เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1612

สุ่ยหมิงคงตกใจ เขาจะยื่นมือออกไปช่วย แต่แค่เขาขยับเพียงเล็กน้อย พลังอันน่ากลัวก็โจมตีลงบนตัวเขาทันที

ทำให้เขาบาดเจ็บซ้ำอีก เขาคว้าตัวสุ่ยโม่หรานไว้ไม่ได้

ทำได้เพียงเบิกตาโตมองสุ่ยโม่หรานหล่นลงไป!

ถ้าสุ่ยโม่หรานหมดแรงแล้วร่วงลงไปในอากาศเวิ้งว้าง วินาทีต่อมาเธออาจโดนพลังฟ้าดินที่เคลื่อนไหวอยู่ในนั้นโจมตีจนกลายเป็นเศษซาก

แม้แต่อากาศเวิ้งว้างในประเทศอู่อานยังมีอุโมงค์ฟ้าดิน ในประเทศตันเซิ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เห็นว่าสุ่ยโม่หรานกำลังจะหล่นลงไป จู่ๆ ลู่ฝานเหวี่ยงมือ สุ่ยโม่หรานโดนเขากระชากมากลางอากาศ

มือหนึ่งกอดสุ่ยโม่หรานเอาไว้แน่น ลู่ฝานถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว อีกมือคว้าสุ่ยหมิงคงเอาไว้ จากนั้นส่งกระแสจิตพูดว่า “พร้อมหรือยัง”

สุ่ยหมิงคงพยักหน้าจริงจัง ลู่ฝานสูดหายใจลึกแล้วปล่อยปราณชี่ออกมาอย่างรวดเร็ว

ฟ้าดินกระจาย!

ตัวของทั้งสามคนหายไปท่ามกลางฟ้าดิน พลังน่ากลัวแผ่ออกมาจากจุดที่พวกเขาอยู่เมื่อครู่ แล้วเคลื่อนไหวออกไปไกล

ฟ้าดินที่สั่นสะเทือนสงบลงแล้ว พวกจินอีหมิงหอบหายใจแรง มองพลังฟ้าดินที่ปั่นป่วนแล้วหรี่ตาลงเบาๆ

ผ่านไปไม่นาน แสงที่บดบังสายตาทุกคนหายไป พวกเขาพบว่าไม่เห็นตัวพวกลู่ฝานอีกแล้ว

“คนหายไปไหน”

มู่จึฉีขมวดคิ้วพูด

ทั้งสามปล่อยพลังชี่ไปรอบๆ อีกครั้ง แต่กลับไม่เจออะไรเลย

“หนีไปแล้วเหรอ”

จินอีหมิงตะโกนออกมา

ถู่ห่วงส่ายหน้าพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ ท่ามกลางพลังฟ้าดินปั่นป่วนแบบนี้ พวกเขาจะหนีไปยังไง อีกทั้งจะหนีไปเร็วขนาดนี้ได้ยังไง!”

ทั้งสามคนไม่เชื่อและปล่อยพลังชี่ออกมาตรวจสอบอีกครั้ง ตอนนี้ผู้ฝึกชี่นับไม่ถ้วนในประเทศตันเซิ่งตกใจจนอ้าปากค้าง

เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้หลังจากที่ภาพสั่นสะเทือน ตัวของพวกลู่ฝานก็หายไปทันที

ระยะเวลาเพียงครู่เดียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ

อันที่จริงไม่ใช่แค่พวกเขา หน้าหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสของห้าตระกูลใหญ่ก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน

โดยเฉพาะผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ย เครียดจนเริ่มมีเหงื่อบนหน้าผาก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ผู้อาวุโสตระกูลมู่พูดเสียงเบาว่า “เราจะถามนายอยู่เนี่ย ตระกูลนายรู้วิชาซ่อนตัวด้วยเหรอ”

ผู้อาวุโสตระกูลอื่นพากันมองผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ย

ผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ยกัดฟันพูดว่า “ตระกูลสุ่ยไม่มีวิชาซ่อนตัวอะไรทั้งนั้น สามารถหนีไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางพลังฟ้าดินที่ปั่นป่วน รวมถึงอากาศเวิ้งว้างที่แตกสลาย ถึงเป็นอริยปราชญ์ใช้วิชามิติก็ต้องทิ้งรอยมิติเอาไว้ชัดเจน พวกเขาไม่ใช่อริยปราชญ์สักหน่อย”

พวกผู้อาวุโสพยักหน้าเข้าใจ ผู้อาวุโสตระกูลจินพูดอย่างเฉยเมยว่า “งั้นคงหล่นลงไปในอากาศเวิ้งว้างแล้ว น่าเสียดายจัง คนอายุน้อยอนาคตก้าวไกลตั้งสามคนเชียวนะ!”

ผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ยกำหมัดแน่น ดวงตามีเส้นเลือดแดงก่ำ

ฝั่งพวกจินอีหมิงตรวจสอบดูติดกันหลายรอบ แต่ก็ไม่เจอร่องรอยของพวกลู่ฝาน

รอยแยกอากาศเวิ้งว้างที่อยู่ข้างหน้าค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม มู่จึฉีพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า “ดูเหมือนพวกเขาหล่นลงไปในอากาศเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุดแล้วล่ะ!”

ถู่ห่วงหัวเราะหึแล้วพูดว่า “งั้นพวกเขาก็จะโดนพลังฟ้าดินอันแข็งแกร่งฉีกเป็นชิ้นๆ!”

จินอีหมิงสูดหายใจลึก ยกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ถือว่าพวกเขาโชคร้าย ยอมแพ้ตั้งแต่แรกก็ไม่เป็นไรแล้ว งั้นต่อไป……”

ทั้งสามคนยืนด้วยกัน หันไปมองทางหั่วหลงชิ่งกับหั่วหลงจู้

ทันใดนั้น หั่วหลงชิ่งกับหั่วหลงจู้กลัวจนเหงื่อแตกเต็มหน้า ตอนนี้หั่วหลงชิ่งเพิ่งรู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์

ส่วนด้านบนรูปปั้น ลู่ฝาน สุ่ยหมิงคงและสุ่ยโม่หรานยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น

“อย่าขยับ!”

ลู่ฝานแผดเสียงเบาๆ

สุ่ยโม่หรานที่ดิ้นอยู่ในอกกัดฟันมองลู่ฝาน ดวงตาเบิกโตมาก

ลู่ฝานพูดเบาๆ ว่า “ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่ทางที่ดีเธออย่าดิ้นดีกว่า”

สุ่ยโม่หรานกัดฟันพูดว่า “ฉันจะฆ่านาย ฉันจะฆ่านายแน่นอน!”