ตอนที่ 1048 เดินทางไปสำนักเมฆาคราม

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และภายในชั่วพริบตาก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนก่อนการแข่งขันประชันฝีมือของสามสำนักและเก้านิกายจะเริ่มต้นขึ้น

ฉินอวี้โม่และคณะเก็บสัมภาระเตรียมความพร้อมและออกเดินทางไปยังสำนักเมฆาครามเป็นการล่วงหน้า

การแข่งขันของสามสำนักและเก้านิกายเป็นงานใหญ่ของทั้งดินแดนและแต่ละขุมกำลังจะทิ้งสมาชิกไว้คอยคุ้มกันความปลอดภัยเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ในขณะที่คนอื่น ๆ ทั้งหมดจะเข้าร่วมงานที่สำนักเมฆาคราม และแน่นอนว่านิกายกระบี่สายฟ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน

คนกลุ่มเล็ก ๆ ออกเดินทางล่วงหน้าไปกับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ นอกเหนือจากสหายคุ้นหน้าคุ้นตาจำนวนหนึ่ง ฉินเทียนและฮวาเยว่ก็ร่วมเดินทางไปด้วยเช่นกัน

นิกายกระบี่สายฟ้าตั้งอยู่ไกลจากสำนักเมฆาครามพอสมควร แม้ใช้เรือเหินเวหาที่มีความเร็วสูงสุดในการเดินทาง พวกนางก็ยังต้องใช้เวลาประมาณสิบวันเพื่อไปถึงจุดหมาย

“ท่านลุงฟู่บอกให้เราเดินทางไปที่นั่นเป็นการล่วงหน้า ไม่อาจทราบได้เลยว่าเป็นเพราะสาเหตุใด”

ภายในเรือเหินเวหา ฉินอวี้โม่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของหานโม่ฉืออย่างสบาย ๆ โดยมีอวิ๋นซื่อเทียน เซิ่งเซียวและคนอื่น ๆ รวมถึงฮวาเยว่นั่งอยู่ใกล้กัน ในขณะที่ฉินเทียนออกไปเดินชมทิวทัศน์รอบเรือกับเสี่ยวอ้ายโม่

“จะต้องเกิดเรื่องใหญ่บางอย่างเป็นแน่ มิฉะนั้นเขาคงไม่ระบุให้เราไปที่นั่นล่วงหน้าอย่างเฉพาะเจาะจงเช่นนี้”

ในเมื่อจ้าวสำนักเมฆาครามระบุให้ฉินอวี้โม่และคณะเดินทางไปที่สำนักเป็นการล่วงหน้าอย่างชัดเจนเช่นนี้ คาดการณ์ได้ไม่ยากว่าจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างที่พวกนางยังไม่ทราบ นอกเหนือจากคนเหล่านี้ ตระกูลราชวงศ์ หลานเผิงและคนอื่น ๆ ก็ได้รับข่าวเช่นกัน และพวกเขาก็จะมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักเมฆาครามเป็นการล่วงหน้าหนึ่งเดือน

“สำหรับการแข่งขันครานี้ จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นไม่มีทางอยู่เฉยแน่และคงจะถือโอกาสนี้ลงมือทำอะไรสักอย่าง บางทีสาเหตุที่ท่านลุงฟู่บอกให้เราไปที่นั่นล่วงหน้าก็อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ฉินอวี้โม่กล่าวข้อสันนิษฐานของตนออกไป หากการแข่งขันของสามสำนักและเก้านิกายดำเนินไปตามปกติ มั่นใจได้ว่าจอมยุทธ์ปีศาจจะไม่อยู่เฉยและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างช่วงที่ผ่านมา ทั้งจอมยุทธ์ปีศาจและบรรดาขุมกำลังของดินแดนที่ร่วมมือกับพวกเขาก็เก็บตัวสงบเสงี่ยมอย่างประหลาดซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างมาก จอมยุทธ์ปีศาจและคนเหล่านั้นกำลังเตรียมแผนการสมคบคิดครั้งใหญ่เป็นแน่

การเดินทางของทุกคนราบรื่นและไม่เผชิญกับอุปสรรคอันใด หลังจากสิบวันผ่านไป ในที่สุดทุกคนก็มาถึงหน้าประตูของสำนักเมฆาคราม

สำนักเมฆาครามซ่อนอยู่ในภูเขาขนาดใหญ่ลูกหนึ่งและพวกเขาถือเป็นขุมกำลังที่ลึกลับที่สุดในบรรดาสามสำนักและเก้านิกาย

กล่าวกันว่าสำนักเมฆาครามเป็นขุมกำลังที่ถูกก่อตั้งในดินแดนมหาเทพก่อนใครและเป็นขุมกำลังที่มีภูมิหลังประวัติศาสตร์ที่ยาวนานลึกล้ำที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาครองอันดับหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายมาได้โดยตลอด แม้สำนักห้าขุนเขาและสำนักเบิกภูผาจะพัฒนารุ่งเรืองอย่างมั่นคงในช่วงหลังมานี้ พวกเขาก็ไม่สามารถสั่นคลอนบัลลังก์ของสำนักเมฆาครามได้เลย

ฟู่ชาง—จ้าวสำนักเมฆาครามถือเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งของดินแดนมหาเทพและมีความแข็งแกร่งที่ยากเกินหยั่งถึง โดยปกติเขาแทบไม่ปรากฏตัวให้ผู้ใดพบเห็นและไม่เคยมีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งก่อน ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่รับผิดชอบจัดงานและดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดจะเป็นบรรดาผู้อาวุโสและฟู่อวิ๋นซิว

ครานี้การแข่งขันประชันฝีมือของสามสำนักและเก้านิกายจะถูกจัดขึ้นที่สำนักเมฆาครามและเป็นครั้งแรกที่หลาย ๆ คนจะได้พบหน้าจ้าวสำนักฟู่ชาง

ฉินอวี้โม่และคณะก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับจอมยุทธ์ผู้เป็นตำนานของดินแดนมหาเทพยิ่งนัก การที่ทำให้สำนักเมฆาครามยืนหยัดอย่างมั่นคงตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้พวกนางจินตนาการได้ว่าความแข็งแกร่งของฟู่ชางนั้นเหนือชั้นเพียงใด

ทันทีที่มาถึงใกล้บริเวณภูเขาเมฆาคราม พวกนางก็พบกับฟู่อวิ๋นซิวที่ได้รับข่าวมาล่วงหน้าและออกมารอพวกนางอยู่ก่อนแล้ว

“ฮ่า ๆ ๆ สหายหาน อวี้โม่ ซื่อเทียน เซิ่งเซียว…ไม่ได้พบกันนานทีเดียว”

เมื่อพบหน้าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เขาก็กล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างกระตือรือร้น

“ไม่ได้พบกันเสียนาน ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของสหายฟู่จะพัฒนาขึ้นอีกแล้ว”

ฉินอวี้โม่ยิ้มให้กับฟู่อวิ๋นซิวและกล่าวทักทาย ทว่าสิ่งที่นางกล่าวมาก็เป็นความจริง ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของนายน้อยแห่งสำนักเมฆาครามพัฒนาขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ในฐานะนายน้อยแห่งสำนักเมฆาคราม ฟู่อวิ๋นซิวมีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง หลังจากการเก็บตัวบ่มเพาะวิชาในช่วงที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันก็มากพอที่จะเทียบชั้นกับบรรดาผู้อาวุโสของสำนักได้ไม่ยาก

ต่อให้จะต้องประจันหน้ากับฉินอวี้โม่เอง ฟู่อวิ๋นซิวก็มีโอกาสเอาชนะได้มากพอสมควร

“ฮ่า ๆ ๆ เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ ท่านพ่อและบรรดาผู้อาวุโสกำลังรอทุกคนอยู่”

เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนนำทางฉินอวี้โม่และคณะเข้าไปข้างในสำนัก

สำนักเมฆาครามตั้งอยู่บนภูเขาเมฆาครามและมีข่ายอาคมกระจายอยู่ทั่วตลอดเส้นทาง หากคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในบริเวณภูเขา คนของสำนักจะตรวจพบได้ทันที เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องจัดให้ผู้ใดคุ้มกันทั่วบริเวณ

ทันทีที่ก้าวขึ้นบนภูเขาเมฆาคราม ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงสภาวะพลังที่หนาแน่นซึ่งถาโถมเข้ามา สภาวะพลังบนภูเขาแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าที่ใด ๆ ในดินแดนมหาเทพที่ฉินอวี้โม่และสหายเคยไปเยือนก่อนหน้านี้ ต้องกล่าวเลยว่าสภาวะพลังเช่นนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าในคฤหาสน์เฟิงหัวของนางมากนัก

ในเมื่อมีสถานที่ที่เหมาะสำหรับการฝึกวิชาเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่สำนักเมฆาครามจะยืนหยัดอยู่เหนือขุมกำลังที่ทรงพลังมากมายของดินแดนมหาเทพได้อย่างเนิ่นนานเช่นนี้

ในบรรดาสามสำนักและเก้านิกาย สำนักเมฆาครามเป็นขุมกำลังที่มีจำนวนศิษย์น้อยที่สุด พวกเขาไม่เคยรับศิษย์อย่างหน้ามืดตามัวโดยจะให้ความสนใจเพียงผู้ที่มีบุคลิกที่ดีและมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น เพราะเหตุนั้น ศิษย์ทุกคนของสำนักเมฆาครามจึงเป็นจอมยุทธ์มากฝีมือที่สามารถรับมือกับศัตรูมากมายได้ด้วยตัวคนเดียว

ขณะตามฟู่อวิ๋นซิวไปตลอดทางเพื่อขึ้นไปบนยอดเขา ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงข่ายอาคมหลายสิบชนิดที่วางไว้ตลอดเส้นทาง แม้จากความรู้ความเข้าใจในด้านข่ายอาคมของตน ฉินอวี้โม่ก็ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะทำลายข่ายอาคมเหล่านั้นได้โดยที่ไม่ทำให้ใครรู้ตัว นับประสาอะไรกับคนอื่น ๆ ที่มาที่นี่

ข่ายอาคมที่วางไว้ทั่วบริเวณภูเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้สำนักเมฆาครามมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งโดยธรรมชาติ

“คนอื่นๆ จากเมืองราชวงศ์ยังมาไม่ถึง ทว่าคนจากสำนักเบิกภูผามารออยู่ก่อนแล้ว เรายังต้องหารือเพื่อสะสางปัญหาบางอย่างก่อนที่จะถึงการแข่งขันของสามสำนักและเก้านิกาย”

ฟู่อวิ๋นซิวกล่าวกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ขณะเดินทางซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าสำนักเมฆาครามเชิญพวกนางมาที่นี่เป็นการล่วงหน้าเนื่องจากสถานการณ์พิเศษบางอย่างจริง ๆ

แม้ในสำนักจะเต็มไปด้วยศิษย์มากฝีมือ พวกเขาก็ไม่มั่นใจมากนัก หลังจากหารือกับบรรดาผู้อาวุโส ฟู่ชางจึงตัดสินใจเชิญฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ มาที่นี่

หากมีนางและหานโม่ฉือร่วมด้วย เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถสะสางปัญหาได้อย่างง่ายดายมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น สำนักเบิกภูผาและเมืองราชวงศ์ก็ได้ส่งศิษย์ฝีมือโดดเด่นจำนวนหนึ่งมาพร้อมกับไพ่ตายสำคัญหลายอย่าง เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะร่วมมือกับฉินอวี้โม่และคณะเพื่อรับมือกับปัญหาได้

“เกิดเรื่องอะไรหรือ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ ไม่อาจทราบได้เลยว่าสิ่งใดกันที่ทำให้สำนักเมฆาครามให้ความสำคัญมากเช่นนี้

“รอไปพบท่านพ่อก่อนเถอะ ท่านพ่อจะชี้แจงรายละเอียดให้กับทุกคนเอง แม้แต่ข้าก็ไม่ได้ทราบเรื่องนี้อย่างชัดเจนนัก แต่ข้าจะไปกับทุกคนเมื่อถึงเวลานั้น”

ฟู่อวิ๋นซิวยิ้มบาง ๆ และกล่าวว่าแม้แต่เขาก็ไม่ทราบข้อมูลทั้งหมด ก่อนหน้านี้ฟู่ชางบอกข้อมูลเขาเพียงเล็กน้อยและไม่ได้ขยายความอะไรอีก มีเพียงฟู่ชางเท่านั้นที่ทราบทุกอย่าง เมื่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไปถึงยอดเขา ฟู่ชางจะเป็นคนอธิบายกับพวกนางด้วยตัวเอง

คณะจอมยุทธ์มากพรสวรรค์ก็ใช้เวลาเดินทางสองก้านธูปก่อนที่จะมาถึงบนยอดเขาของภูเขาเมฆาคราม

อย่างไรก็ตาม บนยอดเขาแห่งนี้ไม่มีอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ และมีเพียงความว่างเปล่าโดยที่ไร้กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทั้งสิ้น

ทุกคนมาเยือนสำนักเมฆาครามเป็นครั้งแรกและต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้พบ

ฟู่อวิ๋นซิวเดินไปยังพื้นที่เปิดโล่งเบื้องหน้าและหยุดลง ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าและลากเส้นลวดลายบางอย่างในอากาศ จากนั้นประตูส่องแสงบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

“ทุกคน โปรดตามข้ามา”

เขาพยักศีรษะให้กับทุกคนก่อนเดินนำเข้าไปเป็นคนแรก

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เข้าใจได้ทันทีและเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล

สำนักเมฆาครามมิได้ตั้งอยู่บนภูเขาเมฆาครามแห่งนี้ หากแต่เป็นมิติพิเศษ แม้ไม่ได้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ไม่แปลกใจเท่าใดนัก ถึงอย่างไร สำนักเมฆาครามก็เป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งของดินแดนและย่อมมีรากฐานที่ไม่ธรรมดา !