกจะโชคดีอย่างเหลือเชื่อที่ตัวเขาได้เจอส้มหล่นหลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะเมื่อในเวลานั้นก็อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์อันแสนจะต่ำต้อย แล้วเรื่องประหลาดพวกนี้เกิดขึ้นจากอะไร?

หากมันเป็นแค่ของล้ำค่าที่ทรงพลังสักหน่อย ก็พอจะทึกทักได้ว่าเป็นความโชคดี แต่ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าคือของล้ำค่าที่แม้จอมราชันย์ก็ยอมตายเพื่อให้ได้ครอบครอง แต่เขากลับหลอมมันให้เป็นตัวโคลนได้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ทำให้จอมราชันย์อมตะยอมจำนนด้วย…จอมราชันย์อมตะคือ 1 ใน 9 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกทุกใบที่มีอยู่ แถมจอมราชันย์หลินชีที่มีพละกำลังเป็นที่หนึ่งในน่านฟ้าเสรีก็กลายเป็นคนรักของเขาด้วย

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

คนคนหนึ่งจะโชคดีได้แค่ไหนกัน เขาไม่ใช่พระเอกในนิยายเสียหน่อย!

จางเซวียนรู้ดีว่าปรมาจารย์ขงมีส่วนทำให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าน่าจะมีพลังปริศนาบางอย่างที่คอยช่วยผลักดันให้เรื่องของเขาดำเนินไปแบบนี้

เมื่อคิดไม่ออก จางเซวียนตัดสินใจทิ้งเรื่องนั้นไปก่อน เขาหันกลับไปมองบรรดาลูกศิษย์

จ้าวหย่าก้าวออกมาและมอบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้ “ท่านอาจารย์ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่พวกเราได้มาจากทะเลท่วมท้น หวังว่าน่าจะพอมีประโยชน์กับคุณบ้าง…”

จางเซวียนรับแหวนเก็บสมบัติมาและพิจารณาสิ่งที่อยู่ภายใน จากนั้นก็พยักหน้าขณะเปรย “ไม่เลวเลย!”

ข้าวของที่บรรดาศิษย์สายตรงของเขารวบรวมไว้มีมูลค่าสูงกว่าที่เขาค้นพบด้วยตัวเองหลายเท่า มีอย่างน้อย 10 ชิ้นที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันกับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น แถมด้วยอีก 2-3 ชิ้นที่มีระดับขั้นสูงกว่านั้น

ลูกศิษย์ของเขาเต็มใจมอบทรัพย์สมบัติที่ประเมินค่ามิได้เหล่านี้ให้ จางเซวียนรู้สึกซาบซึ้งกับความจริงใจของพวกเขา

“ผมคงไม่ต้องเสาะหาอะไรเพิ่มแล้วล่ะ ด้วยของพวกนี้ ผมน่าจะผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้โดยไม่มีปัญหา” จางเซวียนพูดพร้อมกับยิ้มออกมา

แต่เมื่อกวาดตาดูข้าวของในแหวนเก็บสมบัติเป็นครั้งที่ 2 ก็พลันสังเกตเห็นบางอย่างที่ทำให้ต้องขมวดคิ้ว “เอ๊ะ? แปลกจริง พวกคุณไม่ใช่คนที่นำดอกไม้เที่ยงคืนกับเหล็กโดดเดี่ยวไปหรอกหรือ?”

เขาสังเกตเห็นว่าดอกไม้เที่ยงคืนกับเหล็กโดดเดี่ยวซึ่งหายไปตอนที่เขาไปถึงที่อยู่ของพวกมันไม่ได้รวมอยู่ในแหวนเก็บสมบัติ

เป็นไปได้ไหมว่ามีคนอื่นที่ไม่ใช่บรรดาศิษย์สายตรงของเขาที่เก่งกาจถึงขนาดนำของล้ำค่าเหล่านั้นออกจากดินแดนที่แสนอันตรายได้

“ดอกไม้เที่ยงคืน เหล็กโดดเดี่ยว?” จ้าวหย่ากับคนอื่นๆส่ายหน้า “พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อของพวกนั้นเลย”

“แบบนี้หมายความว่าอย่างไร? นอกจากพวกคุณ ยังมีใครอื่นที่เก่งกาจถึงขนาดเสาะหาทรัพย์สินในทะเลท่วมท้นได้งั้นหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้วอย่างระแวง

ดอกไม้เที่ยงคืนกับเหล็กโดดเดี่ยวอยู่ในดินแดนอันตรายที่แม้แต่นักรบระดับอ้าวเฟิงก็ยังเข้าไม่ถึง นอกจากจางเซวียนกับบรรดาศิษย์สายตรงของเขา ก็ไม่น่าจะมีใครนำทรัพย์สมบัติในพื้นที่นั้นออกมาได้

จางเซวียนจึงเข้าใจว่าเป็นฝีมือของเด็กพวกนี้ แต่ก็เห็นชัดแล้วว่าเขาคิดผิด

ในทะเลท่วมท้นยังมีกลุ่มอำนาจอื่นที่ลักลอบเข้ามากวาดทรัพย์สมบัติล้ำค่าจากที่นี่ได้ด้วยหรือ?

“คนอื่น?” เจิ้งหยางขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “พอท่านอาจารย์พูดขึ้นมา ก็ดูจะเป็นไปได้ มีหลายพื้นที่ที่พวกเราเข้าไปเสาะหาทรัพย์สมบัติ แต่ก็ถูกใครสักคนตัดหน้าไป เราคิดว่าคงเป็นฝีมือของจอมราชันย์แห่ง 9 น่านฟ้า แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่…”

“อีกฝ่ายกวาดเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้อ่อนด้อยกว่าพวกคุณ…” จางเซวียนเริ่มจะงุนงงกับสถานการณ์

เท่าที่ได้ฟังจากอ้าวเฟิง ตัวเขากับศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนน่าจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลท่วมท้น ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น บุคคลลึกลับผู้นี้มาจากไหน?

“ผมรู้มาว่านอกจากตัวผม จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นยังรับผู้สืบทอดไว้อีกคนหนึ่ง แถมยังหลอมร่างใหม่ให้เขาด้วย” ลู่ชงโพล่งออกมา

“เขาหลอมร่างใหม่ให้?” ทันทีที่ลู่ชงพูดเรื่องนี้ จางเซวียนก็พลันนึกได้ถึงสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาก่อน

“ใช่ ดูเหมือนผู้สืบทอดคนนั้นจะมาถึงสรวงสวรรค์ก่อนพวกเราและปรากฏตัวที่สระบาดาล ด้วยวรยุทธอันทรงพลังของจิตวิญญาณของเขา ก็เป็นไปได้ที่เขาอาจพบสมบัติเหล่านั้นก่อนพวกเราและนำออกไปได้อย่างง่ายดาย” ลู่ชงพูด