บทที่ 1798 หัวหน้าตระกูลรุ่นสาม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ประมุขชิงปล่อยมือจากชีพจรของเขาเงียบๆ

ซือหม่าเวิ่นเทียนและเกาก้วนคอยระแวดระวังรอบข้าง ขณะเดียวกันก็สังเกตปฏิกิริยาของประมุขชิง

“หลายปีก่อนเกิดเหตุไม่คาดคิดบางอย่าง หักอายุขัยธาตุหยางไปบ้างก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล พลังอิทธิฤทธิ์ของร่างกายมาจากฟ้าดิน แล้วก็กลับคืนสู่ฟ้าดินอีก ไม่มีอะไรน่าเสียดาย เพียงแต่รบกวนไปถึงฝ่าบาทแล้ว ถือเป็นความผิดจริงๆ” เซี่ยโห้วท่ากล่าวกลั้วหัวเราะ พลางใช้มือข้างหนึ่งตบหลังมือเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เบาๆ

ประมุขชิงถอนหายใจ “ข้ายังนึกว่าท่านปู่สวรรค์มีโอกาสก้าวเข้าระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จนเป็นอมตะเสียอีก นึกไม่ถึงเลยจริงๆ”

เซี่ยโห้วท่าหัวเราะเบาๆ “ระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์? เกรงว่าก้าวเข้าระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อาจไม่ใช่เรื่องดี แม้ระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอมตะ แต่ความเป็นจริงล่ะ? ท่ามกลางความลี้ลับเหมือนจะมีสิ่งที่ยากจะต้านทานคงอยู่ ผู้ที่วรยุทธ์ถึงระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังไม่เคยได้ยินว่าคนไหนเริ่มต้นเหมาะสมและจบลงด้วยดีสักคน ให้มีจุดจบอย่างนี้ดีกว่า”

คำพูดนี้ทำให้ประมุขชิงจมอยู่ในความคิด

“ฝ่าบาท! คนยังไม่ตาย ข้าน้อยมีเรื่องจะขอร้อง ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะอนุญาตหรือไม่?” เซี่ยโห้วท่าพลันเอ่ยขึ้น

ประมุขชิงพยักหน้า “ตราบใดที่ไม่ผิดกฎสวรรค์ แล้วข้าสามารถทำได้ ท่านปู่สวรรค์ก็บอกมาได้เลย”

เซี่ยโห้วท่าจ้องเขา “ข้าน้อยตัดสินใจยกตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วให้เซี่ยโห้วลิ่งผู้เป็นบุตรชายแล้ว ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะอนุญาตให้เซี่ยโห้วลิ่งรับฐานันดรท่านปู่สวรรค์ด้วยได้หรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยโห้วลิ่งที่อยู่ข้างๆ หัวใจเต้นรัว ตอนนี้ในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ก่อนตายท่านพ่อยังปูทางไว้ให้เขาด้วย!

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เหลือบตาขึ้นมองเซี่ยโห้วลิ่งทั้งน้ำตา ประมุขชิงเอียงหน้ามองเซี่ยโห้วลิ่ง นอกจากเซี่ยโห้วท่าที่จ้องประมุขชิง สายตาของคนที่เหลือก็ไปรวมอยู่บนตัวเซี่ยโห้วลิ่งอยู่แล้ว

สุดท้ายประมุขชิงก็หันกลับมา กล่าวกับเซี่ยโห้วท่าด้วยรอยยิ้มว่า “จะว่าไปเซี่ยโห้วลิ่งก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของเฉิงอวี่ รับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วต่อ รับตำแหน่งท่านปู่สวรรค์ด้วยก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม” นับว่าเป็นไมตรีครั้งสุดท้ายระหว่างขุนนางและราชันก็แล้วกัน

เซี่ยโห้วท่าดันทุรังก้มตัว “ขอบพระทัยฝ่าบาท” หลังจากถูกประมุขชิงและเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ประคองแล้ว เขาก็บอกเว่ยซูอีกว่า “เว่ยซู เรียกรวมคนจากห้องอื่นๆ ไปฟังคำสั่งด้านนอก”

“ขอรับ!” เว่ยซูโค้งตัวรับคำสั่ง จากนั้นก็รีบหันตัวเดินออกไป

ทางด้านนี้ หลังจากประมุขชิงกับเซี่ยโห้วท่าคุยกันอีกไม่กี่ประโยค เว่ยซูก็มารายงานว่า “นายท่าน คนมาครบแล้วขอรับ”

เห็นเพียงรอบกายเซี่ยโห้วท่ากระเพื่อมไปด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ หย่อนเท้าสองข้างลงจากเตียงลุกขึ้นแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะไปประคองเขา แต่เขาผลักมือห้ามไว้ ดันทุรังให้พลังอิทธิฤทธิ์ประคับประคองอยู่อย่างนั้น ประคองร่างกายที่มีเลือดเนื้อเดินไปข้างนอก

เซี่ยโห้วลิ่งรีบก้าวเข้าไปจะประคอง แต่เซี่ยโห้วท่าโบกมือให้หลีกทาง ไม่ให้ใครประคองทั้งนั้น

“ท่านพ่อ!” เซี่ยโห้วลิ่งที่เดินตามอยู่ข้างกายเรียกด้วยเสียงสะอื้น น้ำตาไหลพรากอาบหน้า ขณะมองร่างกายที่ดันทุรังยืนขึ้นของบิดา ในใจก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าแสนสาหัส ในเวลานี้ความรู้สึกที่เขามีต่อท่านพ่อนั้นมาจากใจจริง เขารู้สึกปวดใจแทนท่านพ่อจริงๆ แล้ว

แน่นอน หากเซี่ยโห้วท่ามีการเตรียมการอีกอย่าง ในใจเขาก็ยิ่งจะมีแต่ความแค้นมากกว่า

ตรงตีนบันไดนอกตำหนักนอน มีคนยืนปนกันอยู่เป็นพัน ลูกหลานของเซี่ยโห้วท่ามีแค่ส่วนน้อย นอกนั้นเป็นอนุภรรยาทั้งหมด และในบรรดาอนุภรรยาพวกนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงของเซี่ยโห้วท่า หน้าตาอ่อนเยาว์งดงามดุจเทพธิดา มีบางส่วนที่แก่ชราแล้วเช่นกัน ยามปกติพวกที่แก่ชราแล้วจะไม่ค่อยโผล่หน้าออกมา แต่วันนี้นับว่ามากันครบแล้ว

ส่วนฮูหยินเอก ทั้งชีวิตนี้เซี่ยโห้วท่าไม่เคยแต่งงานอย่างจริงจังมาก่อน ดังนั้นตระกูลเซี่ยโห้วจึงไม่มีการแก่งแย่งเป็นลูกภรรยาเอก ลูกหลานล้วนมีฐานะเหมือนกันหมด

ตอนนี้ทุกคนล้วนได้ยินข่าวแล้ว รู้แล้วว่าอายุขัยของเซี่ยโห้วท่ากำลังจะมาถึง เมื่อเห็นเซี่ยโห้วท่าอาศัยพลังอิทธิฤทธิ์ประคองร่างกายเดินขึ้นมาบนบันได กลุ่มคนก็มีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป มีบางคนสะอึกสะอื่น บางคนร้องไห้อย่างปวดใจ บางคนมีสีหน้าซับซ้อนหลากอารมณ์ บางคนเงียบงันไม่พูดอะไร

ขณะกวาดมองกลุ่มคนที่อยู่เบื้องล่าง เซี่ยโห้วท่าไม่ได้บ่นมาก ตอนนี้ไม่มีแรงจะบ่นมากเช่นกัน ร่ายอิทธิฤทธิ์กล่าวเสียงต่ำว่า “ตาแก่ผู้นี้ใกล้สิ้นอายุขัยแล้ว วันนี้มีฝ่าบาท เหนียงเหนียงเป็นพยาน แต่งตั้งเซี่ยโห้วลิ่งบุตรชายคนรองเป็นหัวหน้าตระกูลรุ่นสามของตระกูลเซี่ยโห้ว ตั้งแต่บัดนี้ไป ทุกคนในครอบครัวยกให้เซี่ยโห้วลิ่งเป็นใหญ่ คนที่ไม่เคารพถือว่าทำผิดกฎครอบครัว!”

“ท่านพ่อ!”

“ท่านปู่!”

ด้านล่างมีเสียงร้องไห้ดังเป็นแถบ ลูกหลานทยอยกันคุกเข่าลง ส่วนบรรดาอนุภรรยาของเซี่ยโห้วท่าส่วนใหญ่ยืนปาดน้ำตา ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำอย่างไรดี

“เซี่ยโห้วลิ่ง!” เซี่ยโห้วท่าตะโกนเสียงต่ำ ในมือชูกระบี่วิเศษลักษณะโบราณเรียบง่ายสีดำขลับทั้งด้ามทั้งปลอก เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนหัวหน้าตระกูลผู้กุมอำนาจตระกูลเซี่ยโห้ว

เซี่ยโห้วลิ่งรีบเดินออกมา เดินมาคุกเข่าบนบันไดขึ้นที่หนึ่ง ใช้สองมือรองรับไว้ แล้วเซี่ยโห้วท่าที่กำลังมองลงมาก็วางกระบี่วิเศษในมือเขา

เซี่ยโห้วลิ่งถือกระบี่วิเศษพร้อมเอาศีรษะโขกพื้นสามที จากนั้นลุกขึ้นยืน ใช้สองมือตั้งกระบี่ตรงหน้าอก เผชิญหน้ากับทุกคนของตระกูลเซี่ยโห้ว

ครั้งนี้คนที่คุกเข่ายืนขึ้นอีกครั้ง คนของตระกูลเซี่ยโห้วที่ยืนอยู่ข้างล่าง แม้แต่เว่ยซูเองก็รีบเดินลงบันไดมา โค้งตัวคำนับและกล่าวพร้อมกัน “คารวะหัวหน้าตระกูล!”

ตอนนี้เซี่ยโห้วลิ่งรู้สึกตื่นเต้นในใจ ในบรรดาคนพวกนี้ มารดาของเซี่ยโห้วลิ่งก็ตื่นเต้นที่สุดเช่นกัน

ตรงริมหน้าต่างในห้อง ประมุขชิงเอามือไขว้หลังมองฉากนี้ด้วยความสนใจ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูเอาสนุก จะไม่ให้ดูเอาสนุกก็คงยาก มีหรือที่เขาจะไม่รู้ ว่าคนส่วนใหญ่ที่คำนับอยู่ตรงนี้คือลูกหลานตระกูลเซี่ยโห้วที่ไม่มีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือ ลูกหลานตระกูลเซี่ยโห้วที่กุมอำนาจมหาศาลเอาไว้ไม่มีใครโผล่หน้าออกมาเจอแสงได้สักคน ไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคน เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า สิ่งของตัวแทนหัวหน้าตระกูลด้ามนั้นในมือเซี่ยโห้วลิ่งจะออกคำสั่งกับคนพวกนั้นได้หรือเปล่า?

เขายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกสนุก รู้สึกว่าไม่เสียแรงที่มารอบนี้

หลังจากมีเสียงคำนับดังขึ้นแล้ว แต่ละห้องของตระกูลเซี่ยโห้วก็พากันแยกย้าย ประมุขชิงกล่าวปลอบใจแล้วเอ่ยขอตัวลาเช่นกัน และอนุญาติให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อยู่แสดงความกตัญญูที่นี่เป็นกรณีพิเศษ

ทหารตำหนักสวรรค์ถอนกำลังพลออกจากจวนท่านปู่สวรรค์ เหลือไว้คอยฟังคำสั่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น

หลังจากมองคล้อยหลังประมุขชิงจากไป เซี่ยโห้วลิ่งก็กล่าวเสียงต่ำว่า “ทุกคนในจวนปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่านตามเดิม!”

“ขอรับ!”

“ขอรับ!”

ข้างหลังกลับมีเสียงเอ่ยรับคำสั่งสองเสียงดังมาจากข้างหลัง พอเซี่ยโห้วลิ่งหันกลับไปมอง ก็อดไม่ได้ที่จะงง เว่ยซูกับอีกคนหนึ่งมองหน้ากันเลิกลั่ก

อีกคนหนึ่งชื่อว่าฟู่ถง เป็นพ่อบ้านที่มักจะฟังคำสั่งอยู่ข้างกายเซี่ยโห้วลิ่งเช่นกัน เป็นฟู่ถงคนนี้

เซี่ยโห้วลิ่งออกคำสั่ง ฟู่ถงก็เอ่ยรับคำสั่งด้วยความเคยชิน และในสายตาเว่ยซู ตอนนี้เซี่ยโห้วลิ่งออกคำสั่งในนามหัวหน้าตระกูล เขาก็ย่อมต้องเอ่ยรับคำสั่ง เพียงแต่พอเป็นแบบนี้ คำสั่งแรกที่เซี่ยโห้วลิ่งถ่ายทอดลงไปหลังจากได้รับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลก็สร้างความขัดแย้งแล้ว

เมื่อถูกเว่ยซูชำเลืองมอง ฟู่ถงก็ตกใจจนขนลุก พ่อบ้านอย่างเขากับพ่อบ้านอย่างเว่ยซูมีฐานะแตกต่างกันเกินไป ถ้ามองจากบางมุม นอกจากเซี่ยโห้วท่าแล้ว ตัวละครอย่างเว่ยซูก็เรียกได้ว่ามีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งของตระกูลเซี่ยโห้ว เพราะในมือเชื่อมโยงกำลังพลลับสายต่างๆ ที่คนนอกไม่รู้เอาไว้มากมาย แม้แต่เซี่ยโห้วลิ่งเองก็ยังหวาดกลัวสามส่วน ไม่กล้าล่วงเกิน เขาไม่รู้ว่าคำสั่งที่ตัวเองเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้จะทำให้เว่ยซูคิดอย่างไร

ฟู่ถงรู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าแม้ในตอนนี้เซี่ยโห้วลิ่งจะเป็นหัวหน้าหัวหน้าตระกูลแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ยืนอย่างมั่นคง ถ้าเว่ยซูต้องการจะเล่นงานฟู่ถงให้ถึงตาย เกรงว่าแม้แต่เซี่ยโห้วลิ่งก็ยังปกป้องเขาไม่ได้

“พ่อบ้านเว่ย ตั้งแต่นี้ไป ฟู่ถงจะฟังคำสั่งของท่าน” ไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่จริงจ เซี่ยโห้วลิ่งก็ประกาศฐานะของทั้งสองให้ชัดเจนไปเสียเลย

“ขอรับ!” ครั้งนี้ทั้งสองเอ่ยรับพร้อมกัน

วังสวรรค์ พอประมุขชิงกลับมาถึง พวกซ่างกวนชิงที่รออยู่นอกประตูตำหนักดาราจักรก็หันตัวเดินตามเข้าไปทันที

“นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?” อู๋ฉวี่ถามซือหม่าเวิ่นเทียนและเกาก้วน

ซือหม่าเวิ่นเทียนเล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ โพ่จวินได้ยินแล้วขมวดคิ้วถาม “ถ้าพูดแบบนี้ เซี่ยโห้วท่าก็ใกล้สิ้นอายุขัยแล้วจริงๆ?”

“ข้าตรวจสอบด้วยมือตัวเอง เป็นอย่างนี้จริงๆ ไม่ใช่การปลอมแปลง ต่อให้ปลอมแปลงแต่ก็ยากที่จะปลอมแปลงกิริยาท่าทางของเซี่ยโห้วท่าได้สมจริงขนาดนี้” ประมุขชิงที่เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาแสยะยิ้ม ดูตื่นเต้นมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ “เซี่ยโห้วท่าใช้ความคิดวางแผนมาทั้งชีวิต แต่ช่วยไม่ได้ที่หลีกหนีชะตาไม่พ้น! ตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้คุมหางเสือเรือแล้ว หึหึ…”

“ในเมื่อเซี่ยโห้วท่าสามารถให้เซี่ยโห้วลิ่งคุมตระกูลเซี่ยโห้วต่อได้ คาดว่าคงจะเตรียมการไว้เหมาะสมแล้ว” เกาก้วนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยๆ

“เซี่ยโห้วลิ่ง?” ประมุขชิงหัวเราะเย้ยสามที “ปณิธานอันยิ่งใหญ่อาจมีอยู่บ้าง แต่กลับเป็นพวกหัวสูงฝีมือต่ำ ไม่พอให้ข้ากังวล!”

โพ่จวินกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาทยังต้องระวังไว้ ประมาทไม่ได้ ไม่แน่ว่าจิ้งจอกเฒ่านั่นอาจจะวางกับดักรอให้คนกระโดดลงไป”

อู๋ฉวี่ก็พยักหน้าเตือนเช่นกัน “แม้เซี่ยโห้วท่าจะไม่อาจใคร่ครวญวางแผนเรื่องในภายหลังได้หมด แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้ ว่าหลังจากตัวเองตายแล้วตระกูลเซี่ยโห้วอาจจะเผชิญวิกฤติ มีความเป็นไปได้สูงว่าเตรียมสะสมกำลังเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อสร้างบารมีแล้ว เกรงว่าใครพรวดพราดเข้าไปชนก็ต้องหัวร้างข้างแตกแน่!”

ประมุขชิงพยักหน้าเบาๆ หลังจากเงียบไปพักหนึ่งก็ถอนหายใจอีก “ทั้งชีวิตนี้ของเซี่ยโห้วท่า…” พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็ส่ายหน้าทอดถอนใจ

ในจวนอ๋องสวรรค์โค่ว ในตำหนักใหญ่ของสวนด้านใน โค่วหลิงซวีเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาไม่หยุด หัวคิ้วขมวดมุ่น

ทางนี้ย่อมรู้ถึงความผิดปกติของตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว แต่คิดจนหัวแทบแตกแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก

นอกตำหนัก โค่วเจิงเร่งฝีเท้าเดินตามหลังถังเฮ่อเหนียน ทั้งจากทั้งสองทำความเคารพแล้ว ยังไม่ทันพูดอะไร โค่วหลิงซวีก็ถามเสียงต่ำแล้วว่า “สืบได้ข่าวอะไร?”

ถังเฮ่อเหนียนส่ายหน้า “ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน แต่ในวังก็ส่งข่าวมาแล้วขอรับ มีคนเห็นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ร้องไห้ไปหาประมุขชิงที่ตำหนักดาราจักร จากนั้นประมุขชิงกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ไปที่จวนตระกูลเซี่ยโห้วด้วยกัน ตอนนี้ประมุขชิงกลับมาแล้ว แต่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยังอยู่ที่ตระกูลเซี่ยโห้ว”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” โค่วหลิงซวีใจเย็นไม่ไหวแล้ว เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะสืบไม่เจอข่าวอะไรสักนิด เป็นฝ่ายถูกกระทำมากเกินไปแล้วจริงๆ

ในขณะนี้เอง มีระฆังดาราส่งข่าวมาแล้ว หลังจากโค่วหลิงซวีหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อ ก็ตกตาตึงตาค้างยืนเหม่ออยู่ที่เดิม พูดไม่ออกนานมาก

ถังเฮ่อเหนียนเดาออกโดยสัญชาติญานว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้ว จึงถามว่า “นายท่าน เกิดเรื่องอะไรขอรับ?”

โค่วหลิงซวีเก็บระฆังดาราเงียบๆ “อิ๋งจิ่วกวงส่งข่าวมา เซี่ยโห้วท่าใกล้สิ้นอายุขัย ภายใต้ประจักษ์พยานของประมุขชิง เขาส่งต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วให้เซี่ยโห้วลิ่งแล้ว ประมุขชิงให้สัญญาแล้วว่าจะให้เซี่ยโห้วลิ่งรับตำแหน่งท่านปู่สวรรค์ต่อ!”

“หา!” ถังเฮ่อเหนียนกับโค่วเจิงอุทานพร้อมกัน ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์อย่างนี้ นั่นคือเซี่ยโห้วท่าเชียวนะ! จะตายแล้วเหรอ?

ถังเฮ่อเหนียนดึงสติกลับมา รีบถามว่า “นายท่าน ข่าวน่าเชื่อถือหรือไม่ขอรับ? ตระกูลเซี่ยโห้วปิดข่าวสนิทมาก อิ๋งจิ่วกวงรู้ข่าวนี้ได้ยังไง?”

โค่วหลิงซวีหลับตา “ข้าก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน ครั้งนี้อิ๋งจิ่วกวงกดดันให้สนมสวรรค์จ้านหรูอี้สืบข่าวจากประมุขชิง นี่คือสิ่งที่ประมุขชิงบอกกับจ้านหรูอี้เอง…อิ๋งจิ่วกวงส่งหลานนอกคนนี้เข้าวังนับว่าคุ้มค่า! นางถูกปากประมุขชิง เฒ่าถัง เรื่องนี้เจ้าต้องตรวจสอบวิเคราะห์ให้ดีสักหน่อย พวกเราส่งสาวงามเข้าวังไปมากขนาดนั้น เหตุใดยังไม่มีใครถูกปากประมุขชิงเท่าจ้านหรูอี้สักคน เกรงว่าคงไม่ใช่เหตุผลเรื่องฐานะตำแหน่งอย่างเดียวแล้ว?”

……………