ตอนที่ 2367

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,367 : เซียนอมตะเสเพลของ 3 ลัทธิ!

 

“เค่อเอ๋อ…เจ้าเห็นแบบนี้แล้วไม่รู้สึกโกรธหรือหึงบ้างหรือไร?”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกอดกับเฟิ่งเทียนหวู่อย่างอบอุ่น ก่านหรูเยี่ยนกลับรู้สึกอึดอัดในใจแปลกๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามน้องสาวฝาแฝดด้านข้าง

 

เพราะนางพบว่าแต่ต้นจนจบน้องสาวของนางเพียงยิ้มหน้าระรื่น เมื่อเห็นสองคนไกลตาที่ได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้งกำลังกอดกันแนบแน่น

 

แต่ทั้งๆที่กอดกันแนบแน่นมองกันด้วยสายตาลึกซึ้งแบบนั้น ไฉนในฐานะภรรยาถึงไม่หึงไม่หวงหรือไม่พอใจอะไรเลยเล่า?

 

“ไฉนต้องโกรธ ไฉนต้องหึงด้วยเล่า?”

 

เค่อเอ๋อส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “พี่หญิง…สำหรับตัวข้าแล้ว ในชีวิตนี้การได้อยู่กับพี่เทียนนับเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า”

 

“ไม่ว่าข้างกายพี่เทียนจะมีสตรีกี่คน…ข้าไม่สน ตราบใดที่ในใจของพี่เทียนยังมีที่สำหรับข้าอยู่ แม้จะเล็กน้อยเพียงใด ข้าก็พอใจแล้ว…”

 

หลังกล่าวจบแววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนของเค่อเอ๋อก็ทอประกายอ่อนโยนลงอย่างมาก ยังอ่อนลงปานจะละลายกลายเป็นน้ำ!

 

ก่านหรูเยี่ยนถึงกับอึ้ง ยังรู้สึกใบ้รับประทานไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเค่อเอ๋อ

 

‘เค่อเอ๋อหลงรักมัน…ถึงขั้นนี้เลยหรือ’

 

ตอนนี้ก่านหรูเยี่ยนอดตกใจกับรักที่เค่อเอ๋อมีให้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้จริงๆ! ถึงแม้นางเองก็รู้ว่าต้วนหลิงเทียนก็รักชอบน้องสาวฝาแฝดของนางอย่างมาก แต่เทียบกับรักที่เค่อเอ๋อมีให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว คล้ายความรู้สึกของต้วนหลิงเทียนกลายเป็นเล็กน้อยลงทันที

 

……

 

ในช่วงเวลาที่ต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่ได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่พรากจากกันหลายปี ด้านภาคกลางของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนตอนนี้ เรียกว่าหาความสงบไม่เจอเลยจริงๆ

 

แต่เดิมนั้นข่าวเด่นประเด็นร้อนที่สร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ก็คือเรื่องผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ต้วนหลิงเทียนกับการลงมือฆ่าจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างถังซวน

 

หากทว่าเพียงชั่วพริบตา กลับมีอีกข่าวที่ช่วงชิงความสนใจของผู้คนไปหมดสิ้น!

 

“ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของพวกเรา…ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดมิใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ?”

 

“เหนือกว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะ ยังมีตัวตนที่เรียกว่าเซียนอมตะเสเพลดำรงอยู่อีกงั้นหรือ!?”

 

“เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนหากชักนำหายนะสู่สวรรค์มาแต่มิอาจข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ไม่จำเป็นต้องตายเพราะสามารถใช้ถอดจิตลี้ร่างเพื่อรักษาชีวิตไว้…และร่างวิญญาณที่สามารถดำรงอยู่ท่ามกลางฟ้าดินโดยไร้ข้อจำกัดเรียกว่าเซียนอมตะเสเพล?”

 

“เซียนอมตะเสเพล ยังแบ่งออกเป็นระดับขั้นต่างๆได้อีก 9 ขั้น…และขั้นที่ 2 ก็เป็นอะไรที่มีพลังทัดเทียมกับครึ่งก้าวเซียนอมตะ?!”

 

“ที่สำคัญเหนือกว่านั้นยังมีเซียนอมตะเสเพล 3ทัณฑ์ 4 ทัณฑ์ 5 ทัณฑ์…แม้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!!”

 

“กบก้นบ่อ! ตอนนี้ข้ารู้สึกเสมือนตัวเองเป็นเพียงกบน้อยที่แหงนมองฟ้าจากก้นบ่อเท่านั้น!!”

 

“เมื่อมีเซียนอมตะเสเพลดำรงอยู่เช่นนี้…รายนามยอดเซียนกลับกลายเป็นเรื่องตลกโดยแท้!”

 

……

 

ข่าวที่น่าทึ่งนี้ถูกแพร่ออกมาจากผู้ใดไม่ทราบ หากแต่พริบตาก็แพร่สะพัดไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน กวาดผ่านทุกพื้นที่ดั่งมหาพายุ นำพาความตื่นตระหนกไปสู่ทุกทั่วหัวระแหง

 

ประตู่สู่โลกใหม่เสมือนเปิดอ้าออก…

 

แน่นอนว่านี่เป็นข่าวที่ต้วนหลิงเทียนส่งเฉินอี้หรู เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ไปแพร่กระจายอย่างลับๆ โดยเริ่มต้นที่ภาคกลาง

 

และเป็นธรรมดาว่าในขณะที่เฉินอี้หรูแพร่ข่าวนี้ออกไป มันก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนให้ใครรู้

 

หาไม่แล้วในเวลาไม่นานเผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้าได้ส่งคนมาฆ่าเฉินอี้หรูแน่!

 

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นับว่าคำสั่งของต้วนหลิงเทียนที่ให้เฉินอี้หรูไปแพร่ข่าว ก็ทำให้ภูมิภาคเบื้องบนเสมือนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่!

 

ยังทำให้ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน!

 

ยุคสมัยใหม่มาถึงแล้ว!

 

……

 

เผ่ามังกรนั้น เป็น 1 ใน 2 เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังสูงสุดในแดนดินทัดเทียมกับเผ่าหงส์ฟ้า

 

สถานที่ๆทั้ง 2 เผ่าตั้งอยู่ ก็เป็นดั่งขั้วตรงข้ามกัน หนึ่งตะวันออกส่วนอีกหนึ่งอยู่ทางตะวันตก

 

เผ่าหงส์ฟ้านั้นตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ภาคตะวันตกของภูมิภาคเบื้องบน ส่วนเผ่ามังกรนั้นตั้งรกรากอยู่ที่ภาคตะวันออก

 

ในภาคตะวันออก ณ สถานที่แห่งหนึ่งอันมีภูมิประเทศสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยแนวเทือกเขาแห้งแล้งอันกว้างใหญ่สุดไพศาล ทัศนวิสัยต่ำด้วยมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี

 

และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นดั่ง ‘สถานที่ต้องห้าม’ ของภูมิภาคเบื้องบนอีกด้วย

 

เพราะในอดีตเคยมียอดฝีมือมากมายที่คิดเข้าไปค้นหาความลับและแสวงโชคในแนวเทือกเขาอันแห้งแล้งแห่งนี้ หากทว่าผู้ที่ล่วงล้ำเข้าไปกลับมิเคยได้ออกมาอีกเลย! ผ่านไปนานเข้าสถานที่นี้ก็ได้กลายสถานที่ต้องสาปดั่งมี ‘อาถรรพ์’ สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนที่รักการผจญภัยทุกคน

 

แต่แน่นอนว่าสำหรับผู้ฝึกตนที่มีพลังและอำนาจสูงระดับแนวหน้าย่อมรู้กันดีว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานที่อะไร…

 

มันคือสถานที่ตั้งของเผ่าพันธุ์มังกร!

 

มหาภูผาสิบหมื่น!

 

มหาภูผาสิบหมื่นนั้น ก็คือแนวเทือกเขาอันแห้งแล้งทั้งสลับซับซ้อนที่ตลบไปด้วยหมอกหนาลงจัดของภาคตะวันออก

 

ด้วยเพราะแนวเทือกเขาแห้งแล้งแห้งนี้ กลับมีขุนเขายิบย่อยนับไม่ถ้วนเรียงรายจนก่อให้เกิดเป็นภูมิประเทศสลับซับซ้อน เช่นนั้นผ่านไปนานเข้าผู้คนจึงเรียกมันว่ามหาภูผาสิบหมื่น

 

และที่อยู่อาศัยของเผ่าพันธุ์มังกรแห่งนี้ ก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก

 

ส่วนหนึ่งคือพื้นที่สำหรับมังกรทั่วไปพักอาศัย เช่นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์มังกร รวมถึงสมาชิกเผ่าพันธุ์มังกรทั่วไป…

 

ส่วนอีกพื้นที่หนึ่งเป็นสถานที่อยู่ของเหล่าเซียนอมตะเสเพลของเผ่าพันธุ์มังกร!

 

พื้นที่ส่วนสุดท้ายนั้นเป็นสถานที่อยู่อาศัยของเซียนอมตะเสเพลที่เผ่าพันธุ์มังกรไปจับตัวมาและบีบคั้นให้สาบานเป็นข้ารับใช้!

 

ยังไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้น ยังมีสัตว์เซียนมากมาย

 

แน่นอนว่ามีสิ่งหนึ่งที่พวกมันมีเหมือนกัน

 

พวกที่ถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเซียนอมตะเสเพลจาก 3 ลัทธิใหญ่ทั้งสิ้น! เป็นตัวตนที่ไม่ต่างอะไรจากบรรพบุรุษเฒ่าทั้งหลายของ 3ลัทธิ!

 

“หลี่ปิง ไม่ใช่ว่าตอนนั้นเจ้าหัวเราะเยาะลัทธิอารามทมิฬของข้าหรือไร? ยังเอาเรื่องที่จ้าวลัทธิอารามทมิฬของข้าถูกเด็กสาวตัวน้อยเข่นฆ่ามาแขวะข้าไม่เลิก…ตอนนี้อย่างไรเล่า? จ้าวลัทธิบูชาไฟรุ่นนี้ของเจ้ามิใช่ว่ามันแน่นักหรือไง ไฉนไปถูกเด็กน้อยขนอุยฆ่าเอาได้เล่า?”

 

ชายชราคนหนึ่งกำลังมองไปยังชายวัยกลางคนที่นั่งสมาธิอยู่ในเขตของเผ่ามังกรด้วยท่าทางสนุกสนาน ในวาจาไม่ขาดการล้อเลียนแม้แต่น้อย

 

และเมื่อชายชราเห็นว่าสีหน้าชายวัยกลางคนที่นั่งสมาธิอยู่กลายเป็นเขียวปั๊ด มันก็ยิ้มกริ่มจนตาแทบปิด เร่งกล่าวสืบต่อว่า “ฮัยยา จ้าวลัทธิอารามทมิฬรุ่นนี้ของข้าอย่างไรก็แค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น จะถูกผู้อื่นเข่นฆ่าเอาก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่น่าเสียดายยิ่ง…ข้าได้ข่าวมาว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟของเจ้ารุ่นนี้เป็นถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนมิใช่หรือไร? แถมเห็นว่ามันมีโชควาสนาสูงล้ำถึงขั้นได้รับเวทย์พลังท่าร่างของระนาบเทวโลกมาครอง จนใต้หล้ากล่าวกันว่าในระดับพลังฝึกปรือไล่เลี่ยกัน หากตัวมันบอกว่าว่องไวเป็นที่สอง ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าเป็นที่หนึ่ง!”

 

“แต่เสมือนฟ้าแกล้งเลยเจ้าว่าหรือไม่? จ้าวลัทธิมากพรสวรรค์อนาคตไกลซ้ำยังมีเวทย์พลังท่าร่างอันไร้เทียมทาน กลับถูกเด็กน้อยขนอุยผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้คนใหม่ฆ่าทิ้งเสียอย่างนั้น!”

 

หลังกล่าวจบชายชราก็ชักสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องราวกับภาคภูมิใจถึงที่สุดที่ได้เกทับถล่มอีกฝ่ายด้วยน้ำลาย

 

ชายชราคนนี้ที่กล่าวแขวะชายวัยกลางคนจนน้ำไหลไฟดับ อดีตของมันเป็นถึงจ้าวลัทธิอารามทมิฬ!หากแต่หลังจากล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ มันก็ถูกเซียนอมตะเสเพลของเผ่ามังกรที่ซ่อนตัวรอคอยจับตัวกลับมายังเผ่ามังกร สุดท้ายก็ถูกบีบคั้นให้สาบานเป็นข้ารับใช้ กระทั่งถูกจำกัดอิสระภาพ…

 

ปกติแล้ว นอกเสียจากเซียนอมตะเสเพลของเผ่ามังกรมีธุระที่จะให้พวกมันออกไปจัดการ…

 

หาไม่แล้วเซียนอมตะเสเพลจาก 3 ลัทธิเช่นมัน ไม่อาจก้าวออกจากพื้นที่ส่วนนี้ได้แม้แต่ก้าวเดียว!

 

แน่นอนว่ายังมีคนที่พยายามหลบหนี อนิจจาไร้ซึ่งข้อยกเว้นอันใดทั้งหมดถูกยอดฝีมือเซียนอมตะเสเพลของเผ่ามังกรฆ่าทิ้ง!

 

“หึ!”

 

ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกหาว่า หลี่ปิง ในที่สุดก็ตบะแตก มันลืมตาขึ้นมาแค่นเสียงสบถเยียบเย็น สองตายังฉายประกายเยียบเย็นดุร้ายเป็นที่สุด หากแต่มันก็ไม่มีคำพูดอะไรจะโต้ตอบชายชรา

 

หลี่ปิงผู้นี้คือเซียนอมตะเสเพลของลัทธิบูชาไฟ

 

ไม่กี่ปีที่แล้วตอนมีข่าวจ้าวลัทธิอารามทมิฬถูกคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้สังหาร มันก็เอาเรื่องนี้มาล้อเลียนชายชรา

 

อนิจจามันไม่คิดไม่ฝันเลยว่ากรรมจะตามสนองรวดเร็วถึงเพียงนี้…

 

หลังผ่านไปไม่กี่ปี จ้าวลัทธิบูชาไฟรุ่นนี้ของมันกลับถูก 7 ทวาราเที่ยงแท้ฆ่าตายเช่นกัน!

 

“ฮ่าๆๆๆ!!!”

 

ทันใดนั้นเองปรากฏเสียงหัวเราะหนึ่งลั่นดังขึ้น ชายวัยกลางคนร่างสูงแลดูกำยำแข็งแกร่งประหนึ่งหอคอยเหล็กค่อยๆเดินเข้ามา

 

หลังจากกหยุดหัวเราะ มันก็มองไปยังหลี่ปิงด้วยสายตาล้อเลียน

 

“หลี่ปิง ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่จ้าวลัทธิบูชาไฟ ‘ถังซวน’ คนเก่งของเจ้าถูกผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ฆ่าตาย ลัทธิเจ้าถึงกับต้องยกยาโถวน้อยขนอุยนามก่านหรูเยี่ยนขึ้นมานั่งเก้าอี้ประมุขเชียวหรือ? กระทั่งยังหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อถึงขั้นออกคำสั่งห้ามมิให้เป็นศัตรูกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้!”

 

“เฮ้อ ข้าล่ะมิคิดเลยว่าในบรรดาพวกเรา 3 ลัทธิ ที่แท้ลัทธิบูชาไฟกลับกลายเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้มากที่สุด!”

 

“เจ้าจำได้หรือไม่ 3 ลัทธิพวกเราเคยร่วมมือกันต่อต้าน 7 ทวาราเที่ยงแท้อย่างไร? แต่ไฉนตอนนี้ลัทธิบูชาไฟของเจ้าช่างทำตัวได้น่าผิดหวังนักเล่า?!”

 

ขณะกล่าวคำใบหน้าของชายวัยกลางคนร่างใหญ่ก็เผยท่าทางล้อเลียนเย้ยเยาะไม่ขาด

 

และชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ประหนึ่งหอคอยเหล็กผู้นี้ ก็เป็นอดีตยอดฝีมือของลัทธิชะตาฟ้า!

 

หลายปีก่อนตอนที่ผู้นำของลัทธิชะตาฟ้าถูกฆ่าตาย มันที่ได้รับทราบข่าวก็โมโหเป็นฟืนไฟ อนิจจาแต่มันไม่อาจทำอะไรได้เลย

 

นั่นเพราะมันไม่อาจออกจากเผ่ามังกรได้!

 

“หลี่ปิง…ในบรรดา 3 ลัทธิของพวกเรา คราวนี้นับว่าลัทธิบูชาไฟของเจ้างามหน้าที่สุด! เพียงโดนผู้นำ 7ทวาราเที่ยงแท้เล่นงานเข้าหน่อย พวกเจ้าก็ทำตัวเยี่ยงสุนัขหางจุกตูด ได้แต่ยอมจำนนและสยบให้อีกฝ่ายแต่โดยดี!!”

 

“ฮ่าๆๆๆ! กระทั่งสาเหตุที่ตอนนี้ลัทธิบูชาไฟของเจ้ายังรอดตัวมาได้ เห็นว่าเพราะพวกเจ้าถึงกับยกเอาสาวน้อยนางนั้นขึ้นมานั่งแท่น ทำให้ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ต้องเห็นแก่หน้าภรรยา! เพราะสุดท้ายจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่ของเจ้าก็เป็นพี่สาวฝาแฝดของภรรยาผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้!!”

 

“จริงด้วย! ภรรยาของมันเห็นว่ายังเป็นธิดาเทพของพวกเจ้าด้วยนี่นา? ฮัยยา…ธิดาเทพเป็นดั่งสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าไม่ใช่รึไร? แถมมิใช่พวกเจ้าทุกรุ่นคอยประคบประหงมพวกนางดั่งหยกบริสุทธิ์ยุงมิให้ไต่ไรมิให้ตอมหรือไร? ไฉนสุดท้ายกลับไปเป็นเมียผู้อื่นเขาได้เล่า?”

 

“เฮ่อ…ดูท่าลัทธิบูชาไฟยามนี้ไม่พ้นต้องกลายเป็นสวนหลังบ้านของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ไปแล้ว”

 

……

 

หลังจากนั้นไม่นานนักเหล่าเซียนอมตะเสเพลของลัทธิอารามทมิฬกับลัทธิชะตาฟ้าก็แวะเวียนมายังที่พักของหลี่ปิง ก่อนที่จะเริ่มล้อหลี่ปิงกันอย่างสนุกสนาน

 

“พวกตัวบัดซบทั้งหลาย พอได้ทีพวกเจ้าก็ขี่แพะไล่เชียว!”

 

เสียงอันเกรี้ยวกราดหนึ่งพลันดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างดั่งเงาเลือนวูบมาปรากฏข้างๆหลี่ปิง! สีหน้าของมันช่างดุร้ายเอาเรื่องนัก!!

 

“เหตุผลบัดซบอะไรของพวกเจ้าที่ยกมากล่าวว่าผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ไม่ทำลายลัทธิบูชาไฟข้า? เห็นแก่หน้าสตรี?”

 

“เลอะเลือนนัก! พวกเจ้าก็มิใช่ว่าเป็นคนของลัทธิอารามทมิฬกับลัทธิชะตาฟ้าหรือไร…หรือยังไม่รู้ ว่าหาก 7 ทวาราเที่ยงแท้คิดทำลาย 3 ลัทธิของพวกเรา เผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้าก็ไม่คิดนั่งอยู่เฉยๆ?”

 

“จากตรรกะอุบาทว์ที่พวกเจ้าพ่นออกมาดั่งผายลมนั่น…ถ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นมันเห็นแก่หน้าสตรีเลยไม่ทำลายลัทธิบูชาไฟของข้าจริง! เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่ามันสามารถบุกไปทำลายลัทธิอารามทมิฬกับลัทธิชะตาฟ้าของพวกเจ้าได้ตามอำเภอใจรึไง?”

 

ผู้ที่มาปรากฏตัวข้างหลี่ปิงและกล่าววาจาดุร้ายสาดไปรอบๆคนนี้ ก็คือเซียนอมตะเสเพลของลัทธิบูชาไฟเช่นกัน

 

และเพียงมันกล่าวสวนไปไม่กี่คำ บรรดาเซียนอมตะเสเพลจากลัทธิอารามทมิฬกับลัทธิชะตาฟ้าก็พากันเงียบ พูดอะไรไม่ออก

 

“หลี่ปิง ใต้เท้าตี้เฉินเรียกตัวพวกเราให้ออกไปพบ…ใต้เท้าเหมือนจะมีธุระบางประการให้พวกเราออกจากเผ่ามังกรไปจัดการ…”

 

เซียนอมตะเสเพลของลัทธิบูชาไฟที่มาหาหลี่ปิงกล่าวออกเสียงดังฟังชัด ยังเน้นหนักตรงคำว่า ‘ออกจากเผ่ามังกร’ เป็นพิเศษ

 

“ออกจากเผ่ามังกร?”

 

ทันใดนั้นเหล่าเซียนอมตะเพลทั้งหลายจากลัทธิอารามทมิฬกกับลัทธิชะตาฟ้า ถึงกับชักสีหน้าอิจฉาริษยาขึ้นมาทันที แววตายังฉายชัดถึงความขุ่นเคือง!