เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1619

อักษรยันต์และแสงสว่างหายไป ฟ้าดินกลับมาสว่างเหมือนเดิม

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ดวงดาวปรากฏขึ้นอีกครั้ง สุ่ยหมิงคงเหาะกลับมาข้างสุ่ยโม่หรานแล้วพูดเสียงเบาว่า “ขอโทษด้วยนะ ฉันพาเธอผ่านด่านนี้ไปด้วยกันไม่ได้”

สุ่ยโม่หรานพูดว่า “พี่ ตอนนี้ไม่มีวิธีเอาชนะเขาได้จริงๆ เหรอ ฉันยังปล่อยออกมาได้อีกสองกระบวนท่า”

สุ่ยหมิงคงส่ายหน้า “โอกาสชนะไม่เยอะ อาการของเธอกับสภาพของฉันไม่ค่อยดี ส่วนลู่ฝาน ฉันว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาคงใช้พลังไม่มากเท่าไร อันที่จริงเขาผ่านด่านนี้ได้แบบสบายๆ”

“ไอ้คนเจ้าเล่ห์!”

สุ่ยโม่หรานไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

อักษรยันต์รอบๆ หายไปหมดแล้ว นี่หมายความว่าผู้อาวุโสซินเซิ่งคิดว่าการประลองสิ้นสุดลงแล้ว

ทุกคนเหาะไปทางหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ กำลังจะพาจินอีหมิงกับถู่ห่วงไปด้วย

แต่ขณะนั้นเองท่ามกลางรูปปั้นที่อยู่ไม่ไกล แสงสองแสงร่วงลงบนตัวจินอีหมิงกับถู่ห่วง

ลู่ฝานอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “สลบไปแล้วยังมีโอกาสอีก ถือว่าสองคนนี้โชคดีแล้วล่ะ!”

สุ่ยหมิงคงมองแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ถือว่าพวกเขาโชคดี ปล่อยพวกเขาไว้ที่นี่เถอะ”

สุ่ยโม่หรานพูดเสียงเบาว่า “ทำไมฉันถึงไม่มีโอกาสบ้างล่ะ”

ลู่ฝานชี้ไปที่ขวดในมือสุ่ยหมิงคงแล้วพูดว่า “อย่าเสียใจไปเลย ยังมีอีกคนที่ไม่มีโอกาสเหมือนกัน!”

สุ่ยหมิงคงหัวเราะแล้วเคาะขวดตัวเองอีกครั้ง

หน้าหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสของห้าตระกูลใหญ่ยืนเรียงตามลำดับ

ในบรรดาทุกคน มีเพียงผู้อาวุโสของตระกูลสุ่ยที่ยิ้มกว้างสุด

แม้ผู้อาวุโสสามของตระกูลหั่วเห็นว่าลู่ฝานผ่านรอบนี้ได้สบายๆ แต่เขาไม่มีความสุขเลยสักนิด

เหตุผลง่ายมาก แม้ลู่ฝานอยู่ภายใต้ชื่อของตระกูลหั่ว แต่ไม่ได้แซ่หั่ว ที่สำคัญกว่านั้นคือผลงานของหั่วหลงชิ่งกับหั่วหลงจู้ แม้ไม่ดีแต่ก็พอถูไถไปได้

โดยเฉพาะหั่วหลงจู้ ทำให้ตระกูลหั่วเสียหน้าย่อยยับ

คนที่เหาะกลับมาเป็นคนแรกคือหั่วหลงชิ่งกับหั่วหลงจู้

เมื่อเหาะลงมาบนพื้น หั่วตันซูรีบเดินเข้ามารับหั่วหลงชิ่งที่สลบอยู่ทันที

หั่วหลงจู้เดินโซซัดโซเซไปข้างผู้อาวุโสสามแล้วพูดด้วยใบหน้าซีดเผือด “ผู้อาวุโสสาม ฉัน……”

ยังไม่ทันพูดจบ ผู้อาวุโสสามยกมือขึ้นบอกให้เขาไม่ต้องพูดแล้ว

เงียบสงัดมาก ผู้อาวุโสสามพูดว่า “รอให้การประลองสิ้นสุดลงก่อน พวกนายค่อยกลับไปคุยกันที่ตระกูล”

หั่วหลงจู้อ้าปากเบาๆ นัยน์ตามีความหวาดกลัว

ผู้อาวุโสสามไม่ได้โกรธ ไม่ได้อาละวาด ไม่ตำหนิ แค่พูดประโยคนี้กับเขาอย่างใจเย็น

นี่ต่างจากที่เขาจินตนาการไว้เลย แต่เขาเห็นความเงียบในแววตานิ่งสงบของผู้อาวุโสสาม

บางครั้งไม่ได้กลัวการตำหนิด่าทอ ไม่ได้กลัวการลงโทษ แต่กลัวความเงียบนี่แหละ

หั่วหลงจู้รู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะพูดอะไรดี ยิ่งไม่รู้ว่าอะไรรอตัวเองอยู่หลังจากกลับไปที่ตระกูล

ผู้อาวุโสสามไม่ได้สนใจหั่วหลงจู้ เขาเดินตรงไปข้างหั่วหลงชิ่ง แล้วถามหั่วตันซูว่า “หลงชิ่งเป็นไงบ้าง”

หั่วตันซูพูดว่า “ยังโชคดี แม้บาดเจ็บสาหัสแต่รักษาได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง!”

ผู้อาวุโสสามพยักหน้า นี่ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย

เทียบกับความผิดพลาดของหั่วหลงจู้ การตัดสินใจผิดพลาดของหั่วหลงชิ่งธรรมดาไปเลย

หั่วตันซูพูดต่อ “ผู้อาวุโส ฉันคิดว่าแม้การตัดสินใจของคุณชายรองจะทำให้ตระกูลหั่วอับอาย แต่สามารถปกป้องคุณชายใหญ่เอาไว้ได้ สามารถ……”

“หุบปาก!”

ผู้อาวุโสสามพูดเสียงดุ

หั่วตันซูรีบหุบปากทันที

ผู้อาวุโสสามพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “หั่วตันซู จำไว้ว่าเรื่องนี้นายไม่มีสิทธิ์มาร่วมปรึกษาหารือ ไม่ต้องออกความเห็นเรื่องนี้ ไม่งั้นนายจะซวยมาก!”