หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ยังจะสู้ต่อรึไม่?”
“แน่นอน!” เจิ้งมั่วกัดฟัน แขนขวาที่หักแม้จะส่งผลต่อพลังต่อสู้ของเขา แต่หากเว้นระห่างได้และไม่สู้ระยะประชิดมีรึที่เขาจะแพ้หลิงฮัน?
“เข้ามา!” หลิงฮันกวักนิ้ว
“ฮึ่ม!” เจิ้งมั่วยกมือซ้ายขึ้น ‘พรึบ’ มือของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยคลื่นแสง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นขึงขังพร้อมกับผลักหมัดเข้าหาหลิงฮัน “เมฆาสวรรค์บดขยี้ภูผา!”
ครืน!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับลงมาจากท้องฟ้า อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันทรงพลังระเบิดอำนาจออกมาราวกับสวรรค์กำลังเกรี้ยวกราดจึงได้ลงทัณฑ์โลกนี้ด้วยหัตถ์แห่งทวยเทพ
หลิงฮันพยักหน้าในใจ พลังของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์นั้นทรงพลังกว่า เมื่อใช้ทักษะยุทธ์เสริมเข้ามาด้วยพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายจึงทะยานสูงขึ้นไปอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัว
แต่คิดว่าตัวเองก็ไม่มีทักษะยุทธที่ทรงพลังรึ?
หลิงฮันยกนิ้วมือปลดปล่อยคลื่นดาบนับไม่ถ้วนเข้าปะทะกับฝ่ามือขนาดใหญ่
ทักษะดาบฟ้าคำราม!
เมื่อผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองให้เป็นหนึ่งได้ อำนาจของทักษะดาบฟ้าคำรามก็ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ปราณดาบมากมายพุ่งทะยานขึ้นสู่เก้าชั้นฟ้า!
อำนาจของทักษะดาบฟ้าคำรามในตอนนี้ทรงพลังมากจริงๆ พื้นฐานของทักษะนี้มาจากทักษะบัญญัติดาบไว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์และกาลเวลาแปรผันพันปี รวมถึงมันเป็นทักษะที่หลิงฮันคิดค้นขึ้นเองเขาจึงสามารถปลดปล่อยอำนาจของมันได้ถึงขีดสุด
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเจิ้งมั่วพังทลายในพริบตา อำนาจของฝ่ามือสลายหายไปจนแม้แต่ชุดคลุมของหลิงฮันก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
แข็งแกร่ง!
เหล่าราชารุ่นเยาว์ขมวดคิ้ว ไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจหลิงฮันขนาดไหนแต่ก็ต้องยอมรับในพลังของหลิงฮัน
ในการต่อสู้ระดับเดียวกันที่จริงเจิ้งมั่วสมควรเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วยซ้ำเนื่องจากเขามีความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สูงกว่า แต่ความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น ก่อนหน้าแขนของเขาแตกหักไปแล้ว แถมตอนนี้การโจมตีของก็ยังถูกสลายด้วยพลังที่ทัดเทียมกันอีก
ใบหน้าของเจิ้งมั่วก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง ในการต่อสู้ระดับเดียวกันเขาควรกำราบคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบแท้ๆ
เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ในฐานะสุดยอดราชาและอัจฉริยะไร้ที่เปรียบเขาไม่อาจยอมให้แพ้ใครอื่นในระดับพลังที่เท่ากัน ดวงตาของเขาส่องประกาย ทันใดนั้นรอบกายของเขาก็มีควันล่องลอยออกมาราวกับหมู่เมฆ
‘ครืน’ ออร่าของเขาทรงพลังขึ้นในพริบตา
วิถีโคจรดาราจักรของเขายังมีเพียงดวงดาวหมื่นดวงที่ส่องประกายเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นพลังต่อสู้ของเขากลับเพิ่มสูงขึ้น
“ทักษะระดับนิรันดร์ของตระกูงเจิ้ง… ทักษะเมฆหมอกแปรผัน!”
“ทักษะนั้นไม่เพียงทำให้พลังต่อสู้ทะยานสูงขึ้นแต่ร่างกายยังไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีต่างๆด้วย”
“ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกต้อนให้ใช้ทักษะนี้ออกมาเร็วขนาดนี้”
เจิ้งมั่วคำรามและลงมือจู่โจม มือทั้งสองของเขาสั่นไหวพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นแสงออกมาและแปรเปลี่ยนเป็นหอกสองเล่มโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน หอกทั้งสองถูกปกคลุมไว้ด้วยรูปแบบอาคมอสูรที่ส่องประกายเจิดจ้า
การโจมตีนี้ทรงพลังกว่ามาฝ่ามือก่อนหน้านี้มาก
หลิงฮันพยักหน้าในใจ เขาไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย มาดูกันมาใครจะมีทักษะระดับนิรันดร์มากกว่ากัน
‘พรึบ’ ความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลิงฮันและโอบล้อมไปทั่วพื้นที่
ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ ทักษะนิรันดร์ที่เขาใช้เวลาบ่มเพาะเกือบจะสามพันปี
ภายในความมืดมิดอันเป็นอนันต์ ทุกสรรพสิ่งได้หายไปอย่างไรร่องรอย
ไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถได้ยิน ไม่สามารถสัมผัส ราวกับว่าโลกใบนี้ไม่หลงเหลืออะไรอยู่เลย
“อะไรกัน เหตุใดข้าถึงมองผ่านความมืดนั่นเข้าไปไม่ได้?” ใครบางคนอุทาน เขาคือจอมยุทธที่บ่มเพาะพลังบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ แม้จะเพิ่มขัดเกลาดวงดาวได้เพียงหนึ่งล้านดวงแต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าหลิงฮันมา เหตุใดกันเขาถึงไม่สามารถมองทะลุความมืดมิดนั่นได้?
จอมยุทธรุ่นเยาว์ทุกคนหันไปมอง จางถิง เย่เฉวียนและหลิวตังเนื่องจากทั้งสามเป็นอัจฉริยะที่ขัดเกลาดวงดาวได้เกินสามล้านดวง เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทั้งสามคนตอบกลับพวกเขามาคือการส่ายหัว
เหลือเชื่อ แม้แต่ทั้งสามก็มองผ่านเข้าไปไม่ได้!
ทุกคนเปลี่ยนไปจ้องมองจ้าวอสูรรุ่นเยาว์ทั้งสามอย่างโอวหยางเหอ เหลิงเซี่ยวเหรินและโก้วไห ส่วนกู่เฟิงนั้นพวกเขาไม่คุ้นเคยจึงไม่คิดจะถาม
โอวหยางเหอคือคนที่เป็นมิตรมากที่สุด เขากล่าว “ความมืดนั่นสมควรเป็นทักษะระดับนิรันดร์ที่ผลึกประสาทมสัมผัสรับรู้ทั้งห้า หากอยู่ในระดับพลังเดียวจะได้รับผลกระทบจากทักษะอย่างเลี่ยงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อย มีเพียงจอมยุทธที่ระดับพลังสูงกว่าเขาหนึ่งระดับใหญ่เท่านั้นถึงจะไม่ได้รับผลกระทบ”
กล่าวคือมีเพียงจ้าวอสูรเท่านั้นที่จะได้ไม่รับผลกระทบจากทักษะของหลิงฮัน แต่หากหลิงฮันบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง ต่อให้เป็นจ้าวอสูรสวรรค์ก็ต้องได้รับผลกระทบแต่ผลลัพธ์คงจะไม่มากเท่าไหร่
คนนอกแบบหลิงฮันมีทักษะระดับนิรันดร์ด้วย?
ร่างของเจิ้งมั่วหยุดชะงักแน่นิ่ง ท่ามกลางความมืดมิดร่างของเขาพบว่าการมอง การได้ยินและการรับรู้อื่นๆของเขาถูกบีบจนเหลือเพียงระยะที่แคบมาก เนื่องจากเจิ้งมั่วเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ การจะผลึกประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาอย่างสมบูรณ์คงเป็นไปไม่ได้
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่รู้ว่าแต่ว่าหลิงฮันอยู่ที่ไหน แล้วเขาจะเอาชนะได้อย่างไร?
หลิงฮันยิ้มและกวัดแกว่งมือขวาเข้าใส่เจิ้งมั่ว
ร่างเงามังกรทะยาน… ทักษะระดับนิรันดร์!
‘ครืนน’ มือขวาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกงเล็บมังกรทองคำและกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วจนทิ้งเงาเอาไว้ตามชื่อทักษะ ความเร็วของทักษะนี้มากจนจอมยุทธระดับเดียวกันสามารถมองเห็นแต่ภาพติดตา
สีหน้าของเจิ้งมั่วหยุดแน่นิ่งเปลี่ยนไป ท่ามกลางความมืดมิดนี้ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาถูกลดลงกว่าปกติมากแถมหลิงฮันยังจู่โจมด้วยทักษะที่รวดเร็วอีก
“และก็นี่!” หลิงฮันหัวเราะ ในขณะที่มือขวาของเขาปลดปล่อยทักษะร่างเงามังกรทะยานอยู่ มือซ้ายของเขาก็โคจรใช้ทักษะดาบฟ้าคำรามพร้อมกัน
อย่างที่รู้ว่าทักษะดาบฟ้าคำรามคือการผสานรวมกับกาลเวลาแปรผันพันปี นั่นหมายความว่าตอนนี้หลิงฮันใช้ทักษะนิรันดร์ออกมาถึงสี่ทักษะ
ในดินแดนใต้พิภพนี้จะมีใครอื่นรึไม่ที่สามารถใช้ฝึกฝนและใช้งานทักษะระดับนิรันดร์ได้สี่ทักษะพร้อมกัน?
มีเพียงแค่หลิงฮันคนเดียว!
แต่หากเป็นในอนาคตบางทีจักรพรรดินีอาจจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเขาเนื่องจากนางมีร่างแยกทั้งเก้า ตามหลักแล้วสมควรเป็นไปได้ที่นางจะปลดปล่อยทักษะนิรันดร์พร้อมกับจากร่างทั้งสิบ
เจิ้งมั่วพยายามตอบโต้แต่ก็ทำได้เพียงลาถอยและมีรอยแผลแห่งเต๋าปรากฏตามร่างกาย หากไม่ใช่เพราะเกราะดำทมิฬที่สวมใส่อยู่ไร้เทียมทานบาดแผลที่เขาได้รับคงไม่ใช่เพียงเท่านี้
“อ้ากกก!” เขาคำรามลั่นและระเบิดพลังปัดเป่าความมืดมิดรอบข้างจนหายไปไม่เหลือ
ในขณะเดียวกันดวงดาราเกินกว่าสองล้านดวงได้ส่องประกายขึ้นในวิถีดาราจักร สุดท้ายเขาก็คืนคำพูดโดยการปลดปล่อยพลังของดวงดาราทั้งหมดออกมา