บทที่ 1504 ได้เจอลั่วหลีอีกครั้ง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

เมื่อลำแสงโบราณเคลื่อนลงมา

คลื่นหลิงทรงพลังก็กวาดออก ทำให้ทุกคนที่อยู่นอกเมืองต้องตกตะลึง

“…เผ่าไท่หลิงก็มาที่นี่ด้วยเรอะ!”

“จุ๊ๆ สี่เผ่าโบราณ ปรากฏการณ์นี้หาได้ยากอย่างแท้จริง…”

“ความสัมพันธ์ของมู่เฉินน่ากลัวมาก ไม่เพียงแต่เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามเท่านั้น แต่เขายังมีความสัมพันธ์กับเผ่าไท่หลิงด้วย…”

“ใช่เลย ดีที่ช่วงนี้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดทำให้เทพจอมยุทธ์ทั้งสองไม่สามารถออกจากดินแดนของตนได้ มิฉะนั้นเผ่าหมัวเฮอคงตกที่นั่งลำบากในตอนนี้แน่”

“…”

เมื่อได้ยินบทสนทนา สีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็เขียวคล้ำ แม้แต่ดวงตาของหมัวเฮอเทียนยังจมลงเนื่องจากการปรากฏตัวของเผ่าไท่หลิงทำลายแผนการของเขาลงทั้งหมด

ทว่านี่ก็ทำเอาเขารู้สึกงุนงง เผ่าไท่หลิงไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเผ่าฝูถู ทำไมพวกเขาจึงยอมเสี่ยงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้

“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิงนี่เอง ขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับ” ถึงอย่างไรหมัวเฮอเทียนก็สมกับเป็นประมุข ดังนั้นในเขาจึงหายจากอาการตื่นตะลึงอย่างรวดเร็ว

เมื่อเสาแสงสลายไป ร่างเงาสองร่างก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคน

หนึ่งในนั้นเป็นชายชราแต่กลับมีผิวเรียบเนียนราวกับเด็กทารกพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรประดับอยู่บนริมฝีปาก ม่านตาเต็มไปด้วยภูมิปัญญาและความลึกลับ

หมัวเฮอเทียนค่อนข้างคุ้นเคยกับชายชราคนนี้ดี เขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าไท่หลิง—ผู้อาวุโสไท่หมิง

ทุกคนพากันจ้องมองไปที่ไท่หมิงชั่วครู่ ก่อนที่คนด้านข้างจะดึงดูดสายตาของพวกเขาไป

นางมีผมสีเงินยวงยาวสลวยอยู่ในชุดสีดำปักลวดลายดวงดาว แสงสีม่วงกำจายออกมาจากช่วงปลายของเสื้อ

รูปลักษณ์นางช่างโดดเด่นพร้อมกับผิวเปล่งประกายด้วยความกระจ่างใส ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อยดูขี้เล่น สิ่งที่ดึงดูดพวกเขามากที่สุดคือม่านตาทั้งคู่ที่ราวกับผลึกแก้วใส บริสุทธิ์ราวกับว่าสามารถมองทะลุความคิดของผู้อื่นได้ เมื่อทุกคนมองเข้าไปในนัยน์ตานั้นต่างก็รู้สึกมึนเมา

ลำคอเรียวระหงงดงาม ถัดลงมาส่วนโค้งเว้าก็ดูสะดุดตาอย่างยิ่ง ช่างเป็นสัดส่วนราวกับสวรรค์สร้าง…

นี่คือหญิงสาวที่มีจิตวิญญาณรายรอบตัว

นี่เป็นประโยคที่ปรากฏในหัวทุกคนเมื่อมองไปที่หญิงสาวคนนั้น ดวงตาอัดแน่นด้วยความตกใจในความงดงาม

“ฮ่าๆ เจ้ามากมารยาทจริง อย่าตำหนิที่ข้ามาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า” ไท่หมิงยิ้มตาหยี

หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกถามว่า “ข้าว่าเผ่าของเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใช่หรือไม่? ทำไมท่านถึงเข้ามายุ่งเรื่องครั้งนี้”

เผชิญหน้ากับคำถามของหมัวเฮอเทียน ไท่หมิงก็ถอนหายใจอย่างหดหู่ เขาชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “อย่าโทษเรื่องนั้นเลย สาวน้อยคนนี้กระวนกระวายใจที่จะช่วยเหลือคนรักของนาง ดังนั้นข้าเลยถูกบีบบังคับให้ต้องปรากฏตัว…”

หมัวเฮอเทียนหรี่ตาหันไปมองหญิงสาว “ไม่ทราบว่าเจ้าคือใคร?”

“ข้าชื่อลั่วหลี ต้องขอบคุณเหล่าผู้อาวุโสเผ่าไท่หลิงที่ให้ความสำคัญกับข้า ตอนนี้ข้าเป็นธิดาเทพของเผ่าเจ้าค่ะ” ลั่วหลีที่ยืนอยู่ข้างไท่หมิงยิ้ม เผชิญหน้ากับคำพูดของหมัวเฮอเทียน เสียงของนางเบาหวิวแต่ไม่มีนัยของการยอมจำนน นี่ทำให้จอมยุทธ์หลายคนดวงตาลุกโชนชื่นชมเลยทีเดียว

“ธิดาเทพเผ่าไท่หลิง?” หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้วเข้าหากัน เผ่าไท่หลิงไม่มีประมุข มีเพียงธิดาเทพและใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่งนี้จะเทียบเท่ากับจักรพรรดินีเผ่าไท่หลิงซึ่งมีอำนาจสูงสุด

ทว่าเผ่าไท่หลิงมีขั้นตอนที่เข้มงวดในการคัดเลือก ตำแหน่งนี้จึงว่างเปล่ามานาน แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งธิดาเทพรึ?

“ในเมื่อเจ้าเป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิง เจ้าก็ควรมองว่าเผ่าไท่หลิงสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด หากเจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจนำปัญหาไปสู่เผ่าไท่หลิงนะ” หมัวเฮอเทียนเทียนพูดด้วยน้ำเสียงคุกคาม

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดนี้ ลั่วหลีก็ยิ้มด้วยความรักใคร่และความเสน่หาในดวงตา ขณะที่เลื่อนไปมองชายคนรัก “ข้าเป็นธิดาเทพก็เพื่อเขา… ถ้าข้าช่วยเขาไม่ได้แล้วข้าจะเป็นธิดาเทพไปทำไมล่ะ?”

คำพูดของนางทำให้เกิดเสียงทอดถอนหายใจนับไม่ถ้วนทันที จากนั้นทุกสายตาก็มองไปที่มู่เฉินด้วยความอาฆาตมาดร้าย

ชายคนนั้นไม่เพียงแต่แช่ในความสุขของโอกาสเท่านั้น เขายังมีหญิงคนรักที่โดดเด่นเช่นนี้อยู่ข้างกาย เพื่อเขานางสามารถเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียนได้ไม่หวั่นเกรง โชคดีจนน่าอิจฉาเสียจริง

“ลั่วหลีน้อย เจ้าช่างไม่สนใจหัวใจที่เปราะบางของชายชราคนนี้สักนิดเลย…” ไท่หมิงบ่นกระปอดกระแปด

เมื่อลั่วหลีได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางก็รู้สึกเขินอายไปบ้างตอบว่า “ท่านรู้เรื่องนี้ไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้อาวุโสใหญ่?”

ไท่หมิงถอนหายใจก่อนจะมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่มีความสุข ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนั้น ลั่วหลีจะได้เป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิงอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

“ความสัมพันธ์ของธิดาเทพเผ่าไท่หลิงกับมู่เฉินคืออะไร?” ฝูถูเฉวียนก็ตกใจกับคำพูดเหล่านั้น

เมื่อมองไปที่ลั่วหลีดวงตาของชิงเหยี่ยนจิ้งก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ นางเคยพบกับลั่วหลีในทวีปเป่ยชาง ดังนั้นความประทับใจของนางที่มีต่อลั่วหลีจึงลึกซึ้งมาก เพราะเด็กสาวคนนี้มีความสามารถโดดเด่นและนิสัยมั่นคง

“ลูกสะใภ้ข้าน่ะ” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มขณะมองไปที่ฝูถูเฉวียนด้วยความภาคภูมิใจ

บุตรชายของนางมีความสามารถ ไม่เพียงแต่เขาจะเฟ้นหาว่าที่ฮูหยินที่งดงามเช่นนี้ แต่ยังเป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิงอีกด้วย

ฝูถูเฉวียนอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ “ไอ้หนูนั่นมีความสามารถแท้จริง คว้าได้กระทั่งธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง”

เผชิญหน้ากับเสียงเหล่านั้น ใบหน้าหมัวเฮอเทียนก็ดิ่งลงขณะมองไปที่ลั่วหลีและไท่หมิง “ดูเหมือนพวกเจ้ายืนกรานจะแทรกแซงให้ได้นะ แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอีกคนก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก”

มีเพียงไท่หมิงเท่านั้นที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แม้ว่าขุมพลังของลั่วหลีจะเพิ่มสูงขึ้นและบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว แต่ก็เป็นอยู่ในขั้นหลิงเท่านั้น

ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไท่หมิงก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เจ้ากำลังประเมินธิดาเทพเผ่าไท่หลิงของข้าต่ำเกินไป”

ลั่วหลีกะพริบตาจากนั้นก็วาดตราประทับ

ฮึ่ม!

รัศมีโบราณพวยพุ่งขึ้นจากกระหม่อมของลั่วหลี ทุกคนต้องตกใจเมื่อเห็นแผนภาพโบราณแผ่ออกมาเหนือร่างนาง

แผนภาพโบราณดูเก่าแก่มาก แต่กลับปล่อยความผันผวนคลื่นหลิงรุนแรง เหมือนจะมีร่างเงาแสงปรากฏอยู่เลือนรางด้วย

ความกดดันที่กำจายออกมาเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!

เมื่อมองไปที่แผนภาพนั่น ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนก็ยิ่งไม่น่าดู มากจนแม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนยังฉายความตกตะลึงในแววตา

“นั่นคือ…ยอดสมบัติของเผ่าไท่หลิง—แผนภาพวิญญาณโบราณ?!”

เสียงอุทานเปล่งลั่นพร้อมกับหัวใจที่ตกใจไม่แพ้กัน

ก่อนที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทุกคนของเผ่าไท่หลิงจะละสังขาร พวกเขาจะผนึกคลื่นหลิงลงในแผนภาพ ทำให้มันมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว

พูดได้เต็มปากเลยว่าเพียงแค่พลังของแผนภาพนี้อย่างเดียวก็เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว

ข้อเสียอย่างเดียวก็คือเผ่าไท่หลิงมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับการเลือกเจ้าของ หลายปีที่ผ่านมามีไม่เกินสามคนเท่านั้นที่ครอบครองมันได้

ก็เป็นเพราะเช่นนั้น พวกเขาจึงตกใจมากที่เห็นลั่วหลีสามารถควบคุมได้

ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้แล้วว่าทำไมไท่หมิงถึงให้ความสำคัญกับลั่วหลีมากขนาดนี้… การบัญชาแผนภาพวิญญาณโบราณได้ ต่อให้นางมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเท่านั้น แต่กระทั่งพวกขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้

เมื่อมองไปที่ลั่วหลี มู่เฉินก็ทั้งสุขใจและปวดใจ เพราะเขารู้ว่านางต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายเพียงใดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของมู่เฉิน ลั่วหลีก็เอี้ยวหน้ามองกะพริบตาอย่างขี้เล่น เหมือนกับจะบอกว่านางกำลังไล่ตามเขาทันแล้วนะ…

เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของหญิงสาวคนรัก มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ เขารู้สึกถึงความกล้าหาญที่เพิ่มพูนในอก จึงมองไปที่หมัวเฮอเทียนด้วยสายตาเฉียบคม อึดใจเสียงของเขาที่อัดแน่นด้วยเจตนาต่อสู้ก็ดังก้อง

“หมัวเฮอเทียน ถ้าอยากได้ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็แสดงฝีมือออกมาเอง วันนี้ข้ามู่เฉินขอเห็นความน่าเกรงขามของประมุขเผ่าหมัวเฮอหน่อยจะเป็นไร!”

เสียงหัวเราะของเขาดังก้อง ทำให้ทุกคนตกตะลึง

‘นี่มู่เฉินกำลังท้าทายหมัวเฮอเทียนเรอะ!’