อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่1222 คล้าย

ต้องขอบอกเลยว่า กู้ชูหน่วนปากเสียจริงๆ นางพูดทีไรก็มักกระตุกต่อมโกรธของคนอื่นได้ง่ายๆ

ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เย่จิ่งหานก็รู้ดี คำพูดของนางทำให้เขาโมโหจนตายได้เลยล่ะ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะโกรธมาก แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรแล้วล่ะ

กู้ชูหน่วนเหงื่อแตกพลั่กทั่วแผ่นหลัง เพราะเคลื่อนย้ายก้อนหินใหญ่ ฝ่ามือเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดไหลไม่หยุด ทำให้ก้อนหินเป็นสีเลือด แต่นางก็ย้ายก้อนหินไม่หยุด เหมือนถ้าไม่เอาก้อนหินออกทั้งหมด นางจะไม่ยอม

ย้ายหนึ่งก้อนก็ตกลงมาอีกก้อน ไม่รู้ว่าย้ายนานเท่าไหร่ นางจึงเดินได้ไม่ไกลเท่าไหร่

เย่จิ่งหานพูด “ไม่ต้องย้ายแล้ว วังใต้ดินพังลงมาหมดแล้วล่ะ ก้อนหินเยอะเกิน แค่พวกเราสองคนยกก้อนหินทั้งหมดนั้นไม่ได้หรอก”

กู้ชูหน่วนปาดเหงื่อ ยังย้ายหินไม่หยุด แล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ไม่หรอก จะต้องมีทางออกแน่ ข้าไม่เชื่อว่า พวกเราสองคนจะถูกขังอยู่ในนี้”

นางคิดว่าเย่จิ่งหานจะตอบกลับ แต่เย่จิ่งหานมองก้อนหินพวกนั้นนิ่งไม่กะพริบตา

กู้ชูหน่วนชะงัก นึกถึงเมื่อกี้ที่เย่จิ่งหานช่วยนางบังก้อนหินยักษ์พวกนั้นไว้ถึงสองครั้ง จึงทำให้บาดเจ็บ กระดูกเข่าร้าว นางก็รู้สึกใจหวั่นไหวอีกครั้ง

ตอนที่เพิ่งรู้จักเย่จิ่งหาน นางไม่รู้สึกมีความประทับใจที่ดีกับเขาเท่าไหร่

พอได้อยู่ด้วยกันนานๆเข้า นางรู้เขาเป็นคนที่ภายนอกดูเย็นชาแต่ภายในกลับอ่อนโยน และรักเดียวด้วย นางมักจะทำให้เขาโกรธอยู่บ่อยๆ แต่นางรู้ว่า เย่จิ่งหานไม่ได้เลวร้ายอะไร และยังเป็นคนดีมากอีกด้วย

นางจำไม่ได้แล้วว่าเย่จิ่งหานเคยช่วยชีวิตนางไว้กี่ครั้งแล้ว

ครั้งก่อนอยู่บนภูเขา เขาช่วยนางจนเกือบถูกเวินเส้าหยีฆ่า

ครั้งนี้เพื่อช่วยนาง ก็เกือบตายอยู่ที่นี่อีก

คนเราก็มีจิตใจเหมือนกัน นางจะไม่หวั่นไหวได้ยังไงล่ะ

นึกถึงตรงนี้ กู้ชูหน่วนก็เดินไปข้างๆเย่จิ่งหานช้าๆ จับมือใหญ่ของเขาไว้ แล้วพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกังวลไปนะ ข้าจะต้องพาเจ้าออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน และจะช่วยเจ้าตามหาวิญญาณของคนที่เจ้ารักให้ได้”

เมื่อก่อนนางไม่ได้อยากช่วยเย่จิ่งหานหาวิญญาณจากใจจริง แต่ตอนนี้นางกลับพูดจากใจจริง

การกระทำกะทันหันของกู้ชูหน่วนทำเอาเย่จิ่งหานรู้สึกแปลกใจ

โดยเฉพาะตอนที่นางจับมือใหญ่ของเขาไว้

เย่จิ่งหานอยากสะบัดออกทันที

แต่ทว่าความรู้สึกนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยมาก เหมือนอาหน่วนของเขากำลังจับมือของเขาอยู่

เย่จิ่งหานไม่เพียงแต่ไม่ได้ผลักออก แต่กลับคิดถึงมันมาก

แต่ปากก็ยังไม่ยอมพูดจาดีๆ

“ตัวเองยังเอาชีวิตแทบไม่รอดเลย ยังอยากจะช่วยคนอื่นอีก ฝันลมๆแล้งๆไปได้”

ได้ยินดังนั้น กู้ชูหน่วนก็สะบัดมือของเย่จิ่งหานออก แล้วพูดว่า “ข้าว่าเจ้าเป็นคนใบ้ยังจะดีกว่านะ คำพูดแต่ละคำของเจ้าทำลายบรรยากาศหมด”

พอนางปล่อบมือ เย่จิ่งหานก็หวั่นใจ มองดูมือที่ว่างเปล่าของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงหึงหวง

“เจ้าใช้วิธีเดียวกันล่อเซียวหยู่เซวียนด้วยใช่ไหม”

“ข้าจะล่อใครแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”

“ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว ร่างกายของเจ้ามีวิญญาณของอาหน่วน ถ้าเจ้ามีอะไรกับเซียวหยู่เซวียน อาหน่วนของข้าตื่นขึ้นมาก็……”

กู้ชูหน่วนพูดแทรกเขา “ดีไม่ดีอาหน่วนของเจ้าอาจจะชอบเซียวหยู่เซวียนก็ได้ คนอื่นก็แค่สงสารเจ้าก็ถึงทนอยู่กับเจ้า”

“พูดบ้าอะไรของเจ้า”

กู้ชูหน่วนหาที่นั่งที่ดูสะอาดนั่งลง ใช้แขนเสื้อพัดให้ตัวเอง นั่งไขว่ห้างแล้วพูดขึ้นว่า “พอๆๆ เจ้าอยากด่าก็ด่าไปเถอะ ใครใช้ให้ข้าติดค้างเจ้าล่ะ”

ท่าทางนี้

น้ำเสียงนี้

กิริยานี้……

ช่างเหมือนกับอาหน่วนเหลือเกิน

เย่จิ่งหานคิดว่าพวกนางเป็นคนเดียวกันอีกครั้ง