ตอนที่ 1044 ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเมืองราชวงศ์

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

แรกเริ่มเดิมที อู่เหวินยงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมและเชื่อว่าตระกูลอู่เหวินมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับตระกูลราชวงศ์ ไม่คิดเลยว่าเมื่อประจันหน้ากันอย่างแท้จริง ตัวเขาจะล้มเหลวภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ

การที่หานโม่ฉือฟาดพวกเขาจนกระเด็นตกลงมาจากกลางอากาศก็ทำให้ฝ่ายตระกูลอู่เหวินสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปมาก ในเวลานี้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเอาตัวรอดออกไปได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น ทว่าพวกเขาอาจต้องจบชีวิตลงที่นี่เช่นกัน

เมื่อครู่นี้อู่เหวินยงก็กำลังคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นมา เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

“ฮ่า ๆ ๆ เสียอวิ๋น มาเร็วดีนี่ !”

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองหน้ากันทันทีทว่าไม่มีทีท่าประหลาดใจใดๆ ในเมื่อต้องการที่จะสร้างปัญหาและก่อความวุ่นวายให้กับมณฑลกลาง ไม่มีทางเลยที่จอมยุทธ์ปีศาจจะไม่เตรียมความพร้อมไว้รอบด้าน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดไม่ถึงเลยก็คือเสียอวิ๋น—ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจจะมาที่เมืองราชวงศ์แห่งนี้ด้วยตัวเอง

เสียอวิ๋นในครานี้มิใช่ร่างอวตารอีกต่อไป หากเป็นร่างจริงที่เดินทางมาด้วยตัวเอง แรงกดดันอันทรงพลังที่แผ่มาจากร่างของเขาก็กดข่มฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจนทำให้ทั้งสองรู้สึกถึงความกดดันที่ยิ่งใหญ่

ส่วนผู้ที่อ่อนแอกว่ารอบตัวพวกนางก็ล้วนทรุดล้มลงกับพื้นอย่างมิอาจควบคุมและไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนั้นได้เลย

“นั่นคือผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจ !”

สีหน้าของผู้นำจากอีกสามตระกูลใหญ่เปลี่ยนไปทันทีและไม่อยู่เฉยเพื่อชมสถานการณ์อีกต่อไป พวกเขาพุ่งเข้าไปอยู่ข้างกายฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็วและสายตาจับจ้องตรงไปที่เสียอวิ๋น

“เสียอวิ๋น เหตุใดพวกเจ้าจอมยุทธ์ปีศาจถึงไม่ยอมเก็บตัวอยู่ที่ถิ่นฐานของตนเองแต่โดยดี ทว่ายังริอาจบุกมาดินแดนมหาเทพของเราอีกรึ ? ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว จอมยุทธ์ปีศาจของเจ้าก็มิใช่คู่มือของผู้คนในดินแดนมหาเทพ ครานี้เจ้าคิดว่าจะเอาชนะพวกเราได้งั้นรึ?”

หลงอวี้เทียนแผ่แรงกดดันออกไปเช่นกันและประจันหน้ากับแรงกดดันของเสียอวิ๋น

ในบรรดาทุกคนในที่แห่งนี้ พลังอำนาจของหลงอวี้เทียนถือว่าแกร่งกล้าที่สุด แม้ในทั่วทั้งดินแดนมหาเทพ ความแข็งแกร่งของเขาก็มากพอที่จะอยู่ในห้าอันดับแรกได้ ต่อให้ประจันหน้ากับเสียอวิ๋นผู้ทรงพลัง เขาก็มีพลังมากพอที่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้

“ฮ่า ๆ ๆ จริงอยู่ที่ในสงครามครานั้นจอมยุทธ์ปีศาจของข้าเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างน่าเศร้า ทว่าหากมิใช่เพราะบรรดายอดฝีมือผู้แกร่งกล้าเหล่านั้น ดินแดนมหาเทพของพวกเจ้าก็ไม่มีทางชนะได้หรอก ตอนนี้เวลาก็ผ่านมานานมากแล้วและดินแดนของพวกเจ้าก็ไม่มีผู้ที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์โดดเด่นอีกต่อไป ครานี้จอมยุทธ์ปีศาจของข้าจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำสองอีกอย่างแน่นอน !”

เสียอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยม ครานั้นจอมยุทธ์ปีศาจเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว ทว่าพวกเขาประเมินความสามารถของยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าเหล่านั้นต่ำเกินไป หากมิใช่เพราะคนเหล่านั้นพลิกผันสถานการณ์ทั้งหมด จอมยุทธ์ปีศาจก็อาจจะไม่พ่ายแพ้กลับไป

อย่างไรก็ตาม ในสงครามครานั้น จอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าส่วนใหญ่ก็ได้ล้มตายไป หลังจากเวลาที่ผ่านมาหลายปีก็ไม่เคยมีผู้ที่โดดเด่นมากเช่นนั้นปรากฏตัวในดินแดนอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้น จอมยุทธ์ปีศาจในปัจจุบันก็มีไพ่ตายมากมายหลายรูปแบบและนั่นคือเหตุผลที่เสียอวิ๋นมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเช่นนี้

“พรืดด ! ฮ่า ๆ ๆ ตลกชะมัด เสียอวิ๋น เจ้าคิดว่าจอมยุทธ์ปีศาจของเจ้ามีจอมยุทธ์โดดเด่นมากฝีมือเพียงฝ่ายเดียวและดินแดนมหาเทพของเราไม่มีจอมยุทธ์มากพรสวรรค์งั้นรึ ? จริงอยู่ที่เจ้ากล่าวว่าในอดีตมีผู้แกร่งกล้าอย่างน่าทึ่งเป็นจำนวนมาก ทว่าตอนนี้สถานการณ์ของเราก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว ดูอย่างสหายน้อยหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่สิ ข้าเชื่อว่าไม่มีคนรุ่นเยาว์คนใดในขุมกำลังของเจ้าที่จะเทียบชั้นกับคนทั้งสองได้ ยิ่งไปกว่านั้น สหายหลายคนของฉินอวี้โม่ก็มากพรสวรรค์และมีฝีมือดีเช่นกัน หากจะกล่าวว่าจอมยุทธ์ปีศาจเต็มไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงเก็บตัวสงบเสงี่ยมมาเนิ่นนานเช่นนี้ล่ะ ?!”

ฟางอู๋เหมี่ยวหัวเราะพรืดอย่างอดไม่ได้และมองเสียอวิ๋นพร้อมกล่าววาจาเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง

เสียอวิ๋นพร่ำบอกว่าจอมยุทธ์ปีศาจเตรียมตัวจนพร้อมแล้ว ทว่าในเวลาที่ผ่านมานี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงใช้วิธีการสกปรกและไร้ยางอายอยู่ลับหลังเท่านั้น หากจอมยุทธ์ปีศาจมั่นใจแล้วจริง พวกเขาก็คงจะเปิดศึกสงครามกับดินแดนมหาเทพโดยตรงและไม่ปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อมานานเช่นนี้

“เหอะ ต้องยอมรับว่าพวกนางไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

เสียอวิ๋นแค่นเสียงเย็นชาและแสดงสีหน้าที่เหยเกเล็กน้อย การที่แผนการทุกอย่างของเขาเกิดความล่าช้าก็เกี่ยวข้องกับฉินอวี้โม่และคณะอย่างแท้จริง

เดิมทีเขาคิดว่าพวกนางเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ จากดินแดนระดับต่ำ ไม่คิดเลยว่าพวกนางจะแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่โดดเด่นเหนือธรรมชาติเช่นนี้ หากทราบเรื่องนี้มาก่อน จอมยุทธ์ปีศาจก็คงจะหาทางสังหารฉินอวี้โม่และคณะเป็นการล่วงหน้าเพื่อมิให้พวกนางมีโอกาสพัฒนาเติบโตได้เช่นนี้

“ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ วันนี้ข้าจะพาคนของตระกูลอู่เหวินกลับไปก่อน สงครามชี้ชะตาจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน หวังว่าตอนนั้นพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนัก !”

จู่ ๆ เขาก็กล่าวทิ้งท้ายก่อนหายตัวไปพร้อมกับจอมยุทธ์ที่ทรงพลังหลายสิบคนของตระกูลอู่เหวิน

“เอ๋..?”

เดิมทีหลายคนคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้นที่นี่ คิดไม่ถึงเลยว่าเสียอวิ๋นจะหนีกลับไปง่าย ๆ เช่นนี้

ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะมาที่นี่เพียงเพื่อช่วยชีวิตของคนตระกูลอู่เหวินเหล่านั้น

“หึ ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ปีศาจในตอนนี้ยังอ่อนแอและเสียอวิ๋นเองก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงสุดเช่นเคยอีกต่อไป หากต่อสู้กันจริง ๆ เขาคงจะมิใช่คู่มือของพวกเราทั้งหมด การที่เขาเลือกช่วยชีวิตคนของตระกูลอู่เหวินก่อนถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด”

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองหน้ากันเล็กน้อยทว่าไม่ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ด้วยความแข็งแกร่งของเสียอวิ๋นในปัจจุบันนี้ หากต้องประจันหน้ากับพวกนางที่อยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมาก เขาก็ไม่มีทางถือไพ่เหนือกว่าอย่างแน่นอน ทว่าการที่พวกนางจะสังหารเสียอวิ๋นก็มีความเป็นไปได้เพียงไม่มากเช่นกัน

การที่ต่อสู้กันในวันนี้จะเป็นเพียงการต่อสู้ที่เสียเวลาและไร้ความหมายเท่านั้น

ในสายตาของจอมยุทธ์ปีศาจ ตระกูลอู่เหวินมีผู้ทรงพลังเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนความเป็นความตายของลิ่วล้อที่เหลือนั้น พวกเขาไม่สนใจเลยสักนิด

“ตอนนี้ยังไม่ต้องสนใจพวกจอมยุทธ์ปีศาจหรอก เรายังมีเวลาเกือบสองปีก่อนได้ข้อสรุปในสงครามชี้ชะตา การที่จะต่อสู้กับพวกเขาในเวลานี้เป็นเพียงเรื่องเปล่าประโยชน์”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างชัดเจนและเรียกสติทุกคนกลับคืนมา

“ท่านพ่อ เราจะทำอย่างไรกับคนของตระกูลอู่เหวินที่เหลืออยู่เจ้าคะ ?”

หลงเพ่ยเอ๋อร์กวาดสายตามองไปที่สมาชิกตระกูลอู่เหวินหลายคนที่ยังคงงุนงง พวกเขาถูกทอดทิ้งโดยตระกูลอู่เหวินของพวกตนและจอมยุทธ์ปีศาจ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาก็ทำได้เพียงหลับตารอความตายโดยที่ไม่มีหนทางตอบโต้ได้

“ในเมื่อเสียอวิ๋นช่วยอู่เหวินยงออกไปแล้วและบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลอู่เหวินก็กลับไปกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้วเช่นกัน เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ตระกูลอู่เหวินจะต้องดำรงอยู่อีกต่อไป ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็ทำอะไรที่ส่งผลกระทบหรือมีอิทธิพลต่อสถานการณ์ไม่ได้ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก”

หลงอวี้เทียนมิใช่คนกระหายเลือดที่จะต้องการสังหารศัตรูทุกคน คนตระกูลอู่เหวินที่เหลืออยู่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักและสามารถกำจัดไปได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปลิดชีพคนเหล่านี้

“ข้าจะพายวี่เอ๋อร์กลับไปที่พระราชวังก่อน เพ่ยเอ๋อร์ ฝากจัดการเรื่องของตระกูลอู่เหวินต่อไปให้เรียบร้อย”

เขาไม่รอช้าและรับหลงยวี่เอ๋อร์มาจากฉินอวี้โม่ก่อนหายตัวไปต่อหน้าทุกคน

บรรดาคนของตระกูลอู่เหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อยที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าอู่เหวินยงยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว ทว่าตอนนี้ทุกคนรอบตัวมองพวกเขาด้วยสายตาที่ความรังเกียจและนั่นทำให้พวกเขารู้สึกผิดอย่างมาก

“ตระกูลฟางของเราจะไม่รับคนจากตระกูลอู่เหวิน”

เมื่อเห็นสายตาของคนตระกูลอู่เหวินที่กวาดมองคนจากทั้งสามตระกูลใหญ่ เขาก็กล่าวแสดงจุดยืนออกไปทันที

ในตอนนี้เมื่อไม่มีตระกูลอู่เหวินอีกต่อไป เป็นธรรมดาที่คนเหล่านี้จะต้องการเข้าร่วมกับสามตระกูลใหญ่ที่เหลือ

อย่างไรก็ตาม ตระกูลฟางของเขามีหลักการปฏิบัติที่ชัดเจนมาเสมอและไม่มีทางรับผู้ที่หลงไปในทางที่ผิดมาเป็นศิษย์อย่างแน่นอน ในเมื่อได้ชื่อว่าเป็นขุมกำลังที่เข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว ในอนาคตคนเหล่านี้ก็อาจทรยศหักหลังตระกูลฟางของเขาซึ่งมิใช่สิ่งที่ดีแน่

“ตระกูลหลานของเราก็เช่นกัน”

หลานเผิงกล่าวแสดงจุดยืนของตนเช่นกันและไม่แยแสคนของตระกูลอู่เหวินแม้แต่น้อย

ในตอนแรกไป๋อีเย่ก็ต้องการรับคนเหล่านั้นเป็นศิษย์ ทว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าวและส่ายศีรษะเบา ๆ

.

.