แม้ว่าการอ่อนข้อของเขาจะทำให้ความน่าเกรงขามของตนลดลงไปบ้าง แต่หากคิดถึงความปลอดภัยของของการสืบทอดสำนักฟ้าดินต่อไปแล้ว เรื่องศักดิ์ศรีจะช่วยอะไรได้

สิ่งที่สำนักฟ้าดินเลือกคือยอมอ่อนข้อ นี่ทำให้หลัวซิวรู้สึกประหลาดใจไปบ้าง จากความเข้าใจที่เขามีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตน การยอมอ่อนข้ออย่างเช่นตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ง่าย

แม้ว่าเขาจะมีพลังมากพอที่จะทำลายสำนักฟ้าดิน แต่เขาก็ไม่ได้อยากที่จะทำแบบนั้น เว้นเสียแต่ว่าสำนักฟ้าดินจะแข็งขืนกับเขา

เพราะไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องไปจากโลกแสงดาวแห่งนี้แล้ว และเขาไม่สามารถพาสำนักไท่เสวียนไปด้วยได้ หากจัดการทุกอย่างอย่างสุดทางเกินไป การเติบโตของสำนักไท่เสวียนจะได้รับผลกระทบและมีข้อจำกัด

“ไม่ว่าอย่างไร เรื่องที่ลูกศิษย์สำนักฟ้าดินทำผิด ข้ายินดีที่จะชดใช้” เจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินกล่าวอีกครั้ง

หลัวซิวยกมือขึ้นชี้ แสงเสวียนกวงพุ่งทะยานไปที่ประตูสำนักฟ้าดิน

เจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินยกมือขึ้นคว้าเอาไว้ เสวียนกวงห่อม้วนหยกเอาไว้ม้วนหนึ่ง ด้านในบรรยายแจกแจงสมบัติชนิดต่างๆ เอาไว้อย่างชัดเจน

สมบัติเหล่านี้แม่ว่าไม่ใช่ของที่ล้ำค่าหายากมากนัก แต่ก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก หากเทียบกับทรัพย์สมบัติที่สำนักฟ้าดินมีแล้ว หากเสียของจำนวนนี้ออกไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก

“เจ้าสำนักหลัว นี่ดูจะมากเกินไปหรือไม่” เจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินมองไปที่หลัวซิวพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น

“หากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สวี่ต้องการจะสะสางความหมางใจกับสำนักไท่เสวียนของข้า ก็นำของที่ระบุไว้ในม้วนหยกส่งมาที่สำนักไท่เสวียนตามจำนวนนั้น” หลัวซิวไม่ได้อธิบายอะไรมากมายนัก จากนั้นจึงหันหลังแล้วจากไป

สำนักฟ้าดินอยู่ในความเงียบสงัด เจ้าศักดิ์สิทธิ์สวี่ถอนใจแล้วส่งม้วนหยกให้ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลัง “สั่งคนนำของที่ระบุไว้ในนี้ไปมอบให้สำนักไท่เสวียนตามจำนวน”

“ขอรับ!”

ผู้อาวุโสตอบรับอย่างนอบน้อม จากนั้นใช้ตัวสำนึกเข้าไปสำรวจในม้วนหยก ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที “เจ้าศักดิ์สิทธิ์ นี่……”

สมบัติล้าค่าที่ระบุไว้ในม้วนหยกสามารถทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กล้มละลายได้เลย แม้ว่าสำนักฟ้าดินจะสามารถแบ่งออกมาได้ แต่ทรัพย์สมบัติในคัลงเกรงว่าจะหายไปถึงสี่ส่วน!

“ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไปเตรียมให้เรียบร้อย” เจ้าศักดิ์สิทธิ์ฟ้าดินกล่าวด้วยความอดทน

เขารู้อยู่แก่ใจว่าแม้ว่าวันนี้สำนักฟ้าดินจะสามารถต้านทานหลัวซิวได้ แต่ในวันหน้า การเติบโตอย่างรวดเร็วของหลัวซิวจะสามารถทำลายสำนักฟ้าดินได้อย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว

อีกอย่างเรื่องที่สำนักฟ้าดินยอมอย่างง่ายๆ นั้นไม่ควรแพร่งพรายออกไป มิเช่นนั้นแล้วจากพลังของหลัวซิว แม้แต่ผู้อาวุโสระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็สามารถถูกเขาสังหารได้อย่างง่ายดาย

เมื่อถูกศัตรูอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้จับตามองอยู่ ย่อมทำให้เขาอยู่อย่างไม่เป็นสุขได้

“เมื่อครู่นี้เจ้าน่ากลัวมากทีเดียว ถึงขั้นทำให้เจ้าสำนักยอมจำนนได้ บนโลกนี้มีน้อยคนนักที่จะทำได้เช่นนี้”

หลังจากที่ออกมาจากสำนักฟ้าดินแล้ว เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็กล่าวอย่างตื่นเต้น

เมื่อนึกย้อนถึงตอนแรกที่นางเจอหลัวซิวครั้งแรก นางไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กที่อยู่ในแดนฝึกจิตอยู่ในสายตา

ทว่าใครเลยจะคิดว่าเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบสามสิบปี เด็กหนุ่มที่อยู่ในแดนฝึกจิตจะเติบโตขึ้นมาได้ถึงขั้นนี้ และยืนอยู่ในตำแหน่งผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ระดับสูงสุด

ประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาทำให้เหยียนเยว่เอ๋อร์รู้สึกราวกับเป็นเพียงความฝัน เมื่อก่อนนางต้องฝึกฝนถึงสามร้อยปีกว่าฝึกได้ถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ แต่หลังจากที่นางได้พบกับหลัวซิว พลังการฝึกตนของนางก็เพิ่มพุ่งทะยานขึ้น ตอนนี้นางได้บรรลุถึงขั้นเจ้ายุทธจักรแล้ว

“พี่หลัว เจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินจะยอมมอบของพวกนั้นให้จริงหรือ” เหยียนซีโรว่ถามขึ้น

“เขาจะต้องให้แน่” หลัวซิวพยักหน้าอย่างมั่นใจ เขาเชื่อว่าขอแค่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินไม่โง่ แน่นอนว่าเขาจะต้องมอบของที่ระบุไว้ในม้วนหยกให้สำนักไท่เสวียนตามจำนวนอย่างแน่นอน