ตอนที่ 2346 ภาคต่อ 3

อัจฉริยะสมองเพชร

แต่เดิม งานวิวาห์ของสองผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ครั้งนี้ตั้งใจจะจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ทั้งคู่วางแผนจะเลี้ยงฉลองแบบเรียบง่ายโดยเชิญแขกเหรื่อแค่มิตรสหายที่สนิทกันเท่านั้น แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป และเพียงไม่ถึงครึ่งวัน ทั้งภูเขาก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน

“บ่วงเกล็ดมังกรทองกับเลือดมังกรทองจำนวน 3 ลิตรจากจอมราชันย์มังกรเมฆแห่งน่านฟ้ามังกรเมฆ!”

“ขนนกจิตวิญญาณอมตะ 3 เส้นกับเลือดนกฟีนิกซ์อมตะสวรรค์สร้างอีก 5 ลิตรจากจอมราชันย์อมตะ, น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด!”

“เขี้ยวเสือ 3 อันกับหางเสืออีก 2 หางจากจอมราชันย์ฟู่เหมิงแห่งน่านฟ้าทองคำแข็งกล้า…”

เทพธิดาหลิงหลงถึงกับจังงังเมื่อเห็นรายการของกำนัลเพื่อแสดงความยินดีที่เหล่าจอมราชันย์ต่างมอบให้

มีข้าวของมากมายที่นักรบนับไม่ถ้วนคงแทบจะยอมตายเพื่อให้ได้มันมา ต่อให้จอมราชันย์ก็คงอดใจไม่ไหว

แต่สำหรับที่นี่ พวกมันเป็นแค่ของขวัญสำหรับเฉลิมฉลองการแต่งงาน!

จอมราชันย์อีก 8 คนต่างทุ่มสุดตัว

“ยาเม็ดต้นกำเนิดจอมราชันย์จำนวน 3 เม็ดและดาบระดับจอมราชันย์ 2 เล่มจากจอมราชันย์พิชิตสวรรค์…”

ยิ่งเทพธิดาหลิงหลงอ่านรายการข้าวของต่อไป ก็ยิ่งรู้สึกว่าจอมราชันย์คนอื่นๆคงบ้าไปแล้ว

แม้จะมีของล้ำค่าอย่างบ่วงเกล็ดมังกรทองและขนนกจิตวิญญาณอมตะ แต่ของกำนัลของปรมาจารย์ขงที่เป็นยาเม็ดจิตวิญญาณจอมราชันย์และดาบระดับจอมราชันย์นั้นถือว่าก้าวไปอีกขั้น มันเป็นทรัพย์สมบัติที่มีแต่จอมราชันย์เท่านั้นจะใช้ประโยชน์ได้!

หากนำมาใช้อย่างเหมาะสม คงบ่มเพาะจอมราชันย์ได้อีกคนเลยทีเดียว

ต่อให้ระดับจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ก็คงจัดเตรียมข้าวของพวกนี้ได้ไม่ง่าย แต่เขาก็มอบให้ทั้งคู่เป็นของกำนัลสำหรับการแต่งงาน

เทพธิดาหลิงหลงอยากจับตัวตาเฒ่าคนนั้นมาเขย่าและกรีดร้องใส่เพื่อดูว่าเขายังสติดีอยู่หรือไม่

“นี่จะต้องเป็นงานแต่งงานที่หรูหราที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสรวงสวรรค์มา พูดได้เลยว่าจอมราชันย์หลินชีตาแหลมจริงๆ คิดดูซิว่าเธอพบอัญมณีเม็ดหนึ่งท่ามกลางมนุษย์ธรรมดาสามัญมากมายในโลกเบื้องล่างนั่น…” เทพธิดาหลิงหลงส่ายหน้าและถอนหายใจ

เธอคือจอมราชันย์คนหนึ่งที่ปรากฏตัวพร้อมๆกับการถือกำเนิดของสรวงสวรรค์ จึงเห็นความเป็นความตายมามาก เหตุผลที่เธอยังเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะไม่มีใครเตะตาเธอเลยสักคน

เทพธิดาหลิงหลงเคยคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ชายคนหนึ่งซึ่งเก่งกาจจนเอาชนะเธอได้จะปรากฏตัวในโลกใบนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าชายผู้ไร้เทียมทานถึง 2 คนจะปรากฏตัวไล่เลี่ยกันภายในระยะเวลาเพียง 50 ปี?

โดยเฉพาะจางเซวียน

ครั้งแรกที่เธอพบเขา เขาเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทั่วไปคนหนึ่ง แต่ผ่านไปเพียง 10 วัน ก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผงาดเหนือกว่าใครๆทั่วทั้งสรวงสวรรค์

เมื่อคิดถึงการต่อสู้ระหว่างเขากับไอ้โหด ก็ทำให้เธอต้องยกมือทาบอกด้วยความโล่งใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนี้ สรวงสวรรค์คงล่มสลาย

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธออดไม่ได้ที่จะนึกอิจฉาจอมราชันย์หลินชี อิจฉาที่อีกฝ่ายมองเห็นศักยภาพของจางเซวียนและสนับสนุนเขามาตลอด ถ้าเธอมีสายตาเฉียบแหลมแบบนั้นบ้าง ป่านนี้ก็คงไม่ต้องเป็นโสดแล้ว

“แต่ก็น่าเห็นใจแม่สาวคนนั้น…”

เมื่อนึกถึงสาวน้อยที่เธอเคยช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้จากคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติ เทพธิดาหลิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเวทนา

ใครที่ตาไม่บอดก็ย่อมดูออกว่าสาวน้อยหลงรักจางเซวียน เธอมอบความรักให้เขาจนหมดหัวใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย

ขนาดผู้ที่ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานอย่างเทพธิดาหลิงหลงก็อดเศร้าไปกับเธอไม่ได้

เห็นสายตาของเทพธิดาหลิงหลง หลัวฉีฉีมองมาและยิ้มให้ “ฉันไม่เป็นไร”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่นัยน์ตาของเธอก็ฉายความขมขื่นและเศร้าสร้อยอย่างไม่มีวันจบสิ้นออกมา

หลัวฉีฉีรู้ดีว่าจางเซวียนไม่เคยมีความรู้สึกฉันชู้สาวกับเธอ แต่ก็ฉุดตัวเองให้ขึ้นจากการจมปลักครั้งนี้ไม่ได้

“ลืมเขาเสียเถอะ ฉันจะช่วยคุณหาชายสักคนที่ดีกว่า ชายที่รักคุณจริงๆ” เทพธิดาหลิงหลงพูด

“ชายสักคนที่ดีกว่า?” หลัวฉีฉีส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เธอเหม่อมองออกไปแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันพบคนที่ดีที่สุดแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครเทียบชั้นกับเขาได้หรอก”

เพราะได้เห็นแล้วว่าจางเซวียนโดดเด่นแค่ไหน ต่อให้คนอื่นจะดีอย่างไร ก็ไม่มีทางเข้าตาเธอ

เมื่อรู้ว่าเปลี่ยนใจหลัวฉีฉีไม่ได้ เทพธิดาหลิงหลงส่ายหน้าและตำหนิ “คุณกำลังเอาชีวิตไปทิ้งไว้กับจางเซวียนนะ!”

สาวน้อยคนนี้ทำท่าราวกับถูกจางเซวียนวางยาพิษ พูดอะไรไปก็ไม่เข้าหูสักนิด

ขณะที่เทพธิดาหลิงหลงกำลังครุ่นคิด มิติที่อยู่ตรงหน้าเธอก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย ชายหนุ่มสองคนก้าวออกมา

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ามีผิวพรรณสะอาดสะอ้านและหน้าตาหมดจด แม้จางเซวียนก็ดูจะด้อยกว่า

ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังดูเด็ดขาดและเย็นชา ใครที่เห็นเขาจะรู้สึกได้อย่างเลือนรางถึงเจตจำนงเพลงดาบอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่

“บรรพบุรุษเก่าแก่ของน่านฟ้าดาบสวรรค์?” เทพธิดาหลิงหลงหรี่ตาด้วยความตกใจ

ในฐานะหนึ่งในเก้าจอมราชันย์ เธอพอรู้เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังความลึกลับของน่านฟ้าดาบสวรรค์อยู่บ้าง จอมราชันย์ดาบสวรรค์ทรงพลังมากก็จริง แต่สิ่งที่น่าสะพรึงกว่าคือท่านอาจารย์ผู้เก่งกาจเกินหยั่งถึงที่คอยสนับสนุนเขา แม้จอมราชันย์หลินชีก็ยังเทียบชั้นไม่ได้

เพียงแต่ท่านอาจารย์คนนี้ของเขาคือผู้ที่ปกปิดตัวเองจากสรวงสวรรค์จนไม่มีใครรู้จัก ในบรรดาจอมราชันย์ก็แทบไม่มีใครได้พบเขาเลย

ทุกคนรู้เพียงว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่อายุราว 20 ต้นๆ

แต่เท่าที่ดูจากเจตจำนงเพลงดาบของชายหนุ่มซึ่งแข็งแกร่งกว่าจอมราชันย์ดาบสวรรค์เสียอีก ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นใคร

สิ่งที่ทำให้เทพธิดาหลิงหลงประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ แม้อีกฝ่ายจะเทียบชั้นได้แม้แต่กับจอมราชันย์หลินชี แต่ก็กลับไปยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่มหน้าตาหมดจดคนนั้น…แล้วชายหนุ่มหน้าตาหมดจดที่เธอเห็นจะเป็นใคร?

ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดไม่ใส่ใจความสงสัยของเทพธิดาหลิงหลง เขาเดินเข้าไปหาหลัวฉีฉีที่ยังคงสับสนและยิ้มให้ “ไม่นึกเลยว่าพลังงานต้นกำเนิดที่ก่อตัวขึ้นระหว่างการสร้างสรวงสวรรค์ของผมจะกลายเป็นของล้ำค่าที่มีชีวิตจิตใจ…”

“การสร้างสรวงสวรรค์? พลังงานต้นกำเนิด?” เทพธิดาหลิงหลงตัวสั่นจนฟันกระทบกันเมื่อข้อสันนิษฐานอันน่าสะพรึงผุดขึ้นในหัวสมองของเธอ

“คุณมีรังสีของปฐพี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมใช้ปิดกั้นมิติของสรวงสวรรค์ในครั้งนั้น และเมื่อ 50 ปีก่อนที่เกิดวิกฤติขึ้น คุณก็ร่วงหล่นลงสู่โลกเบื้องล่างในฐานะผู้เก็บงำมิติ…ช่างน่ายินดีเหลือเกินที่ได้คุณกลับมาอีกครั้ง” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดพูด

เห็นสีหน้ากระวนกระวายของหลัวฉีฉี เขายิ้มน้อยๆก่อนจะสัมผัสร่างของหลัวฉีฉีอย่างแผ่วเบา

ฟิ้ววววว!

ในชั่วพริบตา ระดับวรยุทธของหลัวฉีฉีก็พุ่งพรวด เกิดการเชื่อมโยงอันน่าประหลาดระหว่างตัวเธอกับทั้ง 9 น่านฟ้าของสรวงสวรรค์ ทำให้เธอมีพละกำลังเหนือกว่ากฎเกณฑ์แห่งมิติ

“ฮะ…” หลัวฉีฉีตาโตด้วยความตกใจ

ชายหนุ่มคนนี้สัมผัสเธอเพียงครู่เดียว แต่เธอรู้สึกได้ว่าพละกำลังของเธอเพิ่มสูงขึ้นหลายพันเท่า

ต่อให้เทพธิดาหลิงหลงเล่นงานเธอตอนนี้ เธอก็เอาชนะอีกฝ่ายได้สบาย!

“ฉันเป็น…จอมราชันย์แล้วหรือ?” หลัวฉีฉีพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ

แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จอมราชันย์คนใหม่จะปรากฏตัวในสรวงสวรรค์ เหตุผลเดียวที่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์กับปรมาจารย์จางทำสำเร็จก็เพราะพวกเขาล้วนมีเศษเสี้ยวของสวรรค์อยู่ในตัว อีกอย่าง ทั้งคู่ก็มีสติปัญญาปราดเปรื่องและเป็นคนขยันหมั่นเพียร ความอดทนของพวกเขาจึงส่งผลให้ได้รับพละกำลังเหนือชั้นอย่างที่มีอยู่

แต่สำหรับเธอ เธอไม่ได้ทำอะไรเลย ด้วยการสัมผัสเพียงนิดเดียวจากชายหนุ่มหน้าตาหมดจดคนนั้น เธอก็ได้รับพละกำลังมหาศาลเหมือนกัน…

นี่เธอฝันไปหรือเปล่า*?*

“ผมจะพูดให้ชัดเจนนะ คุณคือผู้ดูแลมิติของสรวงสวรรค์ ถึงคุณจะไม่ใช่จอมราชันย์ แต่ก็แน่ใจได้เลยว่าต่อให้จอมราชันย์ส่วนใหญ่ก็สู้คุณไม่ได้” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดตอบยิ้มๆ

“ถ้าอย่างนั้น…ทำไมถึงไม่มีการทดสอบวรยุทธล่ะ?” หลัวฉีฉียังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

การฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ย่อมนำมาซึ่งความอิจฉาริษยาของสวรรค์ ส่งผลให้การลงทัณฑ์จากสวรรค์ถูกส่งมา ตัวเธอก็น่าจะพบเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน แต่ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย?

ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดหัวเราะหึๆ “ตัวผมน่ะคือสวรรค์ ผมคือผู้ที่อนุญาตให้คุณฝ่าด่านวรยุทธ แล้วทำไมจะต้องมีการทดสอบวรยุทธล่ะ?”

“สวรรค์?” หลัวฉีฉีตาโตด้วยความตกตะลึง

“คุณอยากแต่งงานกับจางเซวียนไหม?” จู่ๆ ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดก็ตั้งคำถาม

“ฉัน…” หลัวฉีฉีตัวแข็งเมื่อได้ยินคำถามนั้น

“อยากแต่งก็บอกว่าอยาก ถ้าไม่อยากก็บอกว่าไม่ มีอะไรให้ต้องลังเล? ไม่จำเป็นต้องอับอายกับความปรารถนาของคุณหรอก” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโบกมือ

“ฉัน…ฉันอยาก!” หลัวฉีฉีตอบ จากนั้นก็เสริมด้วยความมุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิม “ฉันคิดเรื่องนี้ตลอดเวลาแม้ในความฝัน!”

ราวกับได้สารภาพบางสิ่งที่ทับถมจนหนักอึ้งอยู่ในหัวใจของเธอตลอดมา สีหน้าเคร่งเครียดของหลัวฉีฉีดูจะผ่อนคลายเล็กน้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณนี่ช่างเป็นสาวน้อยที่มุ่งมั่นเสียจริง!” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดหัวเราะลั่น “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ให้เขาแต่งงานกับคุณด้วย!”

“ฮะ…” หลัวฉีฉีตาโตอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ช้าก็หน้าเสียอีกครั้งขณะส่ายหัว “แต่…จางเซวียนไม่ได้ชอบฉัน และฉันก็ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปรมาจารย์หลัว ไม่ง่ายเลยนะกว่าพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน…”

เธอเห็นแล้วว่าจางเซวียนต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะได้พบหลัวลั่วชิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่จะได้มาโดยง่าย เธอจึงไม่อาจปล่อยให้ตัวเองเข้าไปทำให้ทั้งคู่ต้องร้าวฉาน

“คุณกังวลเรื่องนั้นหรือ?” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดหัวเราะอีกรอบ เขาชี้นิ้วไปแล้วพูดว่า “เอาเถอะ มองตรงนั้นสิ…”

หลัวฉีฉีเงยหน้า เห็นคู่รักคู่หนึ่งร่อนลงมาจากกลางอากาศ ฝ่ายเจ้าบ่าวสวมเสื้อคลุมสีแดงสดใส ดูหล่อเหลาสง่างามกว่าที่เคย ส่วนเจ้าสาวก็แก้มแดงเรื่อ ดูราวกับสาวน้อยที่กำลังเขินอาย

ในตอนนั้น สายตาของทั้งโลกก็หันมาจับจ้องคู่บ่าวสาว

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียนกับเนี่ยหลินชี!

ขณะที่หลัวฉีฉีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยำเกรงกับความเหมาะสมกันของทั้งคู่ เนี่ยหลินชีก็มองมาที่เธอและร้องเรียก “ฉีฉี มานี่สิ!”

ป๊อก!

ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดดีดนิ้ว แล้วร่างของหลัวฉีฉีก็ลอยละลิ่วไปยังจุดที่จางเซวียนกับเนี่ยหลินชียืนอยู่