ตู้ม**!**
เมื่อความผันผวนของคลื่นหลิงรุนแรงระเบิด ร่างเงาทั้งห้าก็โรมรันพันตู ทุกการปะทะกันทำให้ทั้งมิติสั่นสะเทือนราวกับว่าขอบฟ้ากำลังจะแยกออกจากกัน
แต่คำว่าโรมรันพันตูดูเหมือนจะไม่ใช่คำที่เหมาะสมนัก เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้คือสี่จอมยุทธ์พยายามจะหลบหนีโดยมีร่างสีทองเข้มไล่ตามมา ทุกการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาถูกฉีกขาดยับเยิน…
ทั้งสี่นั้นก็คือมู่เฉิน หมัวเฮอโยว เยี่ยฉิงและทัวป๋าชาง
ตอนนี้พวกเขาสู้กับร่างสีทองเข้มลึกลับไปแล้วหนึ่งก้านธูป ซึ่งทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเลวร้ายแสนสาหัส พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลบหนี เมื่อครู่หมัวเฮอโยวที่รู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมาจากการถูกไล่ฆ่ายังปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดออกมา แต่ผลที่ได้คือแขนข้างหนึ่งถูกฟันทิ้งโดยร่างสีทองเข้ม…
หลังจากเหตุการณนี้เกิดขึ้นก็ไม่มีใครกล้าปะทะซึ่งหน้าและทำเพียงหนีได้เท่านั้น แต่โชคดีที่ร่างสีทองเข้มจะฉีกมิติออกเป็นชิ้นๆ เป็นระยะเพื่อดึงแก่นอมตะออกจากเจดีย์วั้นกู่ซึ่งทำให้พวกเขามีเวลาหายใจบ้าง
แต่พวกเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่แผนระยะยาวที่ดี
นั่นเพราะเมื่อใดก็ตามที่ร่างสีทองเข้มดูดซับแก่นอมตะ ความผันผวนที่เปล่งออกมาก็จะน่ากลัวยิ่งขึ้น…
เห็นได้ชัดว่าร่างสีทองเข้มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ยามนี้ทุกคนจึงมีสีหน้าปูเลี่ยน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเลือกออกจากเจดีย์วั้นกู่ได้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าตนเองจะต้องสูญเสียโอกาสในการได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ตลอดกาลหากจากไป ดังนั้นจึงไม่มีใครเลือกจะจากไปก่อน
โฮก!
ร่างสีทองเข้มดูดซับแก่นอมตะอีกชุดหนึ่งจากมิติ รัศมีก็เข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วน แม้แต่ความกดดันที่เอิบอาบจากร่างกายก็ทำให้มิติโดยรอบแตกร้าวราวกับแก้ว
มันปล่อยเสียงคำรามออกมา รูม่านตาสั่นระริกด้วยความสับสน เสียงไร้อารมณ์ดังก้อง “จงอยู่ที่นี่เพื่อรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดินนี้!”
เมื่อได้ยินเสียงที่อัดแน่นด้วยเจตนาฆ่า พวกหมัวเฮอโยวก็ไม่สนใจ รีบหนีไปอีกครั้ง
ทว่าหัวใจของมู่เฉินกลับสั่นสะท้าน เพราะร่างสีทองเข้มจะเปล่งเสียงคำรามเหมือนเดิมทุกครั้งหลังจากกลืนกินแก่นอมตะไป
แม้ว่าเสียงคำรามจะพุ่งตรงมาที่พวกเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการมู่เฉินรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ร่างสีทองเข้มต้องการจะพูด มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยการต่อต้านในจิตใจของมัน
“รวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน… ฟ้าดินนี่หมายถึงเจดีย์วั้นกู่หรือ?” สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะที่พึมพำในใจ
ตู้ม!
ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้นข้างหลัง มู่เฉินกวาดสายตาไปมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรังสีสีทองเข้มพาดผ่านขอบฟ้าเข้ามา
“ความเร็วมันเพิ่มขึ้นแล้ว!”
ปีกหงส์ฟ้าที่อยู่ด้านหลังมู่เฉินกระพือก่อนที่ร่างเขาจะหายไป เขาเร้าความเร็วถึงขีดสุด
ทันทีที่มู่เฉินหายตัวไป มือสีทองเข้มก็แทงทะลุตรงหน้าอกของภาพมายาพร้อมกับความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่ากลัว
ร่างสีทองเข้มคำรามหลังจากเห็นว่าพลาดเป้าก็ทะยานออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้ไล่ตามมู่เฉิน แต่เป็นทัวป๋าชางที่มีความเร็วช้าที่สุดในกลุ่ม
“ดอกบัวอมตะ!”
เมื่อเห็นร่างสีทองเข้มตามมา ใบหน้าของทัวป๋าชางก็เปลี่ยนไป รหัสเทพอมตะนับไม่ถ้วนแผ่ออกก่อตัวเป็นดอกบัวขนาดใหญ่ปกป้องเขาไว้ภายใน
ชี่!
แต่คราวนี้ดอกบัวอมตะไม่สามารถขัดขวางร่างสีทองเข้มได้อีกต่อไป มันฉีกดอกบัวออกด้วยพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้
ปัง!
เมื่อดอกบัวอมตะระเบิด ทัวป๋าชางก็พยายามที่จะถอยหนี แต่มือสีทองกลับยื่นออกมาจับหัวเขาแน่น
ความกลัวริบหรี่ในดวงตาของทัวป๋าชาง เขาแผดเสียงโดยไม่ลังเล “ข้าถอนตัว!”
ตามกฎของเจดีย์วั้นกู่ ผู้เข้าร่วมสามารถถอนตัวออกไปได้โดยที่เจดีย์จะส่งพวกเขาออกไปทันที ตอนแรกทัวป๋าชางยังรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้เขาไม่อาจมีอารมณ์อื่นได้อีก เพราะชีวิตสำคัญที่สุด
หลังจากตะโกนออกไป ทัวป๋าชางก็ผ่อนคลายร่างกายรอให้มิติบิดเบี้ยว แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นรอยยิ้มน่ากลัวบนริมฝีปากของร่างสีทองเข้ม ซ้ำการบิดเบือนของมิติก็ไม่เกิดขึ้น
ทันใดนั้นความเย็นยะเยือกก็พุ่งจากปลายเท้ามาที่ศีรษะ อึดใจเขาก็คิดจะปลดปล่อยคลื่นหลิงในร่างกาย
แกร๊ก!
แต่เมื่อเขากำลังหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกาย พลังงานรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายเขาซึ่งแทบจะระเบิดหัวของเขาในทันที…
ปัง ปัง!
เสียงดังก้อง ร่างทัวป๋าชางก็ระเบิดออกเป็นหมอกเลือด ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ข้างหลังเขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความโศกเศร้า ก่อนที่จะระเบิดเป็นประกายแสงสีม่วงทอง…
พลังดูดเคลื่อนไหว ร่างสีทองเข้มกลืนกินประกายสีม่วงทองเข้าไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เมื่อมู่เฉิน หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงเห็นฉากนี้ ความหวาดผวาก็พล่านบนใบหน้า
พวกเขาสัมผัสได้ว่าทัวป๋าชางถูกฆ่าตายอย่างแท้จริง!
“ทำไมเขาออกจากเจดีย์วั้นกู่ไม่ได้?!” ใบหน้าของเยี่ยฉิงไม่น่าดู เนื่องจากได้ยินทัวป๋าชางตะโกนขอถอนตัวเต็มสองหู ทว่าเจดีย์วั้นกู่กลับไม่ส่งเขาออกไป
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวก็ดูเคร่งขรึม มองไปที่ร่างสีทองเข้มพร้อมกับความกลัวในดวงตา
“ข้ากลัว…ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับเจดีย์วั้นกู่” มู่เฉินกล่าว สถานการณ์เหนือการควบคุมตั้งแต่ร่างสีทองเข้มปรากฏขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะมันทำให้เจดีย์วั้นกู่ไม่สามารถส่งใครออกไปได้แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงก็หดดวงตา ถ้าพวกเขาไม่สามารถออกจากเจดีย์ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาต้องติดอยู่ที่นี่หรือ?
เมื่อคิดแล้วใบหน้าของทั้งสองก็มืดครึ้มลง
เวลาเดียวกันความปั่นป่วนก็ปะทุขึ้นด้านนอกเจดีย์วั้นกู่ ทุกคนตกตะลึงไปเมื่อเห็นทัวป๋าชางถูกฆ่า หัวใจผู้คนต่างเย็นเยือกลง
นั่นคือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายนะ ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เลยเรอะ?
เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเห็นฉากนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไปรุนแรง นางบอกได้เลยว่าการถอนตัวของทัวป๋าชาง ล้มเหลว… อึดใจสายตาบาดลึกก็กวาดไปที่หมัวเฮอเทียน “เจดีย์วั้นกู่มีปัญหาเรอะ?”
หมัวเฮอเทียนพยักหน้าด้วยใบหน้าไม่น่าดู “อย่ามามองข้าแบบนั้น เผ่าหมัวเฮอของข้าไม่ได้ควบคุมเจดีย์ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถทำอะไรได้”
ชิงเหยี่ยนจิ้งกำหมัดแน่นพร้อมกับแสงร้ายกาจวูบไหวในนัยน์ตา ร่างสีทองเข้มทรงพลังเกินไป มู่เฉินไม่สามารถต่อสู้ได้แน่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปลูกชายนางตายแน่
“งั้นก็ทำลายเจดีย์วั้นกู่ซะ!” ชิงเหยี่ยนจิ้งเค้นเสียงเย็นชา
“ไม่ได้!” หมัวเฮอเทียนค้านขณะสวนกลับ “ร่างมหาเทพนิรันดร์ต้องได้รับผลกระทบหากเจดีย์ถูกทำลาย ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้?”
“ถ้าร่างมหาเทพนิรันดร์ทำลายได้ง่ายขนาดนั้น ก็ไม่ใช่ร่างมหาเทพปฐมกาลแล้ว!” ชิงเหยี่ยนจิ้งหัวเราะเยาะ
“ไม่ได้! เผ่าหมัวเฮอของข้าปกป้องมันมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ดังนั้นเราจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับมัน!” หมัวเฮอเทียนไม่ยอมถอย
“ถ้างั้นข้าจะลงมือเอง!”
“หึ ที่นี่คือเผ่าหมัวเฮอของข้า ไม่ใช่เผ่าฝูถูของเจ้า!”
“งั้นก็มาลองกันสักตั้งสิ!”
จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสองคนยืนประจันหน้ากัน ความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ฟ้าดินมืดมิด ทุกคนตัวสั่นกับภาพนี้ หากทั้งสองต่อสู้กันทุกสรรพสิ่งภายในรัศมีล้านลี้ก็คงเหลือเพียงเถ้าถ่าน…
หลังจากร่างสีทองเข้มกลืนกินร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของทัวป๋าชาง
รัศมีกระจ่างชัดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทบทวี ก่อนที่มันจะเหลียวมองไปที่มู่เฉิน หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงด้วยความโลภในดวงตา
ตู้ม!
ร่างกายของมันสั่นสะท้านก่อนที่จะทะยานไปหาหมัวเฮอโยวที่แข็งแกร่งที่สุด มันรู้ว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของอีกฝ่าย
เมื่อหมัวเฮอโยวเห็นสถานการณ์นี้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปรุนแรง รีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว
แต่เวลานี้ความเร็วของร่างสีทองเข้มเพิ่มขึ้นมาก ไม่ว่าหมัวเฮอโยวจะพยายามหลบหนีแค่ไหนระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ลดลงเรื่อยๆ…
ไม่กี่ลมหายใจหมัวเฮอโยวก็รู้สึกถึงพายุรุนแรงอยู่ข้างหลัง
เมื่อเห็นร่างสีทองเข้มเข้ามาใกล้ทางมุมหางตา หมัวเฮอโยวก็กวาดสายตาเย็นชาไปที่มู่เฉิน ก่อนเข็มทิศที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกซึ้งจะปรากฏขึ้นในมือ
“เข็มทิศแปดกายาสวรรค์ ทักษะปรวนแปร!”
เข็มทิศเปล่งรัศมีเอิบอาบไปทั่ว ขณะที่ล้อมรอบร่างสีทองเข้ม
ตอนที่หมัวเฮอโยวนำเข็มทิศออกมา มู่เฉินก็ตื่นระวังอย่างมาก เนื่องจากเขารู้สึกไม่สบายใจ เขารีบถอยออกไปทันที
วาบ!
แต่เมื่อเขากำลังจะถอยร่างสีทองเข้มที่กำลังไล่กวดหมัวเฮอโยวก็หายวับ จากนั้นมู่เฉินก็ต้องหดดวงตาเมื่อมองเห็นมิติแยกออกเบื้องหน้าเขา ร่างสีทองเข้มพุ่งออกมาจ้องเขาเขม็ง
เมื่อมองร่างสีทองเข้มที่อยู่ใกล้ ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นสีมืดคล้ำ
‘ไอ้ระยำหมัวเฮอโยว มันบังอาจวางแผนลอบกัดข้า!’