“เมืองปรารถนาเสียง?” หวังเป่าเล่อครุ่นคิด ในโลกมิติแห่งเต๋าต้นกำเนิดนี้ จากความเข้าใจที่ผ่านมาของเขา คล้ายจะต่างกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะรูปแบบการฝึกเสียงเพลง แม้ก่อนหน้านั้นหวังเป่าเล่อจะเคยเห็นจากผู้ฝึกตนแต่ละคนในโลกแห่งศิลา หากแต่ชัดเจนว่าจากเนื้อแท้และคุณประโยชน์นั้นแตกต่างจากผู้ฝึกตนนี้โดยสิ้นเชิง
“เมื่อฝึกจนถึงระดับหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นบทเพลงเลื่อนลอยท่อนหนึ่งได้งั้นหรือ” การฝึกที่แปลกใหม่เช่นนี้ ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกสนใจกฎเกณฑ์ของมัน ส่วนเรื่องเป็นอมตะนิรันดร์ ไม่ตายไม่ดับ เขาไม่เชื่อ
ทว่าในใจเขาเวลานี้ บางทีอาจเป็นเพราะการตอบอย่างละเอียดของอีกฝ่าย หรือจะด้วยสาเหตุอื่น จึงเกิดความรู้สึกดีต่อเด็กหนุ่มตรงหน้า ถึงขนาดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความยินดีปรีดาในใจตนดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง
ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ ดวงตาค่อยๆ หรี่ลง จับดึงตัวโน้ตสองตัวที่ระหว่างนิ้ว ทำให้เกิดเสียงจากความเศร้าโศกดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากใช้พลังขุมนี้ตีแตกความยินดีปรีดาในใจ หวังเป่าเล่อก็เอ่ยถามว่า
“แล้วเจ้าล่ะ?”
เด็กหนุ่มชะงักครู่หนึ่ง แต่ด้วยนิสัยดีงามที่มี ทำให้เขาลืมเรื่องที่ตนวิจารณ์คนโง่เขลาก่อนหน้าไปอย่างง่ายดาย และโดยรวดเร็วก็คล้อยตามแต่โดยดี
“ข้าเป็นผู้ฝึกหนึ่งในสาขาของส่วนมงคล ฝึกเต๋าฝ่ายสุข แค่ขยับมือขยับเท้าก็สามารถปล่อยความเบิกบานใจออกมากระจายให้แก่ทุกคนได้ จากเนื้อหาของคัมภีร์แห่งความสุข เมื่อฝึกจนถึงขั้นสุดยอดได้อย่างเจ้าแห่งความสุข ก็จะทำให้ให้สิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งหมดมีความสุขอย่างบ้าคลั่ง”
“เต๋าฝ่ายสุข?” หวังเป่าเล่อกำลังจะซักถามต่อ ทว่าตอนนั้นเอง หมอกสีแดงบริเวณรอบๆ พลันบิดม้วน เกิดเสียงฟ้าร้องติดต่อกันดังมาจากที่ไกลๆ
และไม่เพียงเท่านี้ ขณะที่เสียงฟ้าร้องลอยแว่วมา เมื่อหมอกสีแดงที่บิดม้วนปรากฏตาข่ายขนาดใหญ่สีทองหนึ่งอันขึ้นรางๆ คล้ายกับก่อตัวขึ้นจากทุกสารทิศกำลังพุ่งเข้ามาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว
ภาพฉากนี้ทำให้นัยน์ตาหวังเป่าเล่อวาววับ พลางถามเด็กหนุ่ม
“นี่คืออะไรอีก?”
เด็กหนุ่มก็ตะลึงไปเช่นกัน สีหน้างงงวย
“หรือว่าเป็นชนชั้นสูงของเมืองปรารถนาเสียงตามมาอีกหรือ? เป็นไปไม่ได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในเมืองปรารถนาเสียงมีผู้ฝึกเสียงฟ้าร้อง…”
“ต่อให้มีจริงๆ ก็ไม่ถึงขั้นที่ต้องไล่ตามข้ามาถึงนี่”
“ที่นี่อยู่ในความว่างเปล่าใต้ผืนดินแล้ว นอกจากคนโบราณที่ยังไม่ฟื้นตื่นเหล่านั้น ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก หรือว่ามีคนโบราณฟื้นตื่นอีกแล้ว?” เด็กหนุ่มแปลกใจ ที่เอ่ยมาไม่ใช่แกล้งหลอก แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ
เพราะจากความเข้าใจของเขา เรื่องคนโบราณฟื้นตื่นมีไม่บ่อยนัก ตอนนี้เห็นได้คนหนึ่งก็นับว่าเห็นได้น้อยมากแล้ว หากยังบังเอิญเจอคนที่สองก็ยิ่งน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ด้วยประสบการณ์และสายตาของหวังเป่าเล่อก็มองออกว่าเด็กหนุ่มคนนี้งงงันจริงๆ เขาหรี่ตาลง หลังจากเก็บโน้ตดนตรีที่จับเป็นมาทั้งสองตัวแล้วก็คว้าเด็กหนุ่มก่อนไหวร่าง ถอยหลังไปเตรียมออกจากอาณาเขตนี้
เพราะลางสังหรณ์ของเขา ในเวลานี้เสียงฟ้าร้องที่แว่วมาแต่ไกลด้วยความเร็วให้ความรู้สึกอันตราย และพลังที่สามารถทำให้เขาเกิดความรู้สึกอันตรายเช่นนี้ได้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่ว่า…พริบตาที่หวังเป่าเล่อถอยหลัง ไม่รู้เพราะเหตุใด คล้ายการกระทำของเขาถูกเสียงฟ้าร้องที่ใกล้เข้ามารู้เข้าแล้ว เสียงฟ้าร้องพลันกระหน่ำคลั่งในตอนนั้น ความเร็วปะทุสูงขึ้น และพริบตาต่อมา ท่ามกลางไอหมอกที่กระจายออก หอกยาวสีดำเล่มหนึ่งวนล้อมสายฟ้าสีม่วงก่อนแหวกไอหมอกด้านหน้าและพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อทันที
หอกเล่มนี้ราวกับผ่ากระบอกไผ่ เร็วจนเกิดภาพติดตา เกิดแรงกดดันเทียมฟ้า แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้าง พริบตาที่ปรากฏก็เกิดเสียงสนั่นไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะพลังทำลายล้างที่แผ่กระจายออกมานั้นเทียบได้กับพลังสุดยอดขั้นสี่เลยทีเดียว
มันพุ่งไปทางเบื้องหน้าของหวังเป่าเล่อในอึดใจต่อมา จนเหมือนจะทะลุออกไป
แต่ชัดเจนว่า เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะให้หวังเป่าเล่อกลัวได้ แทบจะเป็นพริบตาเดียวกับที่หอกยาวเล่มนี้เข้ามาใกล้ เต๋าแปดปรมัตถ์ของหวังเป่าเล่อก็ปะทุขึ้น มือซ้ายชูไปข้างหน้าคว้าหอกยาวที่พลังรุนแรงไว้ทันที!
ไม่ว่าหอกยาวเล่มนี้จะดุดันป่าเถื่อนอย่างไร ไม่ว่าจะดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างไร มือซ้ายของหวังเป่าเล่อก็เป็นดั่งคีมเหล็กคีบมันไว้
จากนั้นเหวี่ยงอย่างรุนแรง ทำให้หอกยาวเล่มนี้เบนทิศกลับไปทางทิศที่มา โจมตีกลับไปในเส้นทางนั้น อีกทั้งยังเร็วกว่าเดิม รุนแรงกว่าเดิม!
ท่ามกลางเสียงแหลมยาวที่ดังขึ้น ขณะที่หอกยาวนี้พุ่งไปยังทิศทางเดิมแล้ว ในไอหมอกก็ถูกทะลวง
ไม่กี่อึดใจ เมื่อเสียงดังสนั่นลอยดังออกมา เงาร่างที่สวมชุดคลุมยาวกับหน้ากากสีขาวก็ปรากฏ ตอนที่เขาปรากฏกาย ภายในไอหมอกบริเวณรอบด้านก็ผุดตาข่ายสีทองขนาดใหญ่ขึ้น ตอนนี้มันก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้นจนครบถ้วนแล้ว
หวังเป่าเล่อหรี่ตามองฉากนี้ ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มที่ถูกเขาจับอยู่ในมือขวา เวลานี้ดวงตาเบิกกว้างคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างออก สีหน้าเปลี่ยนจากสับสนเป็นหวาดกลัว และเป็นความหวาดผวาอย่างรวดเร็วก่อนร้องเสียงหลงออกมา
“วิญญาณจักรพรรดิ!”
“สวรรค์ นี่…นี่คือวิญญาณจักรพรรดิ!”
“วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร?” หวังเป่าเล่อเอ่ยถามทันที
“วิญญาณจักรพรรดิคือสาวกของเต๋าสวรรค์ในตำนาน ไม่ตายไม่ดับ และก็จะไม่ปรากฏตัวที่บนโลก แบบนี้ไม่ถูกสิ ทำไมแม้กระทั่งวิญญาณจักรพรรดิก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว เล่ากันว่าภารกิจของเขามีเพียงข้อเดียว นั่นก็คือฆ่าล้างเต๋าที่มาจากภายนอก…” เอ่ยถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็เงียบเสียง หันมองหวังเป่าเล่ออย่างโง่งม นัยน์ตาฉายแววสั่นไหวรุนแรง
“เจ้า…เจ้าไม่ใช่คนโบราณ? เจ้าคือ…ผู้ที่มาจากภายนอก?”
“ฆ่าล้างผู้ที่มาจากภายนอก ไม่ตายไม่ดับ?” หวังเป่าเล่อครุ่นคิด มองผู้ฝึกตนที่สวมหน้ากากและชุดคลุมสีขาวตรงหน้า ในเวลานี้เหยียบสายฟ้ามาอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น ตัวเขาไม่หลบหลีก
เพราะพริบตาต่อมา ที่ด้านข้างภายในไอหมอก หลังจากเสียงหวีดแหลมลอยมาอย่างฉับพลัน หอกยาวที่ถูกหวังเป่าเล่อโยนออกไปเล่มนั้นก็ทะลวงหมอกสีแดงและทะลุออกไปทันที ทั้งยังเร็วกว่าก่อนหน้าอีกมาก พริบตาที่ปรากฏก็เข้าใกล้เงาร่างสีขาวที่เดินมาทางหวังเป่าเล่อ
เงาร่างสีขาวผู้นี้รู้สึกได้ทันที พลันไหวร่างคิดจะหลบ ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว เพียงพริบตา เมื่อเสียงดังสนั่นสะท้อนก้อง หอกยาวเล่มนั้นก็ทะลุทรวงอกเขาและระเบิดร่างเขาออกเป็นจุณทันที
ชายหนุ่มตะลึงงันไปอีกครั้ง
ทว่า ท่าทางหวังเป่าเล่อกลับไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย คิ้วขมวดมุ่นยิ่งกว่าเก่า เพราะแค่วิญญาณจักรพรรดิขั้นสี่เพียงผู้เดียวยังไม่พอที่จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกอันตรายขึ้นมาอย่างตอนก่อนหน้าได้ โดยเฉพาะหลังจากที่เวลานี้วิญญาณจักรพรรดิได้ตายลง ความรู้สึกอันตรายของเขาไม่เพียงไม่ลดลง แต่กลับยังรู้สึกหนักอึ้งขึ้นอีก
อึดใจต่อมา หวังเป่าเล่อมองไปทางจุดที่วิญญาณจักรพรรดิแตกสลายลงทันที ม่านตาของเขาพลันหดแคบ เพราะตรงนั้นวิญญาณจักรพรรดิที่แตกสลายไม่เพียงไม่ดับสลายอย่างแท้จริง มันกลับ…เกิดรวมร่างขึ้นใหม่จากเลือดเนื้อที่แตกกระจายออกไปในฉับพลัน
วิญญาณจักรพรรดิสองคน!
สองคนเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน เป็นวิญญาณจักรพรรดิระดับสุดยอดขั้นที่สี่!
…………………