ตอนที่ 1059 จู่โจมฐานทัพของขุมกำลังใหญ่

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

บุรุษผู้นั้นทราบดีว่าต่อให้ไม่กล่าวสิ่งใด ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็มีวิธีทำให้ตนสารภาพ เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไปและกล่าวสิ่งที่ทราบทันที

“เหอะ ฉินอวี้โม่ เจ้าอาจจะคิดว่าเจ้าทำลายแผนการของเราได้สำเร็จ ทว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าคงยังไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้ฐานทัพของขุมกำลังใหญ่ทั่วทั้งดินแดนมหาเทพน่าจะตกมาอยู่ในมือของพวกเราจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว”

เขาแค่นเสียงเย้ยหยันและกล่าวตามความจริง แม้แผนการในสมรภูมิรบโบราณจะล้มเหลว ทว่ามันก็เป็นเพียงแผนการส่วนหนึ่งที่มีจุดประสงค์เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น

ฉินอวี้โม่ชะงักไปเล็กน้อยทันที ไม่ว่านางและหานโม่ฉือจะชาญฉลาดและมีไหวพริบดีเพียงใด พวกนางก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจอมยุทธ์ปีศาจจะมีแผนการที่ซับซ้อนเช่นนี้

การฟื้นคืนชีพซากศพในสมรภูมิรบโบราณเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการที่จอมยุทธ์ปีศาจเตรียมไว้ แผนการที่แท้จริงของพวกเขาคือการถ่วงเวลาฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไว้ที่นี่เพื่อฉวยโอกาสโจมตีฐานทัพของขุมกำลังใหญ่แต่ละแห่ง

ในเวลานี้ยอดฝีมือของขุมกำลังแต่ละแห่งก็ได้เดินทางไปรวมตัวกันที่สำนักเมฆาครามแล้วและเหลือเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่คุ้มกันอยู่ในฐานทัพ จอมยุทธ์ปีศาจจึงร่วมมือกับขุมกำลังที่เข้าร่วมกับฝ่ายตนเพื่อเดินหน้าโจมตีและพวกเขาจะยึดครองฐานทัพของขุมกำลังใหญ่หลายแห่งได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นจะเป็นผลเสียต่อทุกคนในดินแดนมหาเทพ

“เหอะ คงจะคิดไม่ถึงสินะ แม้พวกเจ้าจะทรงพลังมากพอที่จะต่อกรกับพวกเราจอมยุทธ์ปีศาจได้ ทว่าตราบใดที่ขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นสูญเสียฐานที่มั่นของตนเองไป ฝ่ายของพวกเจ้าจะต้องเกิดความขัดแย้งภายในเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้น จอมยุทธ์ปีศาจจะถือโอกาสเข้าไปแทรกแซงโดยที่พวกเจ้าไม่รู้ตัวและท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็จะยึดครองดินแดนมหาเทพได้อย่างแน่นอน”

บุรุษผู้นั้นแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ต่อให้เขาไม่กล่าวเช่นนี้ ฉินอวี้โม่และทุกคนก็คาดเดาได้ถึงแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจ หากขุมกำลังส่วนใหญ่สูญเสียฐานที่มั่นของตนเองไป มันจะเป็นผลกระทบที่หนักหน่วงต่อพวกเขาอย่างแน่นอน

“พวกเจ้าจอมยุทธ์ปีศาจครอบครองอาณาเขตเหล่านั้นไว้ให้ได้ก่อนเถอะ !”

หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็รับรู้ถึงจุดบกพร่องในแผนการของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ต่อให้จอมยุทธ์ปีศาจจะโจมตีเข้ายึดอาณาเขตหลักของขุมกำลังใหญ่จำนวนมากได้สำเร็จ พวกเขาก็อาจปกป้องรักษามันไว้ไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่พวกนางควบคุมสถานการณ์ของขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นไว้ได้และไม่ปล่อยให้เกิดความขัดแย้งภายในกันเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดี หากคนของหลายขุมกำลังใหญ่รวมตัวและฝึกวิชาด้วยกัน มันก็อาจช่วยให้พวกเขาเป็นปึกแผ่นปรองดองกันมากขึ้น ในอนาคตข้างหน้า เมื่อร่วมมือกันรับมือกับจอมยุทธ์ปีศาจ พวกเขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีความขัดแย้งหรืออุปสรรคใด

“เอาล่ะ ในเมื่อบอกทุกอย่างแล้ว เจ้าก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมหันไปพยักศีรษะส่งสัญญาณให้กับหานโม่ฉือก่อนเขาจะโบกมือเล็กน้อยและบุรุษผู้นั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านลอยหายไปในอากาศโดยที่ไม่มีโอกาสส่งเสียงร้องได้ด้วยซ้ำ

“เรากลับออกไปข้างนอกกันก่อนเถอะ”

เมื่อเห็นว่าทุกคนฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ตัดสินใจและกล่าวออกไป

พวกนางไม่ทราบเลยว่าสถานการณ์ของโลกภายนอกในตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง เห็นทีครานี้จอมยุทธ์ปีศาจคงจะเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อบุกไปโจมตีฐานทัพของขุมกำลังใหญ่ในดินแดน

เนื่องจากเวลานี้ในแต่ละขุมกำลังมีกำลังคนที่คอยคุ้มกันดูแลความเรียบร้อยอยู่เพียงไม่มาก การที่จะต้านทานการจู่โจมของจอมยุทธ์ปีศาจจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง

ในตอนนี้บรรดาจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากก็กำลังรวมตัวอยู่ที่สำนักเมฆาคราม สถานการณ์ที่นั่นจึงไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด ทว่าขุมกำลังอื่น ๆ ในดินแดนไม่เป็นเช่นนั้น

ทุกคนพยักศีรษะตอบตกลงและมุ่งหน้าออกไปยังทางออกของสมรภูมิรบโบราณ

ภายในเวลาเพียงไม่นาน คนทั้งกลุ่มก็กลับมาปรากฏตัวในจุดที่เป็นทางเข้าของสมรภูมิรบโบราณอีกครั้ง

“ในเมื่อสมรภูมิรบโบราณไม่มีสิ่งใดที่สลักสำคัญอีกแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดผนึกมันอีก”

ก่อนหน้านี้ ซากศพของสิ่งมีชีวิตทรงพลังมากมายในสมรภูมิรบโบราณถือเป็นภยันตรายที่ยากเกินรับมือ เพราะเหตุนั้น นอกเหนือจากการเสริมพลังให้กับผนึกเดิมที่มีอยู่ ฉินอวี้โม่และมารยาจึงวางข่ายอาคมไว้หลายชนิดที่บริเวณทางเข้าของมัน

แม้ข่ายอาคมเหล่านั้นจะไม่มีผลใดมากนัก มันก็ยังดีว่าการไม่เตรียมการป้องกันใด ๆ ไว้

ทว่าตอนนี้โครงกระดูกเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วและไม่มีวิกฤตใดซ่อนไว้อีก พวกนางจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อนหรือปิดผนึกมันอีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น สมรภูมิรบโบราณแห่งนี้อาจกลายเป็นสถานที่สำหรับฝึกยุทธ์ในอนาคต จอมยุทธ์หลายคนจะสามารถเดินทางมาที่นี่เพื่อฝึกวิชาสั่งสมประสบการณ์และอาจได้พบโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

หลังออกจากสมรภูมิรบโบราณ ฉินอวี้โม่และทุกคนก็มุ่งหน้ากลับสำนักเมฆาครามโดยตรง

ในเวลานี้ทุกคนก็ยังไม่ทราบถึงสถานการณ์โดยรวมของดินแดน พวกเขาจึงยังไม่สามารถกลับไปที่ขุมกำลังของพวกตนได้ในทันที

ณ โถงประชุมของสำนักเมฆาคราม บุคคลสำคัญจากขุมกำลังจำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ที่นี่และหารือถึงสิ่งต่าง ๆ โดยที่มีบรรยากาศคุกรุ่นเล็กน้อย

เมื่อหลายวันก่อน ขุมกำลังใหญ่ทั้งหมดเดินทางมารวมตัวกันที่สำนักเมฆาครามเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันประชันฝีมือของสามสำนักและเก้านิกาย

ขุมกำลังใหญ่หลายแห่งก็คอยเฝ้าระวังบรรดาผู้ที่ร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจเช่นกันและมั่นใจว่านิกายหมื่นบุปผาและสำนักห้าขุนเขาได้เดินทางมาที่สำนักเมฆาครามและปฏิบัติตามขั้นตอนทั่วไปทุกอย่าง

ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างนั้นจะเป็นเพียงการเสแสร้งตบตาชั่วคราวเท่านั้น

แม้ว่าคนของนิกายหมื่นบุปผาและสำนักห้าขุนเขาจะเข้ามายืนยันตัวตนที่สำนักเมฆาครามจริง ทว่าในตอนหลังพวกเขาก็ทิ้งศิษย์ที่อ่อนแอบางส่วนไว้ในขณะที่คนอื่น ๆ แอบลักลอบออกไปอย่างลับ ๆ

ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจและซุ่มโจมตีฐานทัพของขุมกำลังใหญ่ทั่วทั้งดินแดนโดยที่ยากจะเตรียมตัวป้องกันได้ทัน

นอกเหนือจากสำนักเบิกภูผาและนิกายกระบี่สายฟ้า ฐานทัพของขุมกำลังอื่นหลายแห่งได้ถูกโจมตีและตกอยู่ภายใต้อำนาจของจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว ศิษย์บางส่วนที่อยู่ในขุมกำลังเหล่านั้นแม้จะสามารถหลบหนีเอาตัวรอดได้สำเร็จ ทว่าศิษย์ส่วนใหญ่ก็ถูกสังหารหรือไม่ก็ถูกจับตัวไปแล้ว กล่าวได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายอย่างยิ่ง

“จ้าวนิกายฟู่ หากไม่ส่งคนไปช่วย เกรงว่านิกายกระบี่สายฟ้าและสำนักเบิกภูผาของเราจะตกไปอยู่ในมือของศัตรูเช่นกัน !”

สีหน้าของทุกคนเหยเกอย่างเห็นได้ชัด เพียงนึกถึงขุมกำลังที่ถูกโจมตีและถูกยึดครองไป พวกเขาก็ปรารถนาที่จะสังหารจอมยุทธ์ปีศาจและผู้ทรยศเหล่านั้นในทันที

เนื่องจากตอนนี้ยอดฝีมือจากแต่ละขุมกำลังรวมตัวกันอยู่ที่สำนักเมฆาคราม แน่นอนว่าคนของจอมยุทธ์ปีศาจและนิกายหมื่นบุปผาก็ไม่กล้าบุกมาที่นี่เพื่อท้าทายพวกเขา

นิกายกระบี่สายฟ้าและสำนักเบิกภูผามีรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าขุมกำลังอื่นเล็กน้อย พวกเขาจึงยังไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของจอมยุทธ์ปีศาจ ก่อนหน้านี้เหลยเจี้ยนเชิง—จ้าวนิกายกระบี่สายฟ้าและฉือพั่วเทียน—จ้าวสำนักเบิกภูผาก็ยังไม่ได้เดินทางออกมาจากขุมกำลังเนื่องจากติดธุระบางอย่าง และก็เป็นเพราะการที่มีพวกเขาประจำการอยู่ที่นั่น ขุมกำลังทั้งสองจึงยังไม่ตกอยู่ในการครอบครองของฝ่ายศัตรู

อย่างไรก็ตาม จอมยุทธ์ปีศาจก็เข้ายึดครองขุมกำลังอื่น ๆ ได้สำเร็จแล้ว เกรงว่าพวกเขาเตรียมที่จะโจมตีขุมกำลังทั้งสองเพื่อควบคุมพวกเขาเช่นกัน

แม้ตอนนี้ขุมกำลังใหญ่ทั้งสองจะยังพอรับมือได้ พวกเขาก็ไม่สามารถยื้อเวลาได้นานนัก วันนี้ทุกคนหาจึงหารือกันว่าควรจะส่งคนออกไปช่วยพวกเขาหรือไม่

“ข้าไม่แนะนำให้ลงมือทำอะไรในตอนนี้ เรายังไม่ทราบถึงแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่ชัด อวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ยังไม่กลับมา หากเราบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป เราอาจเข้าไปติดหลุมพรางของจอมยุทธ์ปีศาจได้ ทางที่ดีคือเราควรปล่อยให้ทั้งสองขุมกำลังล้มเลิกการตั้งรับและเคลื่อนกำลังคนมาที่สำนักเมฆาครามเสียก่อน บางทีเราอาจจะมีโอกาสเอาชนะมากกว่า”

ฉินเทียนกล่าวแสดงข้อเสนอของตน

แน่นอนว่าพวกเขาสามารถส่งคนออกไปช่วยสมทบได้ ทว่าตอนนี้ขวัญกำลังใจของจอมยุทธ์ปีศาจกำลังฮึกเหิมอย่างมากและพวกเขาอาจวางแหฟ้าตาข่ายดินไว้ หากตัดสินใจทำสิ่งใดอย่างรีบร้อนจนเกินไป พวกเขาจะติดกับดักเหล่านั้นอย่างแน่นอนและสิ่งที่ได้มาจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป

* 天罗地网 แหฟ้าตาข่ายดิน เปรียบถึงการล้อมศัตรูหรือผู้หลบหนีไว้อย่างหนาแน่น, วางกรอบดักศัตรู

ทว่าการอพยพออกจากนิกายกระบี่สายฟ้าและสำนักเบิกภูผาจะเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะสามารถวางแผนร่วมมือกันและทวงคืนขุมกำลังที่ถูกยึดไปได้

“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”

ฟู่ชางกล่าวแสดงความเห็นด้วยเช่นกัน ใช่ว่าเขาไม่ต้องการให้ความช่วยเหลือสองขุมกำลังดังกล่าว เพียงแต่เขาไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรทำในตอนนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าจอมยุทธ์ปีศาจวางแผนการนี้ไว้นานแล้วและพวกเขาไม่สามารถตามแผนของคนเหล่านั้นได้ทัน

หากสองขุมกำลังถอนตัวออกจากฐานทัพในตอนนี้ มันจะต้องเป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ปีศาจคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน การรอจนกว่าทุกคนจะรวมตัวกันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะหารือถึงการตอบโต้และจัดการกับจอมยุทธ์ปีศาจต่อไป