ตอนที่ 1239 ไม่ได้เจอกันนานเลย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นี่เป็นยาพิษพิเศษของนาง ปรุงออกมาโดยหอหมอปีศาจ เป็นพิษเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่เปิดขายให้คนนอกอีกด้วย

นึกไม่ถึงว่าหอหมอปีศาจของนางก็ส่งคนมาเหมือนกัน!

ถึงแม้ว่าหอหมอปีศาจของพวกนางจะไม่ได้ถูกขนานนามว่าเป็นกองกำลังระดับใด แต่หลังจากการทำเงินทองได้อย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังมีการต่อสู้แย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ หอหมอปีศาจก็มีชื่อเสียงในดินแดนสี่ทิศมาก และแน่นอนว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันการเข้าไปในสระหานซินในครั้งนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวเหลิ่ง ไปกันเถอะ!”

มู่เฉียนซีและพวกจะจากไป แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ยอมปล่อยพวกนางไป

“พวกเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามพวกข้าก็คิดจะจากไปแล้วเหรอ?”

ประกายไฟเล็ก ๆ ออกมาจากปลายนิ้วของเหลิ่งหนิงจือ นางยิ้มอย่างอันตรายพลางกล่าวว่า “หากพวกเจ้ายังคิดจะเป็นหมาขวางทางละก็ พี่สาวอย่างข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ”

“เจ้าคิดว่าพวกข้าจะกลัวพวกเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”

ในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือ เหลิ่งหนิงจือก็ปล่อยประกายไฟนั้นพุ่งไปโจมตีแผดเผาพวกเขาทันที

อ๊า! พวกเขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความอับอาย

มู่เฉียนซีเดินตามอากาศพิษนั้นไปยังสถานที่ที่เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้น

เมื่อมู่เฉียนซีเหลือบมองไปก็เห็นกับร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่ง

ร่างอันแข็งแรงคล่องแคล่วที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดคลุมยาวสีน้ำเงินผู้นั้น ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะเห็นชายหนุ่มที่ขี่ม้าในชุดหรูผู้นั้นในเมืองจื่อเยี่ยเข้าแล้ว

เพียงแต่ว่า หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว เขาที่ผ่านประสบการณ์มามากมายในตอนนี้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่น้อย

ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้ก่อสงครามขึ้นแล้ว ชายหนุ่มที่สวมชุดเขียวกลุ่มนั้นกล่าวขึ้นว่า “หอหมอปีศาจของพวกเจ้าเป็นศัตรูกับตำหนักตงจี๋ ตอนนี้ในแดนตะวันออกก็คงจะเป็นฐานที่มั่นของตำหนักตงจี๋ไปแล้ว พวกเจ้าอย่าคิดว่าอยู่ในเมืองเป่ยหาน ได้รับคำเชิญจากตำหนักเป่ยหานแล้วพวกข้าจะไม่กล้าลงมือกับพวกเจ้า หากพวกเจ้ายังรู้จักว่าอะไรเป็นอะไร ก็รีบไสหัวออกไปจากที่นี่แล้วสละสิทธิ์ซะ”

อีกฝ่ายหนึ่ง ชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าวอย่างโมโหโกรธาว่า “เจ้าพูดบ้าอะไร! หัวหน้าหอของพวกข้าเก่งกาจถึงเพียงนั้น ตำหนักตงจี๋จะมีความสามารถทำอะไรหอหมอปีศาจได้”

“ฮ่า ๆ ๆ! หัวหน้าหอของพวกเจ้าเก่งกาจอย่างนั้นเหรอ ข้าว่าขี้โม้มากกว่า! ไม่อย่างนั้นแล้ว ตอนที่ตำหนักตงจี๋ลงมือ ข้าไม่เห็นว่าหมอปีศาจของพวกเจ้าออกหน้ามาสู้รบด้วยเลย! หมอปีศาจน่ะเหรอ ฮ่า ๆ ๆ ข้าจะบอกให้นะว่าสำนักชิงอวี่ของข้าก็มีหมอเทพอยู่คนหนึ่ง!” พวกเขากล่าวเย้ยหยัน

ในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันเรียบนิ่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระกับพวกมันอยู่เลย ฝ่ายใดแข็งแกร่งกว่า อีกฝ่ายก็จะเป็นฝ่ายที่ต้องไสหัวออกไปจากที่นี่เอง!”

ร่างในชุดน้ำเงินพุ่งไปที่ศัตรู และในตอนนี้เองพลังอำนาจของมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็พุ่งเข้ามาที่พวกเขา

ชายชราชุดเขียวจากคนกลุ่มนั้นกระโจนออกมา ทางฝ่ายของหอหมอปีศาจสีหน้าเริ่มไม่สู้ดีแล้ว ครั้งนี้สำนักชิงอวี่ส่งยอดฝีมือระดับเก้ามา

ชายชราผู้นั้นกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “ก็แค่สร้างภาพขึ้นมาหลอกลวงคนอื่นก็เท่านั้น กองกำลังที่ไม่ได้เรื่องต่อให้เขียนเสือให้วัวกลัวมันก็ไม่ได้เรื่องอยู่วันยังค่ำ ส่งมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดมา ยังคิดจะแย่งสิทธิ์เข้าสระหานซินอีก”

ถึงแม้ว่าหอหมอปีศาจของพวกเขาจะไม่มียอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า แต่กำลังในการต่อสู้ระดับเก้านั้นกลับมีอยู่

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในแดนตะวันออกนั้นไม่ค่อยจะมั่นคงนัก กำลังในการต่อสู้ส่วนใหญ่จึงย้ายไปอยู่ที่แดนตะวันออก ทำให้กองกำลังในแดนเหนือไม่เพียงพอ

ชายชราผู้นั้นกล่าว “หากพวกเจ้ายอมคุกเข่าขอโทษสำนักชิงอวี่เสียโดยดี พวกข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป และจะไม่ลงมือฆ่าพวกเจ้า! แต่หากพวกเจ้าไม่ยอมขอโทษแล้วละก็ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”

พวกเขากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “พวกเจ้าฝันไปเถอะ!”

คนของหอหมอปีศาจ ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้

พวกเขายอมตายเพื่อต่อสู้กับคนของสำนักชิงอวี่เหล่านี้

พวกเขามีวิธีการอุบายมากมาย อาวุธลับ และพิษที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่ขาดสาย แต่น่าเสียดายที่ฝ่ายตรงข้ามมียอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าคอยคุมอยู่ พวกเขาจึงยากที่จะพลิกสถานการณ์ได้

ชายชราผู้นั้นกล่าวเย้ยหยันว่า “พวกเจ้าคิดจะเอาชนะด้วยวิธีการเลวทรามพวกนี้เหรอ ฝันไปเถอะ!”

“เหอะ ๆ ๆ! ฝันไปจริงเหรอ?” น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เห็นร่างหญิงสาวชุดม่วงผู้หนึ่งเดินออกมาด้วยท่าทางเกียจคร้าน

หญิงสาวผู้นี้ดู ๆ แล้วอายุยังน้อยนัก พลังวิญญาณที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงระดับพลังวิญญาณของนางว่าอยู่ขั้นใด พลังวิญญาณต่ำกว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด

เมื่อชายชุดสีน้ำเงินผู้นั้นเห็นร่างของหญิงสาวผู้นี้ ดวงตาของเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าอันประณีตงดงามนั้นของนางอย่างไม่อาจละสายตาได้

เดิมทีเขาที่มองเห็นความตายตรงหน้าแล้ว ในตอนนี้ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายขึ้นอย่างไม่อาจระงับได้ เมื่อได้เห็นนาง ราวกับว่าอันตรายทุกอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจแล้ว

คนของสำนักชิงอวี่เหล่านั้นกล่าวว่า “แม่นางน้อย นี่เป็นเรื่องระหว่างสำนักชิงอวี่กับหอหมอปีศาจ ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าอย่าได้เข้ามาเกี่ยวข้องเลยนะ!”

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น “ไม่เกี่ยวกับข้าเหรอ แต่ข้าก็เป็นคนของหอหมอปีศาจนะ!”

ทางฝ่ายของหอหมอปีศาจ นอกจากชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินผู้นั้นแล้ว คนอื่นต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

แม่นางน้อยผู้นี้ก็เป็นคนของหอหมอปีศาจเหรอ

พวกเขาไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าหอหมอปีศาจจะมีหญิงสาวที่หน้าตางดงามถึงเพียงนี้ด้วย

ชายชราผู้นั้นทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกคราหนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นคนของหอหมอปีศาจ ข้าก็จะจัดการเจ้าไปพร้อมกันเลย”

มู่เฉียนซียิ้มอย่างหยอกล้อพลางกล่าวว่า “จัดการ! ตาเฒ่า เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถที่จะจัดการพวกข้าเหรอ?”

รอยยิ้มของหญิงสาวงดงามมาก แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเสียวสันหลังเย็นวาบขึ้น จู่ ๆ คนของสำนักชิงอวี่เหล่านั้นต่างก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น

ชายชุดสีน้ำเงินผู้นั้นก็ยิ้มขึ้นแล้ว นางยังคงเป็นนางไม่เปลี่ยน ทุกครั้งที่เผยรอยยิ้มเช่นนี้ออกมา นั่นหมายความว่าต้องมีคนซวยแล้ว

อ๊า!

พรวด!

จู่ ๆ คนของสำนักชิงอวี่ที่อยู่ด้านหลังชายชราผู้นั้นก็กระอักเลือดสีเขียวออกมา

มีคนอุทานขึ้นด้วยความตื่นตระหนกตกใจว่า “พิษ! พวกเราโดนพิษแล้ว!”

พวกเขารีบโคจรพลังวิญญาณเพื่อที่จะป้องกันการแพร่กระจายของพิษในร่างกาย ทว่า พิษอันรุนแรงของหอหมอปีศาจนั้น ไม่ใช่พิษที่พวกเขาอยากจะป้องกันแล้วจะสามารถป้องกันได้

ชายชราผู้นั้นอาศัยพลังอันแข็งแกร่งและแสดงความสามารถพุ่งออกไปหมายจะเด็ดหัวสาวน้อยผู้นั้น

ต้องเป็นฝีมือของสาวน้อยผู้นั้นแน่นอน!

แต่จู่ ๆ ร่างเพรียวบางของหญิงสาวอีกผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา พร้อมกับเปลวไฟกลุ่มหนึ่งที่ห่อหุ้มร่างของเขาไว้

น้ำเสียงอันยั่วยวนมีเสน่ห์ดังขึ้น “ตาเฒ่า อย่าได้ขยับมั่วซั่วเชียวนะ! หากขยับตัวมั่วซั่วอาจจะถูกเปลวไฟเผาได้ ไม่มีใครมาเก็บศพนะ!”

ตุบ ตุบ ตุบ! นอกจากชายชราผู้ที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าผู้นั้นแล้ว คนอื่นทั้งหมดต่างก็ถูกพิษจนร่างล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว

ชายชราผู้นั้นกล่าว “เจ้า…นี่เจ้าวางยาพิษพวกข้าได้ยังไง”

คนของหอหมอปีศาจเหล่านั้นก็ประหลาดใจมากเช่นกัน อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นคนของหอหมอปีศาจ ถูกหอหมอปีศาจฝึกฝนเลี้ยงดูจนเข้าใจการวางยาพิษ ปรุงยาพิษ ใช้พิษและอื่น ๆ เป็นอย่างดี แต่กลับไม่เข้าใจทักษะการวางยาพิษอันลึกลับนี้ของมู่เฉียนซีได้เลย

มู่เฉียนซีกล่าว “ใครใช้ให้สำนักชิงอวี่ของพวกเจ้ายืนผิดที่ผิดตำแหน่งกันล่ะ มายืนขวางทางออกเช่นนี้ แถมทางออกนี้ก็เป็นเส้นทางลมซะด้วยสิ เพียงแค่โปรยพิษไปเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเจ้าก็ไม่รอดแล้ว”

ชายชราผู้นั้นโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา นี่มันพิษเล็ก ๆ น้อย ๆ เหรอ! พิษเล็กน้อยสามารถทำให้ยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิระดับสูงกับขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงล้มลงไปเป็นระนาบอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้เหรอ!

แม้แต่คนของหอหมอปีศาจมุมปากก็กระตุกขึ้นเช่นกัน หากนี่เป็นพิษเล็ก ๆ น้อยๆ เช่นนั้นพิษของพวกเขาก็คงจะเป็นเพียงแค่เศษพิษเท่านั้น นี่มันช่างรุนแรงเกินไปแล้ว!

สารพิษแผ่ซ่านไปทั่วร่างของชายชราผู้นั้นจนร่างของเขากลายเป็นสีเขียว และล้มลงไปกับพื้น ศัตรูที่จัดการได้ยากกลุ่มนี้ในที่สุดก็จัดการได้แล้ว พวกเขาต่างตกตะลึงตาค้างขึ้น และในตอนนี้มู่เฉียนซีหันไปมองชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินผู้นั้นและยิ้มพลางกล่าวว่า “เยวี่ยเจ๋อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”