บทที่ 637 ถังหมักเหล้าร้อยปี

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 637 ถังหมักเหล้าร้อยปี โดย Ink Stone_Fantasy

เมื่อเทียบกับคนภายนอก มีฟาร์มปลาเอาไว้ในครอบครองก็มีข้อได้เปรียบอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คืออยากทานอาหารทะเลตอนไหนก็ทานได้เลยตอนนั้น ที่นี่ไม่มีฤดูห้ามจับปลาจึงสามารถทานอาหารทะเลสดใหม่ที่สุดได้ตลอดเวลา

เพราะมีเจ้านายที่เป็นนักกินอย่างฉินสือโอว ปกติแล้วถ้าพวกชาวประมงไม่มีงานอะไรก็จะศึกษาทักษะการทำอาหาร ดังนั้นขอแค่เจ้านายอารมณ์ดี เรื่องเพิ่มเงินเดือนหรือให้เงินโบนัสก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ดังนั้นไม่ว่าฟาร์มปลาจะมีแขกคนไหนมา พวกชาวประมงก็ล้วนแล้วแต่สามารถแสดงฝีมือได้ทั้งนั้น เรื่องอาหารการกินที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีความพิถีพิถันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

วินนี่เข้ามาในครัวเพื่อทำขนมอบ ชาร์คกำลังย่างสาหร่ายโนริอยู่บนสนามหญ้าหน้าประตู แต่ละแผ่นๆ ถูกย่างจนหอมกรอบ นอกจากนี้เขายังไปเก็บสาหร่ายมาคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน้ำส้มสายชูและซอสหอยนางรมก่อนจะหั่นเป็นเส้นๆ อาหารจานนี้ไม่เพียงมีรสชาติอร่อย แต่ยังดูน่ากินอีกด้วย

ฤดูร้อนในทะเลมีของที่สามารถทานได้อยู่หลายอย่างมาก ตอนกลางวันพวกเด็กๆ จะพากันไปเก็บสาหร่ายผักกาดทะเลจากริมทะเล ฉินสือโอวใช้พริกที่ดองไว้ ตอนนี้สามารถนำออกมาทำเป็นอาหารจานเย็นได้แล้ว

พอวางเครื่องเคียงพวกนี้ไว้บนโต๊ะ ฉินสือโอวก็ไปหยิบเห็ดพอร์ชินีผัดน้ำมันกับเห็ดหอมดองพริกที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ออกมาโชว์ให้โอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงดูสักหน่อยแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ถือว่าพวกนายดวงดีนะ นี่เป็นของที่หากินในอเมริกากับแคนาดาไม่ได้เลย อาหารเรียกน้ำย่อยแบบบ้านเกิดแท้ๆ”

โอวหยางไห่มีร้านอาหารมิชลินสามดาวอยู่หนึ่งร้าน แถมเมื่อก่อนยังเคยไปเที่ยวรอบโลกมาแล้วด้วย นอกจากนี้เขายังมีเชฟใหญ่ระดับท็อปอยู่กับเขาอีกสองคน รสนิยมการกินของเขาย่อมสูงมากๆ อยู่แล้ว ทว่าหลังจากเขามองเห็นเห็ดพอร์ชินีผัดน้ำมันกับเห็ดหอมดองพริกแล้ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ของดีนี่!”

วินนี่เตรียมของหวานก่อนอาหารมื้อหลักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอนำมันมาเสิร์ฟแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณอยากดื่มเหล้าไป๋จิ่วหรือไวน์องุ่นสักหน่อยไหมคะ? มีทั้งไวน์ขาวไวน์แดงเลยนะคะ”

โอวหยางไห่ก็พูดอย่างแน่วแน่ “พวกเราจะดื่มเบียร์กันครับ! โอกาสแบบงานเป็นทางการถึงจะดื่มไวน์ขาวไวน์แดง พวกเราพี่น้องอยู่ด้วยกัน ดื่มเบียร์ให้คึกคักกันดีกว่า!”

ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ ออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็เอาเบียร์มาเถอะครับ ผมชอบที่พี่ไห่พูดจริงๆ เพื่อนผู้ชายด้วยกันก็ต้องกระดกเบียร์ถึงจะสนุก!”

แน่นอนว่าจะใช้เบียร์ของชาวบ้านทั่วไปที่เป็นคาลเบิร์กริบบิ้นฟ้าหรือเบียร์บัดไวเซอร์มาต้อนรับโอวหยางไห่ไม่ได้อยู่แล้ว ฉินสือโอวหยิบตุตันคาเมน เอลที่บิลลี่ส่งมาให้เขาจากนิวยอร์กเมื่อไม่นานมานี้ออกมา เขาตบขวดเบียร์พร้อมพูดขึ้น “มา พี่ไห่ มาดื่มนี่เถอะ”

เบียร์ชนิดนี้เป็นหนึ่งในเบียร์ระดับสูงสุดในตลาดของยุโรปและอเมริกา ราคาขายที่นิวยอร์กอยู่ที่ขวดละห้าสิบดอลลาร์สหรัฐ

มันมีความเป็นมาที่น่าสนใจมาก สูตรลับการหมักเหล้ามาจากวิหารแห่งดวงอาทิตย์ของพระราชินีเนเฟอร์ติติ สถานที่หมักบ่มอยู่ที่ห้องทดลองเคมบริดจ์ประเทศอังกฤษ ชื่อของมันมีที่มาจากฟาโรห์ตุตันคาเมนลูกเลี้ยงของพระราชินี จึงให้ความรู้สึกของราชวงศ์อียิปต์ได้อย่างเต็มเปี่ยม แม้กระทั่งบนขวดก็ยังพิมพ์รูปเทพแมวกับเทพฮอรัสเอาไว้ด้านบน

ไม่ต้องใช้แก้วเบียร์ ฉินสือโอวเปิดเบียร์ให้โอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงคนละขวด ส่วนตัวเขาเองเลือกดื่มเบียร์ไอซ์เบิร์กของนิวฟันด์แลนด์ เบียร์มาตรฐานของชาวประมง

วินนี่เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวถามเธอว่าเธอจะดื่มอะไร วินนี่ลองคิดๆ ดูแล้วบอกเขา “ฉันดื่มไวน์แดงสักหน่อยแล้วกันค่ะ”

พอพูดถึงไวน์แดง ฉินสือโอวก็นึกถึงถังไวน์สี่ถังที่ได้มาจากบนเรือไททานิค ข้างในคงจะบรรจุไวน์แดงไว้อย่างแน่นอน แต่ก็คิดว่ามันคงดื่มไม่ได้แล้ว เขาไม่รู้ที่มาที่ไปของถังไวน์ แต่เห็นลักษณะที่ถูกชุบทั้งเงินและทองของพวกมันก็เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นของล้ำค่า

โอวหยางไห่ตะลุยไปมาทั่วทุกสารทิศทั้งยังเกิดในตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล ฉินสือโอวคิดว่าโอวหยางไห่มีประสบการณ์กว้างขวางกว่าเขามากจึงหยิบมันออกมาให้โอวหยางไห่ช่วยตรวจสอบดู เขาอยากรู้ที่มาของถังเหล้าทั้งสี่ใบนี้

ฉินสือโอวหาได้ถูกคนแล้ว พอเห็นถังเหล้าทั้งสี่ใบนี้ โอวหยางไห่ก็ยิ้มแล้วพูดกับเขา “นายไปได้มันมาจากไหน? ของโบราณเลยนะ นี่น่าจะเป็นของจากศตวรรษที่ 19 หรือเปล่า? ถังไวน์คาดชุบเงินทอง เป็นไวน์ฝรั่งเศสจำนวนน้อยที่เคยได้รับความนิยมเมื่อศตวรรษที่แล้ว มันถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา”

ฟังที่โอวหยางไห่พูด ฉินสือโอวก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ใช่ไหม? ผมเคยค้นข้อมูลมาก่อน แต่ก็หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องไม่เจอเลย รู้แค่ว่าถังไวน์สี่ใบนี้เป็นของที่ผลิตโดยชาโต เปตรุส”

ข้อนี้ค้นหาได้ง่าย บนถังไวน์สลักคำว่า Chateau-Petrus เอาไว้ นี่หมายถึงไวน์ชาโต เปตรุสของตำบลบอร์กโดซ์ประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง

โอวหยางไห่พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ ข้อมูลของถังไวน์ชนิดนี้ค้นหายากมาก เพราะว่ามันใช้เวลาสั้นมาก ช่วงปลายศตวรรษที่สิบเก้ามันเคยเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงของยุโรปอยู่ไม่นาน ต่อจากนั้นก็เจอสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เศรษฐกิจของทุกประเทศในยุโรปต่างก็เอาไปทุ่มลงกับการทำสงคราม ทองกับเงินชุบกลายเป็นของหายากเลยไม่ถูกนำมาชุบถังไวน์อีก”

เหมาเหว่ยหลงถามแทรกขึ้นมา “ถังไวน์สี่ถังนี้เป็นของมีราคาไหม?”

โอวหยางไห่พูดยิ้มๆ “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามันไม่ใช่ของทำเลียนแบบ ตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะขายได้ประมาณหมื่นยูโรกว่าๆ ตอนนั้นถังไวน์แบบนี้ผลิตขึ้นมาน้อยมาก มีแค่ตระกูลสูงศักดิ์เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ใช้การประดับตกแต่งแบบนี้ แถมโรงหมักที่ชอบเลือกใช้สไตล์แบบนี้ก็มีแค่โรงบ่มไวน์ชั้นสูงบางส่วนในเขตปอเมอรอลเมืองบอร์กโดซ์เท่านั้นด้วย……ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ถ้าพูดต่อก็จะยิ่งโยงกับเรื่องอื่นอีกเยอะ”

ฉินสือโอวชอบฟังคนอื่นเล่าเรื่องซุบซิบที่สุดแล้ว เขาจึงพูดยุขึ้นมา “พูดมาเถอะ พี่ไห่ ในนี้มีเรื่องเล่าอะไรเหรอ?”

โอวหยางไห่เอาถังเหล้ามาวางเรียงกัน เขาเล่าว่า “ในเมื่อพวกนายอยากฟัง ถ้าอย่างนั้นฉันจะพยายามพูดให้กระชับและได้ใจความที่สุดแล้วกัน พวกเราต่างก็รู้ว่าไวน์องุ่นระดับสูงของโลกส่วนใหญ่จะมาจากเมืองบอร์กโดซ์ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งบอร์กโดซ์ยังเคยคัดเลือกไวน์แดงในปี 1855 กำหนดโรงบ่มไวน์ 5 แห่งที่สามารถจัดเข้าไปอยู่ใน ‘ระดับสูงสุด’”

“แต่ว่า การกำหนดมุ่งเป้าไปที่เขตเมด็อกเท่านั้น ไม่ได้รวมเขตปอเมอรอลเข้าไปด้วย แต่ถึงยังไง เขตปอเมอรอลก็มีไวน์ชั้นดีอยู่เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็มีผู้นำที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อย่างพี่ใหญ่ชาโต เปตรุส ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องไม่ยอมอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้วิธีอื่นมาคัดค้านการจัดอันดับแบบนี้ และถังชุบเงินกับทองก็คือผลิตผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นั่นเอง”

ฉินสือโอวตบๆ ถังไวน์ แล้วพูดขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นพวกเราอยากจะลองเปิดไวน์พวกนี้ออกมาดูหน่อยไหมล่ะ? บ่มไว้ตั้งร้อยปีนะ”

เหมาเหว่ยหลงกระตือรือร้นอยากลองดู “เปิดออกมาชิมดูเหรอ? ไวน์แดงชั้นสูงสามารถเก็บไว้ได้ถึงร้อยปีเลยนี่”

โอวหยางไห่ไม่ห้ามแต่ก็ไม่ได้บอกว่าทำได้ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “สามารถเก็บไว้ได้ร้อยปีโดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยนก็จริง แต่รสชาติของไวน์จะไม่ค่อยดีเท่าไรหรอก”

เขาลองวิเคราะห์ถังไวน์ ด้านล่างถังทุกใบจะประทับรูปผู้ชายเปลือยกายผมยาวประบ่าเอาไว้หนึ่งรูป ในมือของชายคนนั้นกำลังถือกุญแจหนึ่งดอกและชี้ลงไปที่พื้น เมื่อเห็นดังนี้โอวหยางไห่ก็พูดออกมา “ไวน์นี่น่าจะหมักในปี 1895”

ฉินสือโอวถามด้วยความรู้สึกงงงวย “ทั้งหมดนี่สามารถดูได้เลยเหรอ?”

โอวหยางไห่ได้ยินดังนั้นจึงอธิบาย “ชาโต เปตรุสใช้ชื่อตามเซนต์ปีเตอร์ลูกศิษย์คนแรกของพระเยซู ในมือของปีเตอร์ถือกุญแจสำหรับเปิดปิดประตูสวรรค์เอาไว้ ซึ่งก็คือภาพใต้ถังไวน์นี่เอง แต่ว่าทุกๆ สิบปีชาโต เปตรุสจะเปลี่ยนรูปของปีเตอร์หนึ่งครั้ง และจุดที่ปีเตอร์ชี้กุญแจในมือออกไป ก็จะตรงกับภาพของปีนั้นๆ ส่วนความหมายของภาพนี้ก็คือปี 1895”

ได้ฟังเรื่องพวกนี้แล้วฉินสือโอวก็ยักไหล่น้อยๆ ชนชั้นสูงของฝรั่งเศสทำอะไรที่เข้าใจยากจริงๆ แค่จะดื่มไวน์ก็นำมาสู้ชิงไหวชิงพริบกันได้ขนาดนี้แล้ว

ฉินสือโอวคิดว่ารสชาติของไวน์ในถังไม่น่าจะดีเท่าไรแล้ว เหล้าหมักร้อยปีอาจจะฟังดูยอดเยี่ยมมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไวน์แดงที่ทิ้งไว้นานขนาดนี้รสชาติอาจจะเปลี่ยนไปจนแย่เอามากๆ ถ้ามันมีรสชาติคล้ายยาชงแก้หวัดได้ก็คงถือว่าไม่เลวแล้ว

พอได้รู้ถึงรายละเอียดความเป็นมาของถังไวน์ ฉินสือโอวก็พอใจแล้ว เขาวางถังไวน์ไว้ในห้องรับแขกเพื่อเป็นของประดับตกแต่งแล้วไปหยิบไวน์แดงมาให้วินนี่กับหลิวซูเหยียนใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็บอกใบ้เป็นสัญญาณให้ทุกๆ คนเริ่มทานอาหารได้

โอวหยางไห่กระดกเบียร์เข้าไปอึกใหญ่แล้วคีบสาหร่ายโนริย่างเข้าไปในปาก ปรากฏว่าเขายังไม่ทันได้เคี้ยว คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาเสียงเบา “เอ๊ะ มันแปลกๆ นะ”

……………………………………