หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ถ้าเจ้าจะพูดถึงการลงโทษ ข้าก็ยังไม่ได้ลงโทษเจ้าเหมือนกันที่ครั้งก่อนร่วมมือกับสตรีอัปลักษณ์สร้างปัญญาหาให้ข้า”
“ฮึ่ม แล้วเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่ถึงได้ขัดขืนภรรยาเซียน?” ไช่เหมี่ยวกล่าวเย็นชาและจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาอิจฉา
เมื่อตอนที่เข้าเพิ่งเข้าร่วมสำนักละอองดารา เขาถูกบังคับให้คลานผ่านช่องลอดสุนัขอย่างไม่อาจขัดขืน ความอัปยศตอนนั้นฝังลึกลงไปในจิตใจของเขา แถมเรื่องที่ทำให้เขาอิจฉายิ่งขึ้นไปอีกก็คือการที่อีกฝ่ายมีสตรีงามล่มเมืองอยู่ข้างกาย
เขาด้อยกว่าหลิงฮันตรงไหน? ทำไมตอนนั้นถึงไม่มีใครยืนมือช่วยเขาจากวัฒนธรรมลอดช่องสุนัขบ้าง? ทำไมเขาถึงไม่มีสตรีงามล่มเมืองอย่างจักรพรรดินีอยู่เคียงข้างบาง?
ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขาตามรังควานหลิงฮันไม่ปล่อย
ในขณะที่ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกัน ศิษย์คนอื่นๆก็สังเกตเห็นพวกเขาเริ่มมุงดู
“หลิงฮัน!”
“เป็นหลิงฮัน!”
“เขากลับมาแล้วจริงๆ!”
“ศิษย์พี่หลิง!”
“ศิษย์พี่หลิง!”
“ศิษย์พี่หลิง!”
ทุกคนตะโกนลั่น ถึงแม้ศิษย์บางคนจะไม่ชอบหลิงฮันเพราะเขาเป็นตัวการที่ทำให้พวกเขาไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ก็ยังนับถือหลิงฮันที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อเกียรติของสำนัก นอกจากเขาจะรับสามกระบวนท่าของฮูอิงมู่ได้แล้ว เขายังทำให้อีกฝ่ายกล่าวขอโทษต่อหน้าสาธารณะชนและสังหารอีกฝ่ายได้อีก
สำหรับศิษย์ส่วนใหญ่หลิงฮันคือตำนาน
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าวทักทายกับเหล่าศิษย์
“หลิงฮัน!” ไช่เหมี่ยวคำรามเนื่องจากไม่สบอารมณ์ที่ถูกเมิน
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ลืมเจ้าหรอก!” หลิงฮันหันกลับไปมองไช่เหมี่ยวด้วยแววตาเย็นชา เขารับรู้มานานแล้วว่าไช่เหมี่ยวนั้นจงใจเพ่งเล็งมาที่เขาเพราะความไม่พอใจส่วนตัว ไม่เหมือนกับศิษย์คนอื่นที่เคยขัดแย้งกับเขาเพราะวัฒนธรรมของสำนัก
ในมืออีกฝ่ายคิดร้ายเขาก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้า
“มาสู้กับข้า!” ไช่เหมี่ยวคำราม สำนักละอองดาราไม่มีกฎว่าห้ามต่อสู้กัน หากใครกลัวก็แค่หลบอยู่ในที่พักเพื่อความปลอดภัยก็พอ
“ไช่เหมี่ยว เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่า?” เริ่นเฟยอวิ๋นก้าวเดินเข้ามา “ในตอนที่เซียนบุกรุกเหยียบย่ำสำนักของเราเจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ทำไมข้าถึงไม่เห็นเจ้าออกหน้าทำอะไรเลย? หลิงฮันนั้นตรงกันข้ามกันเจ้า เขาลุกขึ้นต่อต้านเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของสำนัก! ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นเจ้ายังคิดจะสร้างปัญหาให้เขาอีก”
เริ่นเฟยอวิ๋นกล่าวเหยียดหยาม “ทำไมตอนที่หลิงฮันยังมีพลังจากการเผาผลาญหยดโลหิตราชาเซียนอยู่เจ้าถึงไม่ขอท้าประลองเขาล่ะ?”
“ใช่แล้ว ถ้าเจ้ายังยืนกรานว่าจะสู้ให้ได้ พวกข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง!” ศิษย์คนอื่นๆตะโกนออกมาเพื่อแสดงจุดยืนว่าพวกเขาสนับสนุนอยู่ฝ่ายหลิงฮัน
ไช่เหมี่ยวมีสีหน้าบูดบึ้งและกล่าว “พวกเจ้าลืมไปแล้วรึว่าเป็นเพราะเขาสำนักของเราถึงได้ติดร่างแหไปด้วย! ทว่าเขากลับสะบัดตูดหนีหายไปโดยทิ้งพวกเราเอาไว้ พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่าใครเป็นต้นเหตุทำให้ทรัพยากรบ่มเพาะของพวกเราหดหาย”
“ไช่เหมี่ยว พอเสียที!” เริ่นเฟยอวิ๋นกล่าวเย็นชาและทนไม่ไหวเกือบจะเผลอลงมือ
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเองจู่ๆร่างของจักรพรรดินีก็พุ่งทะยานเข้าหาไช่เหมี่ยวอย่างรวดเร็ว
กล้ากล่าวหาสามีของนางรึ?
นางสะบัดแขนผลักฝ่ามือเข้าใส่ไช่เหมี่ยว
“ฮึ่ม!” ไช่เหมี่ยวไม่คาดคิดว่าจักรพรรดินีจะกล้าลงมือ ในอดีตนางสามารถต่อสู้ได้ทัดเทียมเขาก็จริง แต่ก็เป็นเพราะนางใช้แผ่นหินประหลาดบางอย่างช่วยดูดซับพลังโจมตี หากไม่ใช่เพราะแผ่นหินนั่นแล้วเพียงแค่พลังต่อสู้ของนางคงไม่อาจต้านทานเขาได้
แต่ว่าตอนนี้นางไม่ได้ถือแผ่นหินไว้ในมือแท้ๆ แต่กลับกล้าเป็นฝ่ายลงมือจู่โจมเขา?
ไช่เหมี่ยวแสยะยิ้มและมีความคิดว่าหากจะคว้าหัวใจของสตรีเย็นชาเช่นนางได้ เขาคงต้องกำราบนางให้ราบคาบเสียก่อน
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ข้าไม่อยากทำร้…”
ตูม!
ยังไม่ทันทีจะกล่าวจบ ร่างของไช่เหมี่ยวก็ถูกฝ่ามือของจักรพรรดินีกระแทกเข้าใส่ ร่างของเขาลอยกระเด็นขึ้นฟ้าและกระอักโลหิตออกมา
จักรพรรดินีดึงฝ่ามือกลับและยืนนิ่งด้วยสีหน้าดูถูก
ทันทีที่ก้นของไช่เหมี่ยวกระแทกถึงพื้นเขาก็รีบคลานลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าอับอายและเกรี้ยวกราด เขามองไปยังจักรพรรดินีที่ตอนนี้กำลังจ้องเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “ที่แท้เจ้าก็บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดแล้ว!”
น่าอัศจรรย์มาก จักรพรรดินีนั้นเพิ่งเข้าร่วมสำนักละอองดาราเมื่อไม่นานนี้เองแต่กลับบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดแล้ว
แต่จะอย่างไรไช่เหมี่ยวก็ไม่หวั่นเกรง เมื่อครู่เขาแค่ประมาทจักรพรรดินีเท่านั้น
“เจ้าเป็นฝ่ายยั่วยุข้าเอง!” ไช่เหมี่ยวกล่าว ‘ครืนน’ รูปแบบอาคมสังหารภายในร่างกายของเขาถูกกระตุ้นใช้งาน แสงของตราประทับส่องสว่างทะลุผิวหนังของเขาออกมาอย่างน่าเกรงขราม
ตูม!
จักรพรรดินีพลักฝ่ามือเข้าใส่หน้าไช่เหมี่ยวจนร่างลอยกระเด็นอีกครั้ง
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!
ทุกคนตกตะลึง แม้พวกเขาจะได้ยินไช่เหมี่ยวกล่าวว่าจักรพรรดินีบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดแล้วแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าจักรพรรดินีจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของไช่เหมี่ยวได้เนื่องจากไช่เหมี่ยวเป็นถึงหนึ่งในสามศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักย่อยที่แปด
พวกเขาเชื่อว่าตราบใดที่ไช่เหมี่ยวใช้อำนาจของรูปแบบอาคมสังหารเขาจะสามารถกำราบจักรพรรดินีได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้สึกราวกับถูกตบหน้า
ทั้งๆที่กระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมสังหารแล้วยังถูกซัดกระเด็นได้อย่างไร!
เริ่นเฟยอวิ๋น “…”
ศิษย์ทุกคน “…”
“เป็นปไม่ได้!” ไช่เหมี่ยวยกมือขึ้นมาถูใบหน้าด้วยสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย เขาจ้องมองไปยังจักรพรรดินีด้วยสีหน้าที่ไม่อาจยอมรับความจริง
จักรพรรดินีไม่แยแส นางปล่อยฝ่ามือใส่ใบหน้าของไช่เหมี่ยวอย่างต่อเนื่องโดยที่ไช่เหมี่ยวไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาเทียบเท่ากับไช่เหมี่ยวก็จริง แต่นางนั้นมีแก่นกำเนิดนิรันดร์และฝึกฝนทักษะระดับนิรันดร์มากมาย อีกอย่างคือไช่เหมี่ยวที่ยังไม่บรรลุขั้นสมบูรณ์ของระดับวารีนิรันดร์ไม่สมควรมีฉายาว่า ‘แข็งแกร่งที่สุด’ ด้วยซ้ำ
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ศิษย์ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทุกคนมีความเชื่อว่าเหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเช่นไช่เหมี่ยวนั้น ในการต่อสู้ระดับเดียวกันแล้วพวกเขาไม่สมควรแพ้ใคร แต่ตอนนี้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดกลับกลายเป็นว่ามีพลังต่อสู้อ่อนแอราวกับคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ
เรื่องเช่นนี้มันทำใจเชื่อได้ยากเกินไป!