อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1219 หนีออกไป
“เวินเส้าหยียังพูดว่า เจ้าเป็นเพียงตัวแทนเท่านั้นเอง ยังไงก็เป็นเพียงคนเงา ให้เขาแต่งงานกับเจ้า ให้เขาไปกินขี้จะดีกว่า”
สิ่งที่ฮัวอิ่งเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือมีคนว่านางเป็นคนเงา เป็นตัวแทน กู้ชูหน่วนกลับพูดขึ้นว่า นางเป็นตัวแทน ทำให้นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที
ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ กู้ชูหน่วนปัดฝ่ามือทำลายดวงจิตดวงนั้น ฮัวอิ่งกับเวินเส้าหยีจะปล่อยให้ดวงจิตถูกทำลายได้อย่างไร ทั้งสองคนลงมือแย่งชิงดวงจิตดวงนั้น
สองพลังแข็งแกร่งกระทบกัน ห้องลับพระราชวังสั่นสะเทือนขึ้นมา
กู้ชูหน่วนฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาต่อสู้กัน รีบวิ่งหนีไป
ฮัวอิ่งกับเวินเส้าหยีอยากไล่ตาม แต่จนใจที่เส้นทางลับซับซ้อน คู่ต่อสู้ก็แข็งแกร่ง จึงจำต้องรับมือคนตรงหน้าก่อน
กู้ชูหน่วนอาศัยความทรงจำที่ยอดเยี่ยมของตน วิ่งไปตามเส้นทางลับอย่างต่อเนื่อง นางอยากช่วยเซียวหยู่เซวียนกับชิงเฟิงเจี่ยงเสวีย
จากนั้นนางวิ่งหมุนวนรอบใหญ่ ไม่ง่ายกว่าจะมาถึงห้องลับที่กักขังเซียวหยู่เซวียนไว้นั้น กลับพบว่าข้างในว่างเปล่าไม่มีใครสักคน เซียวหยู่เซวียนกับชิงเฟิงเจี่ยงเสวียถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว
มันยากเกินไปที่จะตามหาสามคนนั้นในพระราชวังใต้ดินอันคดเคี้ยวนี้
นางเดินวนไปมาอยู่นาน ก็ตามหาไม่เจอ
ภายในเส้นทางลับสั่นสะเทือนยิ่งอยู่ก็ยิ่งรุนแรง นางยังอดไม่ได้ที่จะคิดว่าจะถล่มลงมาไหม นางไม่กล้านึกภาพเลยว่าเวินเส้าหยีกับราชินีตัวปลอมต่อสู้กันรุนแรงขนาดไหน
“ตูม….”
ก้อนหินก้อนใหญ่มากมายถล่มลงมา เส้นทางลับมุมหนึ่งพังทลายลง
กู้ชูหน่วนเกือบถูกทับตาย
เวลายิ่งอยู่ก็ยิ่งคับขัน การตามหาเซียวหยู่เซวียนยิ่งอยู่ก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก
กู้ชูหน่วนเป็นกังวลว่าหากปล่อยแบบนี้ต่อไป หากเวินเส้าหยีพ่ายแพ้ให้กับราชินีตัวปลอม แล้วถูกราชินีตัวปลอมดูดเลือดกับวิทยายุทธไปจนหมด งั้นบนโลกนี้ก็ยากที่จะหาคนมาต่อสู้กับราชินีได้แล้ว
กู้ชูหน่วนกระทืบเท้า ย้อนกลับไปตามช่วยเหลือเวินเส้าหยี
“ตูมๆ ตูม….”
เสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้นอีกครั้ง ทางไปข้างหน้าถูกหินก้อนใหญ่ถล่มลงมาปิดทางไว้
ที่นี่เกิดความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ทหารรักษาพระองค์ในพระราชวังมาพากันมา
กู้ชูหน่วนจนใจ จำต้องหนีไปก่อน
ไม่ง่ายกว่าจะหลอกล่อเวินเส้าหยีมาดึงดูดความสนใจของราชินี นางไม่อยากทำอะไรที่เป็นการขาดทุน
สายตากู้ชูหน่วนเยือกเย็น แล้วมุ่งหน้าไปยังหอกระบี่
หอกระบี่มียอดฝีมือมากมายขนาดไหน นางรู้ดีแก่ใจ
แต่นางก็ต้องเสี่ยงสักครั้ง
“วิ่งไปไหน”
ข้างหูได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น กู้ชูหน่วนหยุดฝีเท้า
เพราะวิ่งอยู่อย่างรวดเร็ว นางจึงเกือบล้มลง
“เย่จิ่งหาน”
กู้ชูหน่วนร้องเรียกขึ้นมาอย่างตกใจ
เจ้าควรที่จะถูกกักขังไว้ในหอกระบี่ไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่อุทยานหลวง?
แล้วมองดูเขานั่งอยู่บนรถเข็น เข็นรถเข็นมาด้วยตนเอง กู้ชูหน่วนรู้ว่า ขาของเขายังเดินไม่ได้อย่างคล่องแคล่ว
“ไปทางนี้”
เย่จิ่งหานนำทาง พานางเข้าไปในรอยแยกตรงภูเขาปลอบอย่างรวดเร็ว
“คลั่ก….”
ไม่รู้ว่าเขาไปกดโดนอะไร ค่ายกลภายในภูเขาปลอบถูกเปิดออก ปรากฏเส้นทางลับเส้นหนึ่ง
ทั่วทั้งใต้ดินพระราชวังยังคงมีเสียงดังกระหึ่ม มีพื้นทิ้งไม่น้อยถล่มลงอีกครั้ง
พระราชวังพัลวันพันเกไปหมด สามารถมองเห็นทหารราชองครักษ์ทุกที่เต็มไปหมด หากไม่ทันระวังก็จะมีคนพบร่องรอยพวกเขา
เย่จิ่งหานพูดขึ้นว่า “เดินตรงไปในนี้เรื่อยๆ เลี้ยวโค้งครั้งหน้าหลายโค้งก็จะสามารถออกไปจากพระราชวังได้ เรารีบไปกันเถอะ”
“เจ้ารู้จักเส้นทางลับที่นี่ได้อย่างไร?”
“เจ้าเห็นข้าอยู่ในวังนานขนาดนั้นทำไมกัน”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าทำอะไร ยังไงตอนที่ข้าเห็นก็คือเจ้าคนถูกมัดมือมัดเท้าไว้ มัดตรึงไว้บนเตียงแล้วก็ให้คนอื่นชื่นชมตามอำเภอใจ”
“เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้”
“เชื่อ ความสามารถในการข่มขู่คนอื่นของเจ้า หากเจ้ากล้าพูดว่าที่หนึ่ง ก็จะไม่มีใครกล้าเป็นที่สอง”
“……”
เห็นเย่จิ่งหานโกรธเคือง กู้ชูหน่วนรีบพูดขึ้นมาก่อนว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าที่นี่มีทางลับ งั้นเจ้ารู้ไหมว่าเซียวหยู่เซวียนอยู่ที่ไหน?”
“ไม่รู้”
“เอาแบบนี้ เจ้าออกไปก่อน ข้ากลับไปหาอีกรอบ บางทีอาจจะสามารถพบร่องรอยของเสี่ยวเซวียนเซวียน”
“ตูมๆ ตูม…..”
ใต้ดินพระราชวังถล่มลงมาอีกครั้ง ที่พวกเขาอยู่ก็เป็นอันตราย มีก้อนหินหล่นลงมาไปทั่ว สถานการณ์อันตรายอย่างมาก
เย่จิ่งหานพูดขึ้นว่า “รีบไปก่อนเถอะ หากยังไม่ไป อย่าว่าแต่เซียวหยู่เซวียน พวกเราเองก็จะตายอยู่ที่นี่”