บทที่ 873 คิดทดปัดเศษ

The king of War

ถ้าหากไม่ใช่ได้เห็นกับตาเมื่อสักครู่ที่ผ่านนี้ ถึงความแข็งแกร่งของสององครักษ์ตระกูลไป๋ ตอนนี้หล่อนคงต้องสงสัยเป็นแน่แท้ ว่าไอ้สององครักษ์นี้มันเป็นแค่เศษขยะ

ตัวสององครักษ์เองนั้นยิ่งกว่าตื่นผวา พวกเขามีความมั่นใจในพลังฝีมือของพวกเขาเต็มที่ ในสายตาพวกเขา เยี่ยนตูกระจอก ๆ นี้ เพียงกำลังของเขาสองคน ก็สามารถกวาดล้างได้หมดทั้งเยี่ยนตูแล้ว

แต่ถึงตอนนี้ หนุ่มวัยเพียงยี่สิบห้า-ยี่สิบหกคนนี้ กลับสามารถรับการโจมตีใส่ของเขาทั้งสองด้วยแค่เพียงใช้ตัวรับ

นี่มันเป็นไปได้ยังไง?

ทั้งสองคน มีความคิดตรงกันในเวลาเดียวกัน

หรือจะว่า ไอ้หนุ่มคนนี้ ฝึกวิชาครอบระฆังทอง การปกป้องตัวเองแข็งแกร่งมาก แต่ความไวในพลังด้านอื่นจะด้อย จึงเมื่อกี้นี้ไม่มีการฉากหลบเพื่อโต้กลับ?

ในใจทั้งสอง ต่างมีความคิดออกมาเหมือนกันในเวลาเดียวกัน

แต่ทว่าความคิดเห็นเพิ่งเกิดขึ้น ในวินาทีต่อมา สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องยิ่งตื่นตกใจก็เกิดขึ้น

“เอาหมัดข้าไปลองดูบ้าง!”

ทั้งสองเพียงแค่ได้ยินหม่าชาวพูดออกมาเท่านั้น แล้วหลังจากนั้น ทั้งสองยังไม่ทันได้เตรียมรับกับอะไรที่จะเกิดขึ้น ก็รู้สึกมีอาการอะไรเกิดขึ้นที่หน้าอกตัวเอง เหมือนโดนค้อนตุ้มน้ำหนักเป็นพันชั่งทุ่มใส่

เสียงกระดูกแตกหัก ทิ่มแทงเข้าไปในความรู้สึกถึงก้นบึ้งของหัวใจ

ก็รู้ว่ากระดูกแตกหัก หลังจากนั้นจึงได้มีความเจ็บปวดอย่างแสนสุดทนจากบริเวณหน้าอกกระจายออกไปทั่วร่างกาย

“ปัง!”

เสียงดังลั่นจากการกระแทกต่อ ๆ กันสองครั้ง สององครักษ์ลอยกระเด็นไปกระแทกประตูใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ละลิ่วร่วงลงบนพื้นหินอ่อนที่แกร่งแข็ง

ฉินยีที่ประสบพบเห็นกับตาตลอดเหตุการณ์ ตื่นใจหวาดผวาจนพูดอะไรไม่ออก

คนอื่น ๆ พอได้ยินเสียงประตูเยี่ยนเฉินกรุ๊ปถูกระแทกปลิวกระเด็น จึงกล้าจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

พอพวกเขาได้เห็นคนที่ยังยืนอยู่กับที่คือหม่าชาว ต่างคนต่างอึ้ง

ไหงทำไมไม่ใช่เขาคนนี้ที่น่าจะถูกกระแทกกระเด็นออกไป?

เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นหรือ?

พวกพนักงานที่ปิดตาไม่กล้าดู ตอนนี้มานึกเสียดายที่ไม่ได้ดู

ส่วนไป๋จวิ้นเหา หน้าตาท่าทีหยิ่งยโสก่อนหน้านี้ ซีดขาวลงจนมองไม่เห็นสีเลือด แววตาเหลือแต่ความหวาดผวาและความไม่อยากเชื่อ

“อะไรนี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

ไป๋จวิ้นเหาพึมพำพูดให้ตัวเองฟัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาจากวังเดอะคิงตระกูลไป๋ คนที่มีสายเลือดตระกูลไป๋อย่างตัวเขานี่ เชื่อมั่นได้ว่าต้องไม่มีใครกล้าที่จะมากวนหาเรื่องด้วย

หลายคนพูดกันว่า นอกจากตระกูลราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงแล้ว จะหาผู้แข็งแกร่งที่มีฝีมือระดับเทียบกับคนของตระกูลไป๋ได้นั้น มีไม่มาก

ไหนว่ามีไม่มาก?

เขาเพิ่งเข้ามาถึงเยี่ยนตู สององครักษ์ที่ตนเองนำมานี้คือยอดฝีมือระดับแข็งแกร่งที่สุด กลับกลายเป็นลูกหนัง ปล่อยให้หนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเองนี่กวาดทิ้งในหมัดเดียว

ฉากที่เขาเห็นเมื่อสักครู่เดียวนี้ ทำเอาก้นบึ้งในส่วนลึกของหัวใจ ถูกประทับรอยหมองคล้ำก้อนใหญ่ไว้

สิ่งที่เขายังไม่รู้คือ ทอดสายตามองไปทั่วจิ่วโจว ผู้แข็งแกร่งระดับหม่าชาวนี้ จริง ๆ ก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่

ก็คือว่ามีแต่ยอดฝีมือตระกูลราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงเท่านั้นที่จะเทียบกับเขาได้

แต่ก็ช่างประจวบเหมาะพอดี เขาเพิ่งเข้ามาถึงเยี่ยนตูได้ไม่นาน ก็มาเจอเข้ากับยอดฝีมือนี้

“คราวนี้ ถึงตาแกแล้ว!”

ริมมุมปากหม่าชาวแสยะยิ้มเสน่ห์ของภูตร้าย ทำหน้ายียวน เดินเข้าหาไป๋จวิ้นเหา

ไป๋จวิ้นเหาให้รู้สึกว่าแข้งขาเข่าอ่อน พาตัวค่อย ๆ ก้าวถอย ก้าวไปพูดไปว่า “แก แกอย่าเข้ามานะ ข้าคือทายาทตระกูลไป๋ในตระกูลเดอะคิง ถ้าแกขืนแตะต้องข้า ตระกูลไป๋ไม่ปล่อยแกแน่”

“แกปัญญาอ่อนหรือเปล่าวะ?”

หม่าชาวพูดอย่างไม่เห็นความรู้สึกบนใบหน้า “ข้าก็รู้ทั้งรู้ว่าแกเป็นคนตระกูลไป๋ ข้าก็ยังจะอัดแก แกคิดดูทีว่า ข้ากลัวตระกูลไป๋ไหม?”

“ก็ในเมื่อไม่กลัว แกยกเอาตระกูลไป๋มาข่มข้า ยังคิดว่าได้หรือ?”

ขณะที่พูด หม่าชาวก็เดินเข้ามาถึงข้างหน้าไป๋จวิ้นเหาแล้ว มือคว้าไปที่คอเสื้อ ออกแรงกระชากเข้ามา

ไป๋จวิ้นเหาดูเหมือนลูกไก่ ถูกหม่าชาวใช้มือข้างเดียวหิ้วขึ้น แล้วโยนลงไปกับพื้น

“เสี่ยวยี มาคิดค่าเสียหาย!”

หม่าชาวใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกไป๋จวิ้นเหาไว้ หันหน้าไปพูดกับฉินยี

ฉินยีจึงได้หันดึงสติออกจากการตกตะลึง รีบพูดไปว่า “พี่ชาว แค่สั่งพวกมันอย่ามาก่อเรื่องในเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เรื่องชดใช้ช่างมันเถอะ”

“เป็นงั้นได้ยังไง?”

หม่าชาวสวนกลับทันที “พวกมันทำร้ายรปภ.ของพวกราไปหลายคน กระทืบหินอ่อนเราแตกไปสองแผ่น กระแทกประตูใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแตกเสียหาย ยังทำให้พนักงานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเราขวัญเป็นผลกระทบกระเทือนรุนแรงต่อจิตใจ พวกนี้ล้วนจะต้องชดใช้ทั้งนั้น”

สีหน้าฉินยีตะลึงงง หม่าชาวเราเล่นแบบกรรโชกกันเลยนี่!

“แกปล่อยข้านะ!”

ไป๋จวิ้นเหาที่ถูกเหยียบนอนอยู่กับพื้น ขบเขี้ยวกัดฟันอย่างแค้นเคือง

ฐานะศักดิ์เขาเป็นถึงทายาทตระกูลเดอะคิง มีหรือจะเคยถูกอัดทำร้าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีใครมาเหยียบให้อยู่ใต้ตีนแบบนี้

“ยังกล้าพูดเหลวไหลอีก?ค่าเสียหายเท่าตัว!”

หม่าชาวพูดเสียงเยือก

“ไอ้บัดซบ ข้าจะไม่ปล่อยแกแน่!”

ไป๋จวิ้นเหาพูดเสียงคำรามด้วยความโกรธ ลองพยายามดิ้นจะให้หลุด แต่ไม่ได้ผล

“ค่าชดใช้จากเท่าตัวเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว!”

หม่าชาวยิ้มหยีตากวน ๆ แล้วพูด ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับคำหยาบช้าของไป๋จวิ้นเหา

“แกกล้า……..”

“ชดใช้เท่าตัวเพิ่มไปอีกเท่าตัวแล้วเพิ่มต่ออีกเท่าตัว!”

คราวนี้ ไป๋จวิ้นเหายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหม่าชาวพูดตัดบท

“แก…….”

“เพิ่มต่ออีกเท่าตัว!”

“ได้กี่เท่าแล้วนี่?”

ทันทีนั้นหม่าชาวหันมองฉินยี ถามไปด้วยสีหน้าเป็นงานเป็นการ

ฉินยีคืนสติยังไม่ทันครบ จากที่โดนไป๋จวิ้นเหาตบเมื่อสักครู่ก่อนนี้ ก็ตอบไปได้อย่างทันที “สิบหกเท่าแล้วคะ!”

“ทำไมน้อยจัง?”

หม่าชาวขมวดคิ้วย่น “ทดปัดเศษแล้ว เอาเป็นว่าคิดที่ยี่สิบเท่าละกัน!”

พนักงานที่ยืนมุงอยู่รอบบริเวณ ถึงตอนนี้ต่างคนตาลุกโต เล่นแบบนี้ก็มีด้วย?

ไป๋จวิ้นเหานึกแจ้งชัดขึ้นมาในทันทีนั้น หม่าชาวก่อนหน้านี้ที่ด่าว่าเขาเป็นลูกล้างผลาญ ยังย้ำว่าเขามีเงินมากแต่ไม่มีที่ใช้

ที่แท้ความหมายมาอยู่ตรงนี้นี่เอง!

เดิมตั้งใจจะหาคำอะไรแรง ๆ มาด่าใส่อีก โดนเข้าแบบนี้เลยไม่กล้าปริปากต่อ

“พี่ชาว ค่าเสียหายคิดออกมาแล้ว ค่าหินอ่อนกับประตูใหญ่ คิดแล้วเป็นเงินห้าแสน”

คุณเลขายังพูดต่อไปว่า “แต่เรื่องค่ารักษาพยาบาลของพวกรปภ. และค่าทำขวัญในกรณีที่ทำให้พนักงานถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงนั้น ยังไม่ได้บวกรวมเข้ามา”

หม่าชาวผงกหัว “ค่ารักษาพยาบาลต่อคนคิดที่หนึ่งล้านก็แล้วกัน รปภ.สิบสองนาย ก็เท่ากับสิบสองล้าน”

“ยังอีก ความกระทบกระเทือนทางจิตใจของพนักงาน ข้าคิดว่าน่าจะอยู่ที่สี่ห้าสิบคนได้ไหม?ก็คงใช้วิธีคำนวณแบบทดปัดเศษ ก็ให้คิดจำนวนที่หนึ่งร้อยคนเต็ม แต่ละคนให้ที่คนละหนึ่งแสน ก็เป็นอีกสิบล้าน”

“เอาเท่านี้รวมตัวเลขทั้งหมดมาดู เป็นเท่าไหร่?”

หม่าชาวถามคุณเลขา

คุณเลขารีบตอบอย่างรวดเร็ว “รวมทั้งสิ้น ยี่สิบสองล้านห้าแสน คะ!”

“งั้นยี่สิบเท่าก็คือ?”

“สี่ร้อยห้าสิบล้าน ค่ะ”

“โอเค ถ้างั้นก็ใช้หลักการคำนวณแบบทดปัดเศษให้เป็นตัวเลขกลม ๆ ถ้วน ๆ หนึ่งพันล้านก็แล้วกัน!”

พอหม่าชาวพูดถึงตัวเลขหนึ่งพันล้าน ไป๋จวิ้นเหาตาลุกโพลง นี่มันขู่กรรโชกกันชัด ๆ!

“ไอ้หนู ได้ยินชัดแล้วนะ หนึ่งพันล้าน ภายในห้านาทีนี้ ถ้าหากหนึ่งพันล้านยังไม่เข้าบัญชีมา นั่นก็จะขึ้นเป็นเท่าทวีต่อไป”

หม่าชาวยืนเหยียบอกไป๋จวิ้นเหาอยู่ ก้มมองแล้วพูด

ไป๋จวิ้นเหาได้ยินที่หม่าชาวพูด ให้รู้สึกมีอะไรหวาน ๆ จ่อมาอยู่ที่คอ พลันกระอักเป็นเลือดสด ๆ ออกมา

เขาถูกแรงกดดันจากความโกรธ

ตั้งแต่เขาเกิดมา ช้อนทองคาบคาปากจนโต เคยแต่เหยียบอกคนอื่น ขู่กรรโขกคนอื่น

แต่มาวันนี้ กลับถูกไอ้หนุ่มไม่รู้ที่มาที่ไปในวัยเดียวกันนี้เหยียบอกอยู่ แถมยังมาขู่ให้ใช้หนี้เขาถึงหนึ่งพันล้าน

เงินพันล้านสำหรับตระกูลไป๋ ไม่จัดว่ามาก แต่กับตัวเขาเอง มันเป็นก้อนมโหฬาร

เงินพันล้าน แทบจะหมดตัวของเขาเอง

ในตระกูลเดอะคิง พี่น้องต่างชิงเอาดีเด่นกัน ไม่มีเงิน อะไรก็ทำไม่ได้

ถ้าเขาจ่ายหมดไปหนึ่งพันล้าน ต่อไปจะไปแข่งเอาอะไรเด่นกับพี่น้องยังไงได้?

“ข้าไม่มีเงิน!”

ไป๋จวิ้นเหาขบเขี้ยวพูดไปอย่างแค้นเคือง