ตอนที่ 1233 สู้ศึกสองพ่อลูก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

หลายคนได้รวมตัวกันตั้งค่ายกลขึ้นและเริ่มล้อมชิงอิ่งเอาไว้

แม้ว่าจะต้องรวมกันสร้างค่ายกลขึ้นมาเพื่อปิดล้อม แต่ก็ยังมีบางคนที่คิดจะแยกตัวออกไปโจมตีมู่เฉียนซี ทว่าก็ถูกชิงอิ่งกันเอาไว้อย่างป่าเถื่อน

ปัก ปัก ปัก!

การโจมตีของพวกเขาตกลงบนร่างของชิงอิ่ง มันมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับเขาเลยแม้แต่น้อย

บนใบหน้าของทุกคนเผยแววแห่งความตกตะลึงออกมา “พลังป้องกันอันวิปริตอะไรเช่นนี้!”

“เจ้าหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง!”

“ต้องรีบฆ่ามัน!”

“เจ้าพวกไร้ประโยชน์!” เดิมทีหรงเหรินคิดว่าไม่นานนักพวกเขาคงจะจับมู่เฉียนซีได้ แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาที่พัวพันอยู่กับเฟิงอวิ๋นซิวมานานเช่นนี้แล้ว พวกนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะจับตัวนางได้

จับตัวไม่ได้ก็ยังไม่ว่า แต่ตั้งหลายคนกลับไม่สามารถรับมือกับบุรุษที่พลันโผล่ขึ้นมาเพียงคนเดียวนั้นได้

ตอนนี้สีหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวก็ไม่ค่อยดีนัก เขากำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ก็ยังอดทนแบกรับเอาไว้อย่างยากลำบาก

หรงเหรินกล่าว “เฟิงอวิ๋นซิว เจาจงยอมแพ้แต่โดยเร็วเสียเถิด! ข้าไม่กล้าที่จะทำให้ตระกูลเฟิงไร้ผู้สืบทอด แต่หากข้าไม่ทันระวังและทำให้เจ้าพิการขึ้นมา คาดว่าคงไม่มีหนทางที่จะทำให้พระนางท่านชอบเจ้าไปได้ตลอดกาล”

เฟิงอวิ๋นซิวโจมตีอย่างเย็นชาต่อไป “หรงเหริน เจ้าอย่ากล่าววาจาไร้สาระให้มันมากเกินไปนัก”

เฟิงอวิ๋นซิวต่อสู้พัวพันอยู่กับเขาอย่างไม่คิดชีวิต เขาเองก็ไม่สามารถที่จะแยกตัวออกมาได้

คนอื่น ๆ ของตำหนักตงจี๋ก็ได้ถูกส่งออกไปไล่ตามตัวคนอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว พวกที่มีฝีมือดีที่ได้ถูกเฟิงอวิ๋นซิวรั้งเอาไว้ ในตอนนี้ได้กลายเป็นผู้ที่มีประโยชน์ขึ้นมาแล้ว

หรงเหรินมองไปทางไป๋อู๋ห่ายที่ร่วงลงมาจากบนกำแพงเมืองแล้วกล่าวว่า “ไป๋อู๋ห่าย เจ้ายังตะลึงอยู่ใย? ยังไม่รีบจับตัวเด็กสาวนั่นอีก”

การโจมตีเมื่อครู่นั้น ทำให้แม้แต่ในตอนนี้ไป๋อู๋ห่ายก็ยังตื่นกลัวไม่หาย

อาการบาดเจ็บหนักหน่วงมากเกินไปนัก เดิมทีเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ทว่าในตอนนี้กลับจำเป็นที่จะต้องลงมือ

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้พลังความสามารถของสาวน้อยก็ได้พุ่งดิ่งลงไปอยู่ที่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งแล้ว จัดการได้ง่ายดายนัก!

ไป๋อู๋ห่ายกล่าวกับไป๋เหยียนเอ๋อร์ “เหยียนเอ๋อร์ พวกเราร่วมมือกันฆ่ามู่เฉียนซีเสีย!”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบตกลง “ได้!”

ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก อีกทั้งระดับพลังความสามารถก็ร่วงลงไปอยู่ที่จักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่ง หากเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีจากสองพ่อลูกนี้แล้ว คาดว่าคงยากที่จะรับได้ไหว

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาหลายเข็มพุ่งออกไป แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นมู่เฉียนซีก็ยังโจมตีอย่างสุดกำลัง

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าตำหนักไป๋ จะดีร้ายอย่างไรเจ้าก็เป็นเจ้าตำหนักของสำนักนิกายระดับที่สาม แต่เจ้ากลับร่วมมือกับบุตรสาวมาโจมตีข้า ดูทีแล้วเจ้าคงไม่รังเกียจที่จะขายหน้าไปทั่วทั้งโลกทั้งสี่ทิศ!”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “มู่เฉียนซี ข้าว่าเจ้าคงจะอิจฉาที่ข้ามีบิดาที่เก่งกาจกระมัง! บิดาผู้นั้นของเจ้าเป็นผู้ไร้ประโยชน์ และยิ่งในตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใด เจ้าจะอิจฉาข้านั่นก็เป็นสิ่งที่สมควร!”

ทันทีที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์โบกมือ กลิ่นอายอันเย็นเยือกและมืดมิดก็ได้พุ่งจู่โจมไปทางมู่เฉียนซี

ปราณกระบี่ปราณหนึ่งได้หยุดยั้งการโจมตีของไป๋เหยียนเอ๋อร์เอาไว้ในทันที เสียงอันเย่อหยิ่งเสียงหนึ่งได้ลอยเข้ามา “ช่างน่าขันจริง เจ้ามีตรงไหนที่ควรค่าให้ซีเอ๋อร์ของข้าไปอิจฉา”

บุรุษชุดดำสวมหน้ากากผู้หนึ่งพุ่งออกมาพร้อมกับกระบี่ยาวธรรมดาสามัญเล่มหนึ่ง

เขาได้ทำการอำพรางน้ำเสียงของตนเองเอาไว้ แต่มู่เฉียนซีก็รู้ว่าผู้ที่มานั้นเป็นใคร…อารอง!

เพราะไม่อยากให้หลิงถูกผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักเป่ยหานรู้สึกถึงตัวตนของเขาได้ มู่เฉียนซีจึงมิได้ให้เขาเข้าร่วมการเข้าให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่เชื่อฟังและมิได้จากไปพร้อมกับพวกจื่อโยว แต่กลับมายังที่นี่!

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “เจ้าเป็นใคร?”

หลิงโบกสะบัดกระบี่ในมือแล้วกล่าว “แน่นอนว่าเป็นผู้ที่จะมาเอาชีวิตสุนัขของพวกเจ้า พวกเจ้าสองพ่อลูกกลับร่วมมือกันมารังแกซีเอ๋อร์ของข้า รนหาที่ตายนัก!”

“ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องทำอะไร เจ้าสองคนนี้ข้าจะจัดการเอง!” หลิงเองก็มองออกว่ามู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและไม่สามารถลงมือได้ถนัด

เขาเผชิญหน้ากับทั้งสองที่บาดเจ็บแตกพ่ายมาได้อย่างสบาย!

หลิงเพียงคนเดียวต่อสู้กับทั้งไป๋อู๋ห่ายและไป๋เหยียนเอ๋อร์ ภายใต้เจตจำนงแห่งการฆ่าฟันของหลิง พวกเขาทั้งสองก็ได้พ่ายแพ้ถอยร่นอยู่ร่ำไป!

ในตอนนี้กลุ่มคนชุดขาวอีกกลุ่มหนึ่งกำลังประมืออยู่กับชิงอิ่ง

“อู๋ตี้ เสี่ยวหง พวกเจ้าไปลอบโจมตี!” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

บางทีอู๋ตี้และเสี่ยวหงอาจจะรับมือกับยอดฝีมือขั้นสูงเต็มขั้นแบบซึ่ง ๆหน้าไม่ไหว แต่ในตอนนี้คนเหล่านั้นกำลังรวบรวมสมาธิประมือกับชิงอิ่งอยู่ เช่นนั้นแล้วการลอบโจมตีก็นับว่ายังพอได้!

ถึงแม้ว่าอารองจะให้นางไปพักผ่อนอยู่ด้านข้าง แต่มู่เฉียนซีกลับอยากที่จะให้การต่อสู้ในครั้งนี้นั้นรีบสู้รีบจบ

เดิมทีคิดว่าหากสู้ไม่ได้ก็หนี มาตอนนี้ได้มีกำลังเสริมที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาถึงสามตำแหน่ง บางทีผู้ที่ต้องหนีก็มิแน่ว่าจะเป็นนาง

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนซีบินออกไปและโจมตีเข้าที่ด้านหลังของคนเหล่านั้น

พรวด! เพียงแค่ไม่ระวังก็ถูกเข็มยากรีดผิวหนังเปิด

พิษนั้นได้รุกเข้าไปในร่างกาย ถึงต่อให้พวกเขาเป็นยอดฝีมือขั้นสูงเต็มขั้นก็คงจะต้องโชคร้ายเสียแล้ว

ปัง! ชิงอิ่งกับมู่เฉียนซีร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีผู้ที่ต้องพิษแล้วหลุดจากกระบวน เขาก็เลยถือโอกาสจัดการพวกนั้นในตอนที่กำลังป่วย

ปัก ปัก ปัก! ผู้ที่ล้มตายไปนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ายกลนั้นก็อ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ ไม่นานนักชิงอิ่งก็ได้เริ่มเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกเขา

พวกเขาร้องตะโกนขึ้น “หัวหน้า ช่วยด้วย!”

“หัวหน้า!”

“บ้าจริง! นั่นมันคืออะไรกันแน่?” สีหน้าของหรงเหรินพลันหม่นหมองลง เขาได้อัดพลังทั้งหมดแล้วตบเฟิงอวิ๋นซิวปลิวไปในฝ่ามือเดียว

พรวด! เฟิงอวิ๋นซิวกระแทกลงบนพื้น สีหน้านั้นซีดขาวเสียจนขยับไม่ได้แล้ว

หรงเหรินพุ่งเข้าไปร่วมประมือชิงอิ่งพร้อมน้องชายของเขา มู่เฉียนซีได้ไปดูสถานการณ์ของเฟิงอวิ๋นซิวก่อนแล้วและรีบทำการรักษาให้เขา

เฟิงอวิ๋นซิวที่อยู่ตรงหน้าได้ลุกยืนขึ้นมาแต่กลับถูกมู่เฉียนซีกดตัวให้นั่งลง “ตอนนี้เจ้าควรพักผ่อน! พลังความสามารถของชิงอิ่งได้เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาไม่มีปัญหาหรอก”

หลังจากได้ประมือกับชิงอิ่งไปหลายสิบกระบวนท่า สีหน้าของหรงเหรินก็ยิ่งตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเข้าไปทุกที

“นึกไม่ถึงเลยว่าโลกทั้งสี่ทิศแห่งนี้จะมีหุ่นเชิดขั้นนี้อยู่! อีกทั้งยังเป็นของผู้ที่เป็นจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่ง นี่มันช่างสิ้นเปลืองของขั้นชั้นสวรรค์เสียจริง!”

ดวงตาของเขาเผยแววแห่งความโลภออกมา แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะยึดเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาไว้ผู้เดียว แต่ถ้าหากว่าได้หุ่นเชิดนี้มาละก็ คงจะได้ประโยชน์ในการท่องไปทั่วโลกทั้งสี่ทิศเป็นอย่างมาก!

ดังนั้นแล้วเขายิ่งโจมตีชิงอิ่งอย่างสุดชีวิตเข้าไปอีก

“ท่านพ่อ!” เสียงร้องโหยหวนของไป๋เหยียนเอ๋อร์ดังลอยมา

กระบี่ของหลิงได้แทงเข้าไปในร่างของไป๋อู๋ห่ายจนปรากฏเป็นโพรงเลือดแห่งหนึ่ง ไป๋อู๋ห่ายสีหน้าซีดเผือดแล้วสลบไป กลิ่นอายของเขานั้นอ่อนโรยยิ่งนัก

หลิงขยับกระบี่อีกครั้งหนึ่ง เป้าหมายของกระบี่ต่อไปก็คือหัวใจของไป๋อู๋ห่าย ไป๋เหยียนเอ๋อร์รีบออกมือป้องกัน แต่ก็ได้ถูกหลิงโจมตีกระเด็นลอยไป

กระบี่ของหลิงกำลังจะแทงเข้าไปในหัวใจของไป๋อู๋ห่าย ทันใดนั้นสีหน้าของหลิงก็ได้เปลี่ยนเป็นซีดไม่มีสีของโลหิตเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าร่างกายนั้นจะแตกแยกออกจากันก็มิปาน

“อารอง!” สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากและรีบพุ่งเข้ามา

แม้ว่าพลังความสามารถของมู่เฉียนซีจะมีเพียงแค่ระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่ง แต่ไป๋เหยียนเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักก็ไม่กล้าลงมือ และก็ไม่กล้าไปช่วยบิดาของนาง ทำได้ก็แต่เพียงถอยหลังไปอย่างรีบร้อน

ไม่อยากจะเชื่อว่านางได้ยินมู่เฉียนซีร้องตะโกนคำสองคำว่า ‘อารอง’ ออกมา ไป๋เหยียนเอ๋อร์ตะลึงงันไปเล็กน้อย!

มู่เฉียนซีรีบพยุงหลิงเอาไว้แล้วกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ “อารอง…อารอง…”

ในตอนนี้หลิงได้สูญเสียสติไปแล้ว เขากล่าวอย่างแหบแห้ง “ผู้อาวุโสสูงสุดพบว่าข้ามิได้ตายไปและมิได้กลับไปรายงาน เมื่อครู่นี้เป็นการเตือนข้า ข้าต้องกลับไปที่ตำหนักเป่ยหาน”

“ซีเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้าอยู่ที่ข้างกายเจ้าไม่ได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้…”

“อารอง ท่านอย่าเพิ่งสนใจข้า! ข้ามีหนทางเอาตัวรอด ท่านรีบไป อย่าได้ให้ผู้อาวุโสสูงสุดสงสัยและฆ่าท่านเป็นอันขาด” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างร้อนรน

.