ตอนที่ 1100: ความตกตะลึงของร้อยเผ่าพันธุ์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1100: ความตกตะลึงของร้อยเผ่าพันธุ์

โถงศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของคนของร้อยเผ่าพันธุ์ มันเป็นเหมือนเสากลางที่คอยค้ำจุนทั้งทวีป โถงเทพเจ้าสงคราม !

ในตอนนี้ ชายชราผิวเหี่ยวย่นทั้งสิบคนที่มีหูชี้ก็กำลังนั่งอยู่บนพื้นในโถงที่โออ่าในโถงเทพเจ้าสงคราม เขาคำรามออกมาเป็นแสงสีเขียว ในขณะที่พลังชีวิตของเขาก็รั่วไหลออกไปอย่างรวดเร็ว วิญญาณของเขาอ่อนแอลงไวมากเช่นกัน และแม้แต่ผิวหนังของเขาก็เหี่ยวย่นมากขึ้น

คนหลายร้อยคนที่มีฐานะต่างกันนั่งอยู่ตรงหน้าชายเอลฟ์ ใบหน้าของพวกเขาโศกเศร้า

“อย่าเศร้าเสียใจไปเลย การอยู่หรือตายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ ข้าแค่ต้องจากไปเร็วกว่า” ชายชราเอลฟ์ยิ้มอย่างเฉยชา เขาเป็นผู้อาวุโสประจำโถงเทพเจ้าสงคราม เขาเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุดมานานแล้ว เขากำลังพบกับวาระสุดท้ายของชีวิต วิญญาณเขาจะสลายไปหมดในไม่ช้านี้ ทั้งหมดที่จะเหลืออยู่มีเพียงร่างกายของเขาเท่านั้น

“โซฮาร์ เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ข้าจะตามเจ้าไปเองในอีกร้อยปี” ชายชราในชุดแดงพูดออกมาเสียงแหบแห้ง อารมณ์ของเขานั้นหนักแน่นมาก เขาก็เป็นผู้อาวุโสประจำโถงเช่นกัน และชื่อของเขาคือเยนสัน และเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกร้อยปีเท่านั้น

ชายชราเอลฟ์มองไปที่ท้องฟ้าและถอนหายใจยาวออกมา “การที่จะได้เป็นเซียนจักรพรรดิเป็นอะไรที่ยากขึ้นทุกทีในตอนนี้…” วิญญาณของเขากระจายออกไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เขาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแล้ว และในตอนที่วิญญาณของเขาหายไปจนหมดสิ้น ในตอนนั้นเขาก็จะตายไป

ทำใดนั้นเอง เขาก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมา ตาของเขาเริ่มส่องประกายด้วยความสนใจ ในขณะที่เขาร้องออกมา “นะ นี่เป็นพลังแห่งการมีอยู่ของเทพเจ้าสงคราม.. ข้ารู้สึกถึงพลังแห่งการมีอยู่ของเทพเจ้าสงครามจริง ๆ ในที่สุดเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว”

สิ่งที่ชายชราเอลฟ์พูดนั้นน่าตกตะลึงมาก น่าตกตะลึงจนท่าทางของทุกคนในตอนนี้เปลี่ยนไป

“โซฮาร์ เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? เจ้าสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของเทพเจ้าสงครามงั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสประจำโถงที่มีความแข็งแกร่งเท่ากันร้องออกมาอย่างตกตะลึง

ทุกคนก็ตกใจ ใบหน้าของพวกเขานั้นไม่เชื่อ แต่ความไม่เชื่อของพวกเขาก็แทนที่ด้วยความยินดีในไม่ช้า

เทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์หายไปมากกว่าล้านปีแล้ว เทพเจ้าสงครามมีความหมายมากต่อร้อยเผ่าพันธุ์ ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นเทพเจ้าของทุกคนในร้อยเผ่าพันธุ์ เขายังเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์และเบิกบานของร้อยเผ่าพันธุ์

ชายเอลฟ์ชราตื่นเต้นมาก เขาพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเทา “วิญญาณของข้ากระจายออกไปรอบ ๆ ดังนั้นมันจึงไปรวมกับธรรมชาติในเวลาสั้น ๆ ในตอนนั้น ข้าก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของเทพเจ้าสงคราม”

“โซฮาร์ เจ้ามั่นใจนะว่านั่นคือเทพเจ้าสงคราม ? เจ้าแน่ใจนะ ? ” ผู้อาวุโสประจำโถงชุดขาวถาม เขาก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน

ชายเอลฟ์ชรายืนขึ้นและมองออกไปไกล เขาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “ข้าสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของเทพเจ้าสงครามหลายครั้งที่ดินแดนต้องห้าม และจิตต่อสู้ที่สุดยอดขนาดนี้มาจากเทพเจ้าสงครามเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเลียนแบบมันได้ ดังนั้นไม่ผิดแน่ มันไม่ผิดแน่นอน มันต้องใช่เทพเจ้าสงครามแน่ เทพเจ้าสงครามของเราจุติลงมาบนโลกแล้วในที่สุด และร้อยเผ่าพันธุ์จะรุ่งโรจน์อีกครั้ง” ชายชราตื้นตันมาก ในขณะที่น้ำตาขุ่น ๆสองสายก็ไหลมาอาบแก้มของเขา

“เจ้าสัมผัสได้ไหมว่าเทพเจ้าสงครามอยู่ที่ไหนตอนนี้ ? พวกเราจะไปต้อนรับเทพเจ้าสงครามที่ยิ่งใหญ่ทันที” ผู้อาวุโสประจำโถงถามอย่างเร่งเร้า

วิญญาณของชายชรากระจายออกไปเร็วขึ้นเร็วขึ้น ในขณะที่พลังชีวิตของเขาก็รั่วไหลออกไป เขาเหี่ยวย่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาส่ายหน้าและพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย “ข้าแค่สัมผัสถึงพลังแห่งการมีอยู่ของเทพเจ้าสงครามในตอนที่วิญญาณของข้ากระจายออกไปรอบ ๆ และกลายเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติ ข้าไม่สามารถสัมผัสได้ว่าเทพเจ้าสงครามอยู่ที่ไหน”

“พวกเราจะส่งคำสั่งไปให้ตามหาเทพเจ้าสงครามที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าพวกเราจะต้องตามหาทั่วทั้งทวีป พวกเราก็จำเป็นต้องหาท่านให้เจอ” ผู้อาวุโสที่เป็นที่เคารพของโถงเทพเจ้าสงครามพูดออกมาอย่างตื้นตัน

“ในตอนนี้ เทพเจ้าสงครามคนใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว พวกเราจำเป็นต้องเก็บรวบรวมขนสัตว์อสูรที่เหลืออยู่มาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะให้เทพเจ้าสงครามทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เช่นนั้น ข้าก็กังวลว่าสัตว์อสูรและมนุษย์อาจจะทำอันตรายแก่เขาก่อนที่เขาจะเติบโตได้เต็มที่” ชายวัยกลางคนร่างกำยำพูดออกมา แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนพื้น แต่เขาก็ยังสูงถึงห้าเมตร เขาเป็นหัวหน้าตระกูลของยักษ์

“ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่าองค์กรลอบสังหารที่พวกเราสร้างขึ้นมาอย่างลับลับบนทวีปเทียนหยวนได้ถูกบางคนทำลายล้างไป ความยากในการที่จะตามหาขนสัตว์อสูรบนทวีปเทียนหยวนได้เพิ่มขึ้นมาแล้วในตอนนี้” ผู้อาวุโสประจำโถงพูดเสียงทุ้ม

“อะไรนะ ? หอยามะถูกทำลายอย่างนั้นหรือ ? นั่นไม่ได้หมายความว่าหนทางเดียวที่เหลือที่พวกเราจะหาขนสัตว์อสูรนั่นได้ มีเพียงแค่การร่ายทักษะลับเท่านั้นหรือ ? “

“สิ่งที่ต้องแลกกับการร่ายทักษะลับนั้นมีมากเกินไป มันจำเป็นต้องสละเซียนราชาขั้นสูงสุด และมันก็เป็นที่สังเกตมาก ๆ ไม่เพียงแต่พวกเราจะหาพบเท่านั้น แต่แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็จะรู้ไปด้วย พวกเราให้ผู้อาวุโสหลายคนร่ายทักษะลับหลายครั้งในอดีต แต่สุดท้ายขนสัตว์อสูรก็ไปตกอยู่ในมือของตระกูลผู้พิทักษ์ แม้ว่าพวกเราจะรู้ว่าพวกขนสัตว์อสูรอยู่ที่ไหนก็ตาม มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาพวกมันมาเมื่อตระกูลผู้พิทักษ์เข้ามายุ่งเกี่ยว”

“ด้วยการค้นหาที่เกิดจากผู้อาวุโสมากกว่าสิบคนในอดีต ขนสัตว์อสูร 13 อันจากทั้งหมด 18 อันได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว พวกเรามีครอบครองแค่ 4 อันเท่านั้น ที่เหลืออีก 9 อันอยู่กับตระกูลผู้พิทักษ์และเมืองทหารรับจ้างของทวีปเทียนหยวน เช่นเดียวกันกับหอคอยสัตว์เทวะ พวกเราไม่รู้ว่าขนสัตว์อสูรที่เหลืออีก 5 ชิ้นอยู่ที่ไหน”

“ถ้าพวกเราจำเป็นที่จะต้องรวบรวมทั้งหมดสิบแปดชิ้น พวกเราจะเป็นต้องเอาขนสัตว์อสูรในครอบครองของตระกูลผู้พิทักษ์และทวีปสัตว์เทวะ พวกเราจำเป็นต้องเริ่มสงครามไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้น มันจึงไม่เป็นปัญหาถ้าพวกเขาจะรู้ว่าขนสัตว์อสูรเหล่านั้นอยู่ที่ไหน”

สมาชิกระดับสูงของโถงเทพเจ้าสงครามหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ วันนี้เป็นวันที่ผู้อาวุโสประจำโถงกำลังจะตายเพราะหมดอายุขัย และมันควรจะเป็นวันที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก แทนที่กัน บรรยากาศนั้นกลับกันเพราะข่าวเรื่องการถือกำเนิดอีกครั้งของเทพเจ้าสงคราม ไม่มีอะไรสำคัญต่อร้อยเผ่าพันธุ์ไปมากกว่าการกำเนิดใหม่ของเทพเจ้าสงคราม

ชายชราเอลฟ์พูด “เจ้าพูดถูก ในตอนนี้เทพเจ้าสงครามได้กำเนิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว พวกเราต้องรวบรวมขนสัตว์อสูรทั้งสิบแปดอันให้ได้ในเวลาที่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเราจะต้องสู้กับตระกูลผู้พิทักษ์และทวีปสัตว์เทวะไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นพวกเราจะต้องไปกังวลว่าขนสัตว์อสูรที่เหลือจะไปตกอยู่ในมือของพวกเขาทำไมกันล่ะในตอนนี้ ? ชีวิตของข้าจะสลายไปในธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นชีวิตของข้านั้นมันไร้ค่าเหมือนปุยนุ่น แต่ดูเหมือนข้าจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือน้อยนิดของข้าเพื่อเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้ ทำไมไม่ให้ข้าเสียสละชีวิตของข้าและตามหาขนสัตว์อสูรที่เหลือทั้งห้าล่ะ ? “

“พวกเราสามารถทำได้แค่นั้นในตอนนี้ โซฮาร์ เจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ดังนั้นใช้ทักษะลับเพื่อหาขนสัตว์อสูรที่เหลือทันทีเลย จาร์ลี่ ใช้คำสั่งเทพเจ้าสงครามเพื่อเรียกเซียนราชาของทวีปมา เพื่อที่พวกเขาจะได้มาที่โถงเทพเจ้าสงครามเร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ และจากนั้นส่งทูตออกไปเพื่อตระเวนหาเทพเจ้าสงครามที่ยิ่งใหญ่ให้ทั่วทั้งทวีป” เยนสันที่อยู่ในชุดสีเพลิงตัดสินใจออกสั่งการออกไป

“เรียกเซียนระดับราชาทั้งหมดของร้อยเผ่าพันธุ์มา ? ผู้อาวุโส พวกเรากำลังจะประกาศสงครามกับทวีปเทียนหยวนงั้นหรือ ? ” ทุกคนในโถงตกใจ

ผู้อาวุโสประจำศาลาส่ายหน้า ในตอนนี้ ตาของเขาก็หรี่เล็กลงมาก เหมือนว่าเขาสามารถมองทะลุมิติได้ เขาดูเหมือนจะกลัวมากในขณะที่พูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ พวกเราจะไม่ประกาศสงครามกับทวีปเทียนหยวน พวกเรากำลังจะประกาศสงครามกับตระกูลผู้พิทักษ์ ถ้าขนสัตว์อสูรอันอื่นโผล่มา คนของตระกูลผู้พิทักษ์ต้องไปเก็บมันมาเป็นของตัวเองแน่ ตระกูลของพวกเขาจะมีกำลังอ่อนลงจากเรื่องนี้ และพวกเราจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่พวกเขาอ่อนกำลังลงในการโจมตีตระกูลผู้พิทักษ์ พกวเราจะเอาขนสัตว์อสูรกลับมา”

“ผู้อาวุโสที่เคารพ พวกเราจะประสบความสำเร็จจริงหรือ ถ้าพวกเราโจมตีตระกูลผู้พิทักษ์ ? ” จอมยุทธที่มีชื่อเสียงในกลุ่มถามขึ้นมา

ผู้อาวุโสตอบกลับ “ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเราทั้งหมดอาจเทียบกับทวีปเทียนหยวนไม่ได้เป็นอย่างมาก แต่จอมยุทธของพวกเราทั้งหมดก็ได้มารวมตัวกันในครั้งนี้ แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งหมดจะร่วมมือกัน พวกเขาก็หยุดพวกเราไม่ได้”

บนทวีปเทียนหยวน ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเมืองทหารรับจ้างเป็นผู้คุมกฎที่สุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ยังมีตระกูลโบราณและองค์กรใหญ่อีกมาก เช่นเดียวกันกับตระกูลสันโดษบางตระกูลที่อยู่ในเขตห่างไกลออกไป ดังนั้น แม้ว่าร้อยเผ่าพันธุ์จะอ่อนแอกว่าทั้งทวีปเทียนหยวนมาก แต่พวกเราก็แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับตระกูลผู้พิทักษ์ได้

หลังจากที่มีคำสั่งเทพเจ้าสงครามออกไป เซียนราชาทั้งหมดของทวีปแห่งความสูญเปล่าก็เปิดประตูมิติเพื่อที่จะมาที่โถงเทพเจ้าสงคราม แม้ว่าหลายคนจะอยู่ไกลมาก แต่การเดินทางระยะไกลสำหรับเซียนราชาก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนการหายใจ

ในไม่ช้า เซียนราชามากกว่าสองร้อยคนก็มารวมกันที่โถงเทพเจ้าสงคราม มันเป็นคนจำนวนมาก และทั้งหมดก็เป็นเซียนราชาของร้อยเผ่าพันธุ์

เยนสันเป็นผู้อาวุโสประจำโถงของโถงเทพเจ้าสงคราม เขาเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุดมาหลายปีแล้ว และเขาอยู่มากว่าหกพันปีแล้ว เขามีชีวิตเหลืออยู่อีกร้อยปีก่อนที่จะหมดอายุขัย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นคนที่มีเกียรติภูมิที่ยิ่งใหญ่บนทวีป เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของร้อยเผ่าพันธุ์ เขาอธิบายการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ของเทพเจ้าสงคราม เช่นเดียวกันกับแผนในการตามหาขนสัตว์อสูร ให้กับทุกคน

จอมยุทธทั้งหมดที่มารวมกันนั้นตื่นเต้นมากในตอนที่พวกเขาได้ยินว่าเทพเจ้าสงครามนั้นได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ สมาชิกที่เก่าแก่บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสเอลฟ์ประจำโถงก็เสียสละชีวิตของเขาเพื่อร่ายทักษะลับที่จะใช้ตามหาขนสัตว์อสูร แผนที่ของทวีปเทียนหยวนปรากฎขึ้นบนพื้นที่ที่ว่างเปล่าตรงหน้าเขาและค่อย ๆ ชัดขึ้น ท้ายสุด เมืองและเทือกโบราณก็ปรากฎขึ้นมา ในขณะที่บอลสีทองสองจุดก็ส่องประกายอย่างต่อเนื่องในภาพสองภาพ

ร่างของผู้อาวุโสเอลฟ์กลายเป็นเถ้าถ่านหลังจากที่ร่างทักษะลับ แม้แต่กระดูกของเขาก็ไม่เหลือไว้เลย วิญญาณของเขาได้กระจายหายไปแล้ว ทั้งหมดที่เหลืออยู่มีเพียงเจตนารมณ์ของเขา

“พลังงานส่วนใหญ่ของข้าได้กระจายไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงสามารถหาขนสัตว์อสูรได้แค่สองในห้าอันที่เหลือเท่านั้น ที่เหลืออีกสามอันถูกพลังที่ลึกลับขวางกั้นเอาไว้ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถหามันได้ อย่างไรก็ตาม ข้ามั่นใจว่าที่เหลืออีกสามอันนั้นอยู่ที่เดียวกัน…”