อริยะเมี่ยวหวากรีดร้อง สมบัติถูกทำลายทำให้มุมปากนางมีเลือดไหล
อริยะที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดต่างเบิกตากว้าง ในใจล้วนสั่นสะท้าน
ตูม!
สิ่งที่อริยะฝูหยาสำแดงคือวิชาลับจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ล่องหนไร้รูปร่าง น่าอัศจรรย์ไร้ใดเปรียบ เมื่อถูกซัดโจมตี อริยะล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เพียงแต่ไม่รอให้พลังระดับนี้เข้าใกล้ กลางนัยน์ตาหญิงลึกลับพลันสาดสัญลักษณ์ที่ประหนึ่งวิวัฒน์จากกฎระเบียบ ดับทำลายการโจมตีครั้งนี้
พรวด!
อริยะฝูหยาที่เงาร่างพร่ามัวกระอักเลือด ร่างไหวกระเพื่อมรุนแรงกลางห้วงอากาศ
และเวลานี้เอง ก็ได้ยินเสียงดังเคร้งคราหนึ่ง ระฆังสำริดถูกซัดลอยคว้างผ่านอากาศ อริยะอวี่หมิงซวนเซ โงนเงนถอยกรูดไปหลายก้าว
ทั่วลานเงียบกริบ!
บนทะเลหมากดารา เงาร่างงดงามและคลุมเครืออาภรณ์พลิ้วไสว งามสง่าไร้ทัดเทียม!
นี่ก็คือหญิงลึกลับในห้องโถงมรรคาสวรรค์คนนั้น เพิ่งจะลงมือก็สำแดงท่วงท่าสง่างามโดดเด่น ทำลายวงล้อมการโจมตีจากเหล่าอริยะ แถมยังโจมตีกลับจนอีกฝ่ายบาดเจ็บในพริบตา!
“เหล่าอริยะออกโจมตี แต่กลับไม่มีผู้ใดสั่นคลอนได้ หญิงลึกลับคนนั้นเป็นใครกันแน่”
ในมุมมืด สายตามากมายนับไม่ถ้วนต่างผุดความสะทกสะท้านอันปิดไม่มิดออกมา
ประจันบาญคราแรก เพียงการโจมตีเดียวเท่านั้นก็ปรากฏสภาพแหลกสลายเช่นนี้แล้ว ใครจะไม่สะเทือนและใจไหวสั่นได้กัน
นางเป็นใคร
ไกลออกไป หญิงลึกลับยืนตระหง่านกลางห้วงอากาศ ประหนึ่งละทางโลกเป็นเอกเทศ บริสุทธิ์ดั่งจันทรา รุ้งวิเศษเป็นสายๆ ดั่งโซ่ศักดิ์สิทธิ์กฎระเบียบรายล้อมรอบกายนาง ปรากฏภาพอัศจรรย์อันใหญ่ยิ่งและลึกลับ
รุ้งวิเศษแต่ละสายราวกับระเบียบมหามรรค ประหนึ่งสามารถวิวัฒน์กลายเป็นโลกอีกใบ ภายในบรรจุปริศนาไร้ขอบเขต ท่ามกลางความรางเลือน มีเสียงธรรมศักดิ์สิทธิ์แซ่ซ้อง สรรพชีวิตสักการะลอยออกมา
เพียงบรรยากาศสูงส่งเช่นนี้ก็สามารถสะเทือนกาลนิรันดร์ สะท้านปวงสวรรค์แล้ว!
บนชายฝั่งทะเล อริยะทั้งหกอย่างพวกฟางหลิงซู่ล้วนสีหน้าไหววูบไม่คงที่
พวกเขาเป็นใคร
เป็นบุคคลระดับอริยะที่เลื่องชื่อก้องโลกหล้ามานานแล้ว หยัดยืนบนปลายยอดสูงสุดแห่งพลังปราณในดินแดนรกร้างโบราณ ผลลัพธ์กลับเป็นประสบความพ่ายแพ้ที่นี่ เพิ่งเริ่มต่อสู้ก็ถูกโจมตีบาดเจ็บแล้ว
สำหรับคนระดับพวกเขา นี่เป็นครั้งแรก และยิ่งเป็นความอัปยศที่ไม่เคยสัมผัสมานานนม
เพราะพวกเขาไม่เคยถูกคนโจมตีบาดเจ็บมานานมากแล้ว!
“วิถีโลกคงเสื่อมถอยแล้วจริงๆ แม้จะเป็นอริยะเทียมก็ยังห่างไกลจากคนยุคบรรพกาลลิบลับ” เสียงหญิงลึกลับเย็นเยียบ ทอดถอนใจแผ่วเบาคล้ายเศร้าสลดน้อยๆ
“สหายยุทธ์เป็นอริยเทพจากที่ใดถึงกล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้”
ฟางหลิงซู่สีหน้าอึมครึม ภายในใจเดือดดาล ถูกคนเรียกขานคำก็ ‘อริยะเทียม’ สองคำก็ ‘อริยะเทียม’ พาให้เขารู้สึกต่อต้านหาที่เปรียบไม่ได้
“ข้าเป็นใคร…”
หญิงลึกลับพึมพำกับตัวเอง เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยวาจา “พวกเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติจะรู้”
ประโยคเดียว เหยียดหยันสุดจะเปรียบ!
นั่นเป็นถึงอริยะหกคน ทว่าแม้แต่คุณสมบัติที่จะรู้ชื่อของนางกลับไม่มี นี่คือความหยิ่งผยองและถือดีขนาดไหน
ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดต่างเกือบคิดว่าหูฝาดไป
“ฮ่าๆๆ บ้าบิ่นนัก! เจ้าคิดว่าพวกข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
อริยะเซวี่ยถูระเบิดหัวเราะ นัยน์ตาดั่งจันทร์สีเลือด อึมครึมเขย่าขวัญผู้คน “ทุกท่าน ควรงัดไพ่ตายแท้จริงออกมาใช้ได้แล้ว หาไม่เกรงว่าคงถูกคนเข้าใจผิดคิดว่าพวกเรารังแกได้ง่าย!”
เสียงหญิงลึกลับเยียบเย็น กล่าวว่า “รังแกพวกเจ้าแล้วอย่างไร วันนี้ไม่ว่าใครเข้ามาล้วนยากจะเดินออกจากที่แห่งนี้!”
“เหอะๆ เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ไรมาไม่มีใครกล้าเพ่งเล็งขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกข้าเช่นนี้ ต่อให้เจ้าทรงพลัง แต่หากต้องการทำเรื่องเย้ยฟ้า ก็ยังต้องล่มจม!”
ทุกถ้อยคำของฟางหลิงซู่ดุจกระบี่ ไอสังหารอัดแน่นว่ายเวียนรอบด้าน
“หากพวกนี้คือคำสั่งเสียของพวกเจ้า เช่นนั้นก็ไม่ต้องถ่วงเวลาอีกต่อไป มาตัดสินกันเถอะ”
หญิงลึกลับเยือกเย็นยิ่ง แต่กลิ่นอายในคำพูดกลับพาให้ผู้คนใจสะท้าน
นี่คือ… หมายจะสังหารอริยะ?
แม้แต่หลินสวินในใจก็ยังสั่นไหวไม่สิ้น เขาขอความช่วยเหลือจากหญิงลึกลับ เดิมทีก็แค่อยากหนีเอาตัวรอดเท่านั้น
อย่างไรเสียนั่นก็เป็นถึงอริยะหกคน น่าสะพรึงอย่างที่สิ้นสุด หยัดยืนบนจุดสูงสุดแห่งโลกหล้า ผู้ใดจะสังหารพวกเขาได้
แต่ยามนี้ท่าทีที่หญิงลึกลับแสดงออกมากลับทรงพลังถึงเพียงนั้น เห็นเหล่าอริยะราวกับไร้ตัวตน สิ่งนี้จะให้หลินสวินสงบได้อย่างไร
คราวนี้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า ตั้งแต่แรกเขาก็ประเมินความแข็งแกร่งของหญิงลึกลับผู้นี้ต่ำไปเสียแล้ว!
“ฆ่า!”
อริยะอวี่หมิงตรงไปตรงมายิ่ง เรียกตำหนักอมตะออกมาโดยพลัน
พริบตานั้นตำหนักสีสำริดนี้ก็ระเบิดอานุภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ เมื่อพุ่งไปกลางอากาศก็พาให้เวิ้งนภาถล่มครืน ทั่วทิศสนั่นหวั่นไหว หินผาต้นไม้ใบหญ้าไม่รู้เท่าไรแหลกกระจุยในชั่วพริบตา ปรากฏภาพน่าสะพรึง
ตำหนักอมตะนี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่ายามอยู่ในมือสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมากมายนัก!
และมีเพียงอริยะเท่านั้นที่อาจกระตุ้นอานุภาพแท้จริงของสมบัติอริยะระดับนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ตูม!
ตำหนักอมตะเปล่งแสง ฟ้าถล่มดินทลาย ฝุ่นควันหอบม้วนเหินเวหา ทะลวงผ่านชั้นเมฆ พาดผ่านทะเลหมากดารา พิฆาตไปทางหญิงลึกลับ
การโจมตีระดับนี้ เห็นชัดว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว
ควรรู้ว่าในทะเลหมากดารากางค่ายกลวัฏจักรดารา แต่ยามนี้กลับแทบไม่อาจสกัดกั้นสมบัติชิ้นนี้ได้เลย
“ตำหนักอมตะของแดนพิสุทธิ์อมตะ น่าเสียดาย ในยุคบรรพกาลเจ้าของมันก็ถือว่าเป็นนายเหนือหัวแกล้วกล้าคนหนึ่ง ยามนี้กลับตกต่ำถึงขั้นถูกอริยะเทียมควบคุมเสียแล้ว…”
เสียงเย็นใสเลือนรางดังสะท้านฟ้าดิน ก็เห็นหญิงลึกลับยื่นมืองามปานหยกออกมาข้างหนึ่ง ตบลงไปเบาๆ หนึ่งครา
ตึง!
ตำหนักอมตะที่ใหญ่ปานภูผาพลันส่ายไหวโอนเอน ส่งเสียงหวีดหวิวราวกับถูกอสนีฟาดโจมตี
ทั่วตัวมันปลดปล่อยไอขุ่นมัว และมีแสงมงคลพ่นกระเซ็น ตัวตำหนักสีสำรัดอันเก่าแก่นั้นผุดแผนภาพลึกลับมากมายออกมา มีทั้งต้นไม้ใบหญ้ามัจฉาแมลง ปักษาเซียนสัตว์เทพ สุริยันจันทราดาราเป็นต้น ปรากฏอานุภาพเหนือธรรมดาที่ผิดประหลาดกว่าที่ผ่านมา
แต่ต่อให้มันแข็งแกร่งเพียงใด เวลานี้กลับถูกฟาดจนสั่นพล่านดังระงม!
ใช้มือสยบสมบัติอริยะ เสียงโจมตีระดับนั้นพาให้อริยะที่ซ่อนตัวในมุมมืดต่างสะท้านใจ ปากอ้าตาค้าง ยิ่งตระหนักถึงความน่ากลังของหญิงลึกลับคนนี้ขึ้นเรื่อยๆ
“ทุกท่าน พวกเจ้าต้องรอถึงเมื่อไรกว่าจะลงมือ!”
อริยะอวี่หมิงตะโกนลั่น เขาเองก็ถูกทำให้ตกใจ นี่เป็นถึงตำหนักอมตะ สมบัติพิทักษ์สำนักของแดนพิสุทธิ์อมตะเชียว เมื่อใช้งานอย่างน้อยก็ทำให้พลังต่อสู้ของเขาพุ่งพรวดทบทวี
แต่ยามนี้กลับยังคงถูกหญิงลึกลับคนนั้นสยบได้ในการเคลื่อนไหวเดียว!
ชิ้ง!
กระบี่เทียมฟ้าโฉบพุ่งออกมา ฟางหลิงซู่ราวกับกลายร่างเป็นอริยะกระบี่ไร้ทัดเทียมอย่างแท้จริง เจตกระบี่ท่วมท้น ปั่นป่วนเมฆลม ไอสังหารพุ่งออกไป
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เมี่ยวหวาเรียกบรรทัดสยบฟ้าออกมา เต้าคุนเรียกร่มรุ้งสมบัติม่วง เซวี่ยถูเรียกประทับนรกโลหิต ฝูหยาเรียกตำราหยกสีทองออกมา…
โครมครืน!
สมบัติอริยะหกชิ้น อริยะหกคน โหมโจมตีสุดกำลังในยามนี้ ศึกอริยะเปิดฉากขึ้นที่นี่ ระเบิดปะทุอย่างสมบูรณ์
ชั่วขณะฟ้าถล่มดินทลาย กลางห้วงอากาศทุกที่ล้วนปรากฏภาพพังทลายมอดไหม้ ทุกที่ล้วนเป็นแสงวิเศษอริยมรรคเจิดจรัสสะท้านโลก เป็นภาพชวนผวาอย่างที่สุด!
นี่เป็นศึกตัดสินแห่งอริยเทพอย่างแท้จริง เจิดจ้าไร้ขอบเขต เพียงพอจะสะเทือนอดีตและปัจจุบัน สั่นคลอนเมฆลมในใต้หล้า
“สวรรค์!”
“ถอยเร็ว!”
ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดล้วนหน้าเปลี่ยนสีทันใด ต่างพากันถอยหลบ
พื้นที่ในรัศมีหมื่นลี้ล้วนแต่เป็นอานุภาพอริยะน่าสะพรึงทั้งสิ้น หากถูกคลื่นพลัง แม้จะเป็นอริยก็ยังสะบักสะบอมสุดทานทน
ส่วนพวกที่ระดับต่ำกว่าอริยะ ย่อมไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน!
เคราะห์ดีที่สถานที่นี้อยู่ในทะเลหมากกระดานรา เป็นส่วนหนึ่งของเขตหวงห้ามแห่งหนึ่ง หากอยู่ในโลกภายนอก ย่อมสร้างหายนะที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
โครมครืน!
เหล่าอริยะโหมโจมตี ต่างไม่เก็บซ่อนอีกต่อไป ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิต
ใกล้กับทะเลหมากดารา ฟ้าพลิกดินคว่ำ น้ำทะเลม้วนกลับ ปรากฏลักษณ์แห่งการทำลายล้างครั้งใหญ่ หากไม่ใช่เพราะมีค่ายกลวัฏจักรดารากระจายตัวอยู่ในนี้ ที่แห่งนี้เกรงว่าคงถูกซัดระเบิดไปนานแล้ว!
“นิ่งเงียบนานเกินไป ล้วนไม่มีผู้ใดรู้ว่าข้าเป็นใครแล้ว…”
หญิงลึกลับกลับคล้ายไม่สั่นไหว นางสาวเท้าก้าวออกมาหนึ่งก้าว ดาวเคลื่อนดาราคล้อย โซ่วิเศษกฎระเบียบหมื่นพันสายพุ่งปราดออกไป รัดตำหนักอมตะเอาไว้ทันที จองจำไว้กลางห้วงอากาศ
ตูม!
ในเวลาเดียวกันมือหยกของนางยกขึ้น เป็นรุ้งวิเศษสายหนึ่งพุ่งออกมาอีกครั้ง แวววาวเจิดจ้า มาหยุดต่อหน้าอริยะเซวี่ยถูอีกครา
“สยบ!”
อริยะเซวี่ยถูตวาดลั่น ประทับนรกโลหิตกู่ก้อง ถึงกับวิวัฒน์เป็นแดนนรกสีเลือดแห่งหนึ่ง ครอบฟ้าคลุมดิน คล้ายจะหลอมละลายฟ้าดินแถบนี้
แต่เห็นชัดว่ารุ้งวิเศษสายนั้นกร้าวแกร่งน่าสะพรึงถึงที่สุด ประหนึ่งไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ พุ่งเข้ากลางแดนนรกสีเลือด ทะลวงอุปสรรคขวางกั้นทั้งปวง!
ครืน!
เบื้องหน้ารุ้งวิเศษนี้ นรกสีเลือดถูกฉีกทึ้งแหวกขาดรุนแรงเหมือนกับภาพวาดม้วนหนึ่ง จากนั้นรุ้งวิเศษก็ม้วนตวัดปานโซ่ศักดิ์สิทธิ์ กักขังประทับนรกโลหิตเอาไว้
และส่วนหางของรุ้งวิเศษนั้นแหลมคมประหนึ่งหอกศึก เสียบทะลุร่างอริยะเซวี่ยถู ตอกขึงเขากลางอากาศทั้งอย่างนั้น!
เร็วเกินไปแล้ว ทุกอย่างล้วนว่องไวไร้ใดเปรียบ
ศึกใหญ่เพิ่งปะทุเต็มรูปแบบ ผู้ทรงพลังดั่งอริยะเซวี่ยถู แม้มีพลังปราณระดับอริยะก็ยังเป็นเหมือนว่าวกระดาษ พลังคุ้มครองร่างถูกเจาะทะลวง ตอกขึงกลางอากาศ เหมือนแมลงวันถูกขึงยึดบนกำแพง ไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกแม้เพียงเศษเสี้ยว!
มีเพียงริมฝีปากที่ส่งเสียงคำรามเจ็บปวดโหยหวนไร้ใดเปรียบ
นี่พาให้ทุกคนสะท้านขวัญนัก ปุบปับเกินไป!
ฟึ่บ!
โซ่รุ้งวิเศษพุ่งปราดออกมาอีกสาย แวววาวสว่างไสว แสงอริยเทพไหลเวียน พุ่งสู่ห้วงอากาศ จองจำบรรทัดสยบฟ้าที่ร่วงลงมาจากเบื้องฟ้าได้ในชั่วแล่น
พรึ่บ!
ในเวลาเดียวกันเงาร่างหญิงลึกลับหายไปจากห้วงอากาศ ยามที่ปรากฏตัวอีกครั้งก็มาถึงตรงหน้าอริยะเมี่ยวหวา ยกมือหยกขึ้นกดเบาๆ
เมี่ยวหวาหลบไม่ทัน ทั้งตัวล้วนถูกสยบกดให้คุกเข่าลงกับพื้น กระดูกทั่วร่างระเบิดกระจุยทีละส่วน ปวกเปียกดั่งโคลนเลน
เพียงแต่ยามนี้ร่มรุ้งสมบัติม่วง ตำราหยกสีทอง และกระบี่เทียมฟ้าล้วนโถมเข้ามา พาให้หญิงลึกลับหลบไม่ทันด้วยซ้ำ
แต่นางยังคงไม่ร้อนรน เห็นได้ชัดว่าหนักแน่นสงบนิ่งผิดธรรมดา
รอบกายนางปลดล่อยรุ้งวิเศษหมื่นพันสายแผ่กว้างออกไป ประหนึ่งโซ่วิเศษร่ายระบำบ้าคลั่ง อานุภาพที่พาให้ฟ้าดินล้วนกริ่งเกรงไหลเวียนออกมา
ปึง!
ร่มรุ้งสมบัติม่วงครวญ ถูกกักขังแน่นหนา
เคร้งๆๆ!
กระบี่เทียมฟ้ากำลังผ่าฟันอย่างบ้าคลั่ง ทุกการโจมตีล้วนเพียงพอจะเชือดเฉือนสุริยันจันทราดาราให้ร่วงโรย พลานุภาพเทียมฟ้า แต่กลับไม่อาจสร้างความเสียหายแก่รุ้งวิเศษเหล่านั้นได้สักนิด ได้แต่ระเบิดเสียงปะทะแน่นขนัดไร้ใดเปรียบออกมา รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์สาดกระเซ็นรอบด้าน
ท้ายที่สุดกระบี่เทียมฟ้าก็ถูกกักขัง ร้องครวญไม่ขาดสาย
สมบัติอัศจรรย์ที่สุดอย่างตำราหยกสีทองถึงกับกลายเป็นหมอกเมฆสีทองแถบหนึ่งทันควัน ทะลวงผ่านเกราะกำบังของรุ้งวิเศษหมื่นพันสาย แผ่ครอบลงมาทางหญิงลึกลับ
“เห ที่แท้ก็เป็นสมบัติชิ้นนี้ มันถึงกับเหลือรอดอยู่บนโลก…”
นัยน์ตาหญิงลึกลับทอประกายประหลาดใจออกมา จากนั้นริมฝีปากของนางก็ส่งเสียงหวีดหวิวแปลกประหลาด ประหนึ่งหงส์เซียนร้องขับขาน
ทันใดนั้นหมอกเมฆสีทองกลุ่มนั้นก็นิ่งงันไป จู่ๆ ถึงกับกลายเป็นปักษาเซียนประหลาดสีทองอร่ามตัวหนึ่ง สยายปีกกลางอากาศ ทั่วร่างไหลเวียนด้วยแสงสีทอง ย้อมฟ้าดินให้เป็นสีเหลืองทองทั้งแถบ
หญิงลึกลับยื่นฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นหงส์เซียนสีเหลืองทองตัวนั้นก็ขึ้นไปยืนอย่างว่าง่าย ส่งเสียงร้องด้วยความยินดีคราหนึ่ง
ภาพนี้มหัศจรรย์ไร้ใดเปรียบ พาให้ทุกคนในลานต่างตกตะลึงอึ้งค้าง!
——