ตอนที่ 1099: ตำนานของเทพเจ้าสงคราม

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1099: ตำนานของเทพเจ้าสงคราม

สายตาของเถี่ยต้าค่อนข้างซับซ้อน ในตอนนี้ หัวใจของเขายากที่สงบอยู่ได้ มันเริ่มที่จะเต้นรุนแรงและสั่น แม้แต่ร่างกายที่กำยำของเขายังสั่นเล็กน้อย ในขณะที่ความรู้สึกเสียใจลึก ๆ ก็เปล่งรัศมีออกมาจากเขา

“เจี้ยนเฉิน นั่นมันอะไรกัน ? ทำไมข้าถึงได้รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากเมื่อข้าเห็นมัน ? เจี้ยนเฉิน ข้ารู้สึกแย่ในใจ” ท่าทางของเถี่ยต้าเจ็บปวดมาก แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น

“นั่นคือเลือดของเทพเจ้าสงครามเอ่อหยิน เถี่ยต้า เจ้าของเลือดนี้เป็นบรรพบุรุษของเจ้า” เจี้ยนเฉินอธิบายด้วยอารมณ์ที่สับสน

“อะไรนะ ! นี่เป็นเลือดของเทพเจ้าสงคราม เอ่อหยินงั้นหรือ ? ” เฮยยู่ตกใจ อย่างไรก็ตาม เขาก็สงบใจลงในไม่ช้าแล้วพูด “ไม่สงสัยเลยว่าทำไมร่างของข้าถึงได้สั่น ถ้างั้นนี่ก็เป็นหยดเลือดบริสุทธิ์ของเอ่อหยินสินะ”

เถี่ยต้ายืนนิ่งในขณะที่เขาจ้องไปที่หยดเลือดสีทอง น้ำตาใสสองสายไหลลงไปที่ใบหน้าของเขา เขาเป็นเทพเจ้าสงครามคนใหม่ แม้ว่าเขาจะแตกต่างจากคนก่อน แต่พวกเขาก็มีสายเลือดเหมือนกันและมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน เถี่ยต้าเหมือนว่าเห็นเทพเจ้าสงครามคนก่อนนำคนในเผ่าเข้าไปร่วมสงครามเพื่อที่จะหาที่ปลอดภัยให้กับพวกเขา ก่อนที่เขาจะตายไปอย่างวีรบุรุษในดินแดนต่างถิ่น ในขณะที่เขามองไปที่หยดเลือด

ความเสียใจอย่างสุดซึ้งเอ่อขึ้นในตัวเถี่ยต้า เขาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับหยดเลือดตรงหน้าเขา

มิติตรงหน้าเขาพร่ามัวขึ้นและหยดเลือดสีทองก็จางลงไปเรื่อย ๆ เหมือนกับ่วามันจะหายไปในมิติที่ว่างเปล่าได้ทุกเวลา

อาคมจะถูกกระตุ้นขึ้นมาเมื่อมีบางคนหลงเข้าไป ไม่เช่นนั้น มันก็ยังคงถูกซ่อนอยู่อย่างดีในมิติที่ว่างเปล่า ในตอนนี้เจี้ยนเฉินก็ได้ออกมาแล้วหลังจากที่ไปกระตุ้นมัน อาคมคงจะหายไปในไม่ช้า

ในตอนนี้ หยดเลือดสีทองก็ถูกแรงส่งให้เคลื่อนที่ขึ้นลง แสงสีทองแสบตาเปล่งรัศมีออกมาจากหยดเลือดและบังคับให้พลังของอาคมหยุดลง คลื่นพลังที่รุนแรงมากระเบิดออกมาจากเลือดพร้อมด้วยจิตต่อสู้

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องรอบ ๆ พลังงานจากเลือดทำลายอาคมที่กังขังมันไว้ ทำให้ภูเขาและหินแตกร้าว เมื่อไม่ถึงอาคมกักกันไว้แล้ว จิตต่อสู้ที่สุดยอดและพลังงานที่น่ากลัวภายในเลือดก็เริ่มเปล่งรัศมีออกมาทันทีและครอบคลุมไปทั้งเกาะ มันทำให้เทือกเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง

หยดเลือดกลายเป็นแสงสีทองในขณะที่มันบินไปทางเถี่ยต้า จากนั้นมันก็หายเข้าไปที่หน้าผากของเขา ทันใดนั้นเอง รอบรูปขวานศึกที่อยู่หว่างคิ้วของเถี่ยต้าก็เริ่มเปล่งรัศมีแสบตาเสียยิ่งกว่าพระอาทิตย์ออกมา แสงสีทองส่องสว่างให้กับโลกและย้อมให้มันเป็นสีทอง

เถี่ยต้าได้แต่หลับตาลง สติของเขาได้เข้าไปสู่โลกที่มืดมนที่ถูกปกคลุมไปด้วยจิตต่อสู้ที่สุดยอดทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เถี่ยต้าจะไม่รู้สึกว่าจิตต่อสู้มันอึดอัดเท่านั้น แต่เขายังพบว่ามันอบอุ่นและสบายมาก ความรู้สึกเหมือนลูกที่โผเข้าสู่อ้อมอกของแม่หลังจากที่จากบ้านไปหลายปี

ด้านหน้าเถี่ยต้า 10 เมตร ชายในชุดเกราะสีทองยืนกอดอกหันหลังให้กับเถี่ยต้าอยู่ พลังแห่งการมีอยู่ที่สุดยอดเปล่งรัศมีออกมาจากเขา เหมือนว่าเขาเป็นเทพเจ้าของโลก

เถี่ยต้าไม่เห็นใบหน้าของชายคนนี้ แต่เขารู้สึกใกล้ชิดกับชายคนนี้มาก ความใกล้ชิดนี้มันทรงพลังมากกว่าหลายร้อยหรืออาจจะถึงพันเท่าเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่เขามีให้กับพ่อแม่ของเขา

“ชื่อของข้าคือเอ่อหยิน ข้าเป็นสมาชิกของเทพเจ้าแห่งสงคราม เฉพาะคนที่เชื่อมโยงกับข้าเท่านั้นที่จะปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาได้…”

เสียงหนักแน่นระเบิดไปทั่วทั้งโลก มันทรงพลังและมีผลโจมตีอย่างมากกับวิญญาณ มีเพียงคนของเทพเจ้าแห่งสงครามเท่านั้นที่จะสามารถทนมันได้

“เมื่อมาคิดว่าคนของเทพเจ้าแห่งสงครามได้เกิดมาจากโลก โตและถูกเลี้ยงดูจากโลก และฝึกฝนได้ความสามารถมาจากโลก พลังการต่อสู้ของพวกเรานั้นไม่มีที่ติ แต่ข้าก็ยังไปตายในสนามรบต่างถิ่นในท้ายที่สุด น่าเสียดาย ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย…” ความเศร้าโศกกระจายไปทั่ว นี่เป็นความรู้สึกที่เอ่อหยินมีเมื่อหลายปีก่อน

“สัตว์อสูรทำเกินไป พวกมันบุกรุกเข้ามาในบ้านเกิดของข้าและไล่ประชาชนของข้าไป ข้าให้ชนเผ่าของข้าต่อสู้กับสัตว์อสูร แต่ข้าก็ถูกบีบให้หนีเพราะข้าไม่สามารถเอาชนะพยัคฆ์ปีกเทวะได้ จากนั้นข้าก็ไปที่ทวีปเทียนหยวน แต่ข้าก็ถูกโมเทียนหยุนหยุดเอาไว้อีก เมื่อมาคิดว่าข้านั้นเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามที่มีพลังต่อสู้ที่ไร้ที่ติและมีความสามารถที่ได้มาจากโลกแล้วด้วย ข้านั้นไร้เทียมทานกับคนในระดับการฝึกฝนเดียวกัน แต่ข้าก็ยังไม่ใช่คู่มือของพยัคฆ์ปีกเทวะและโมเทียนหยุนอีก ช่างน่าขัน ช่างน่าขันสิ้นดี…”

“ข้าได้ตายไปแล้ว แต่ข้ายังกังวลเกี่ยวกันประชาชนของข้า เทพเจ้าสงครามคนใหม่เอ๋ย จงทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของข้าเป็นจริง ปกป้องประชาชนของข้าให้ดี และช่วยพวกเขาหาโลกใหม่ที่สวยยิ่งกว่า เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะยกหยดเลือดบริสุทธิ์นี้ให้กับเจ้า…”

หลังจากนั้นร่างของเอ่อหยินก็แตกสลายไป และกลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน

“พยัคฆ์ปีกเทวะและโมเทียนหยุนนั่นหยั่งไม่ถึงจริงจริง พวกเขาได้ทำลายข้อจำกัดทางอายุและมีชีวิตอยู่ได้ต่อในโลก พวกเขาเป็นอมตะ” ในตอนก่อนที่เอ่อหยินจะกลายเป็นชิ้นส่วนไปหมด เสียงอีกเสียงก็ระเบิดขึ้นไปในท้องฟ้า หลังจากนั้น เอ่อหยินก็หายไปอย่างสมบูรณ์ และโลกที่มืดมนก็แตกกระจายหายไปอย่างเสียงดัง

ชิ้นส่วนของเอ่อหยินถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ชิ้นส่วนแรกคือความทรงจำที่เข้าไปในวิญญาณของเถี่ยต้า ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นพลังงานที่อยู่ในเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งหลอมรวมกับร่างของเถี่ยต้า

ทันใดนั้นเอง เถี่ยต้ารู้สึกว่าหลายสิ่งปรากฏขึ้นในหัวของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นความเข้าใจในการต่อสู้ของเอ่อหยิน ซึ่งรวมถึงความลึกลับของสงครามที่ทรงพลังอย่างน่ากลัว

หยดเลือดบริสุทธิ์ได้เปลี่ยนไปเป็นพลังงานที่ทรงพลังที่ไหลไปทั่วร่างของเถี่ยต้า แม้ว่ามันจะเป็นพลังงานเพียงเล็กน้อยที่เอ่อหยินทิ้งเอาไว้ แต่มันก็เป็นพลังงานธรรมชาติมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ในหยดเลือด ดังนั้นมันจึงทรงพลังและน่ากลัวมาก

แค่พลังงานปริมาณเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะเทียนเท่ากับพลังงานทั้งหมดในเซียนจักรพรรดิได้แล้ว และมันก็เพียงพอที่จะเทียบได้กับเซียนราชาหลายคน

ร่างทั้งหมดของเถี่ยต้าถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองแสบตา เขาดูดซับความทรงจำของเอ่อหยินเข้ามาเรื่อย ๆ ในขณะที่พลังงานบริสุทธิ์ก็ไหลเข้าไปในร่างของเขาไม่หยุดด้วยอัตราที่เร็วเหลือเชื่อ มันเปลี่ยนไปเป็นพลังของเถี่ยต้าเอง

เทพเจ้าแห่งสงครามถือกำเนิดขึ้นมาจากโลกและถูกสร้างขึ้นมาอย่างได้เปรียบจากโลก เอ่อหยินมีสายเลือดเดียวกันกับเถี่ยต้า มันไม่มีผลย้อนกลับหรือผลตามมาสำหรับเถี่ยต้าในขณะที่เขาเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาผ่านพลังที่เอ่อหยินทิ้งเอาไว้

พลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังในร่างของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาเปลี่ยนจากชั้นสวรรค์ที่ 5 เป็นชั้นสวรรค์ที่ 6 อย่างรวดเร็ว และไม่เพียงแต่อัตราเร็วนี้จะลดลงเท่านั้น แทนที่กันมันกลับเพิ่มขึ้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

เจี้ยนเฉินและเฮยยู่ยืนอยู่ห่างออกไป 30 เมตร ในขณะที่พวกเขาจ้องไปที่เถี่ยต้าตาไม่กระพริบ และดูเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ

“ดูเหมือนหยดเลือดบริสุทธิ์ของเอ่อหยินกำลังถูกเถี่ยต้าดูดซับเข้าไป นี่เป็นหยดเลือดของคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ พลังงานที่ซ่อนอยู่ด้านในนั้นน่ากลัวมาก และทำให้แม้แต่เซียนจักรพรรดิบาดเจ็บได้ แต่เถี่ยต้าก็ดูดซับมันได้อย่างง่ายดาย” เฮยยู่ถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ ในขณะที่เขามองไปที่เถี่ยต้าด้วยความอิจฉา

“ข้าเดาไม่ผิดจริงจริง หยดเลือดของเอ่อหยินต้องมีประโยชน์กับเถี่ยต้ามากแน่แน่ ในตอนนี้ เถี่ยต้าก็ได้มาเจอมันเข้าแล้ว ข้าสงสัยว่า ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงระดับไหนกัน” เจี้ยนเฉินตั้งตาตั้งตารอ

ชั้นสวรรค์ที่ 7…

ชั้นสวรรค์ที่ แปด…

ชั้นสวรรค์ที่ เก้า…

ความแข็งแกร่งของเถี่ยต้าพุ่งพรวดขึ้นด้วยความเร็วที่หาใดเทียบ ในเวลาแค่ครึ่งวัน เขาก็ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 จากตอนแรกที่เขาอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5 เขาผ่านระดับการฝึกฝนมา 4 ขั้น

เจี้ยนเฉินกำหมัดแน่นในขณะที่เขาจ้องไปที่เถี่ยต้าอย่างตาไม่กระพริบเลย แม้ว่าเซียนผู้คุมกฎและเซียนราชาทั้งสองจะอยู่ในสายเซียน แต่ความแตกต่างระกว่างทั้งสองระดับนั้นก็มีมากมาย เขาสงสัยว่าเถี่ยต้าจะสามารถเอาพลังจากเลือดและพัฒนาการจากชั้นสวรรค์ที่ 9 ไปเป็นเซียนราชาได้หรือไม่

พลังแห่งการมีอยู่ที่ชั้นสวรรค์ที่ 9 ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ในตอนนี้ พลังงานที่เขาจำเป็นต้องใช้ในการขึ้นไปในแต่ละระดับนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงใช้เวลามากขึ้นเรื่อย ๆ ในการพัฒนาการ

ในท้ายที่สุด พลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้าก็ถึงขั้นสูงสุดที่ชั้นสวรรค์ที่ 9 ในขณะที่เจียนเฉินเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ แรงกดดันที่มหาศาลและมากมายได้ปรากฏออกมาจากพลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้า มันอ่อนแรงมากในตอนแรก ก่อนที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วและปกคลุมไปรอบ ๆ

ในเวลาเดียวกัน จิตต่อสู้ที่สุดยอดรวมกันพลังแห่งการมีอยู่ที่มีคุณภาพก็ทรงพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

ทันใดนั้นเอง แสงสีทองก็พุ่งผ่านท้องฟ้าไป มันผ่านระดับต้องห้ามของเกาะมังกรและพุ่งลงมาที่หว่างคิ้วของเถี่ยต้าพอดีที่รอยรูปขวานศึก

นี่เป็นการที่โลกได้ส่งคำสอนของมันมา เทพเจ้าแห่งสงครามเกิดมาจากโลกและถูกให้พรจากโลก ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปสู่ขอบเขตในระดับการฝึกฝนใหม่ โลกก็ส่งผ่านคำสอนมา

เถี่ยต้าเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและชี้รอยที่หว่างคิ้วเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า เขารับเอาคำสอนของโลก ในขณะที่อาคมที่ลึกลับก็ปรากฎขึ้นมาในช่องว่าง และเข้าไปที่หว่างคิ้วของเถี่ยต้าเป็นลำแสงสีทอง

ในทวีปที่ห่างไกลออกไป กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างออกไปจากมนุษย์ได้อาศัยอยู่ที่นี่ มียักษ์สูงสิบเมตร พร้อมกับ เอลฟ์ที่มีปีกที่หล่อเหลาและสวยงาม ยังมีคนแคระผิวดำที่สูงไม่เกินหนึ่งเมตรอีกด้วย และยังมีแม้แต่มนุษย์หินที่ตัวเป็นหินทั้งหมด

ทวีปนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อทวีปแห่งความสูญเปล่า บ้านของร้อยเผ่าพันธุ์ มันเป็นที่อยู่ของเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวเหมือนมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ยังมีบางเผ่าที่ดูเหมือนกับมนุษย์มาก

ที่กึ่งกลางของทวีปมีเทือกเขาที่สูงเสียดฟ้าอยู่ มันแห้งแล้งไม่มีต้นไม้อยู่เลย มีอาคมหินแปลก ๆ ที่ตั้งอยู่รอบ ๆ พื้นที่ที่อันตราย ทำให้มันเข้าถึงไม่ได้

ที่จุดสูงสุดของเทือกเขา มีโถงศักดิ์สิทธิ์สีทองที่เปล่งรัศมีแสงแสบตาออกมาตลอดปี มันตั้งอยู่อย่างเงียบ ๆ และเปล่งรัศมีธรรมดาแต่ก็เป็นพลังแห่งการมีอยู่ที่โบราณ มันมีอยู่มาหลายปีแล้วและมันเกือบเก่าแก่เท่าดินแดนนี้