ตอนที่ 2,374 : ต้วนหลิงเทียนลงมือ
“หืม?”
ด้วยเสียงตะโกนดังลั่นของสื่อเฟิงที่อยู่ๆก็โพล่งขึ้นมา ทำให้หลี่ปิงที่เดือดดาลไปด้วยความหัวร้อนจนกำลังจะลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนเพราะบันดาลโทสะจำต้องหยุดชะงักลงทันใด ก่อนที่จะหันไปมองจ้องสื่อเฟิงตาเขม็ง ลึกลงไปในแววตายังฉายความสงสัยออกมาให้เห็น
มาถึงจุดนี้แล้ว หลี่ปิงย่อมรู้ว่าสื่อเฟิงเป็นผู้นำของเหล่าผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟรุ่นนี้
เมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนตัวมันเองก็เคยเป็นผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟ อีกทั้งยังเป็นผู้นำเหล่าผู้พิทักษ์เหมือนกัน ทำให้กล่าวไปฐานะของมันกับสื่อเฟิงนั้นเทียบเท่ากันมันจึงให้ความสำคัญกับอีกฝ่าย
หากเป็นคนอื่นตะโกนรั้งมันเอาไว้ตอนนี้ มันจะไม่ให้ค่าอะไรเลย…
“ท่านบรรพบุรุษ โปรดฟังเรื่องนี้ของผู้น้อยก่อน…เมื่อครู่ผู้พิทักษ์ชิงหั่วได้กล่าวถามศิษย์อย่างก่านหรูเยี่ยนมา และนางได้บอกต่อผู้พิทักษ์ชิงหัวว่า…ต่อให้ท่านบรรพบุรุษอีกคนของเรามาถึงและผนึกกำลังกับท่าน ก็ยังมิอาจเป็นคู่ต่อสู้ต้วนหลิงเทียนได้!!”
เมื่อเห็นหลี่ปิงหยุดฟังและหันมามองถามด้วยสายตาสงสัย สื่อเฟิงไม่รอช้าเร่งส่งเสียงผ่านพลังกล่าวบอกออกไปทันที
“เฮอะ! เจ้าหมายความว่าอะไร…ต่อให้ข้ากับหวังชงผนึกกำลังกัน ก็ยังมิใช่คู่มือของสารเลวน้อยต้วนหลิงเทียน?”
หลี่ปิงหลงคิดว่าสื่อเฟิงจะมีเรื่องสำคัญอะไร แต่มันไม่คิดเลยว่าที่อีกฝ่ายตะโกนรั้งตัวเองเอาไว้ จะเป็นการส่งเสียงผ่านพลังมากล่าวบอกเรื่องเหลวไหลหาสาระมิได้แบบนี้ออกมา! ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะมองสื่อเฟิงด้วยสายตาดูแคลน มุมปากยกยิ้มแสยะค่อยแค่นเสียงเย้ยเยาะ!!
ไม่เหมือนกับสื่อเฟิงที่ส่งเสียงผ่านพลัง หลี่ปิงเลือกที่จะพูดออกมาตรงๆ
ดังนั้นวาจาของมันจะทำให้ทุกผู้คนโดนรอบรู้สึกประหลาดใจครั้งใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“เอ่อ ฟังจากที่ท่านบรรพบุรุษกล่าวออกมา…เมื่อครู่ท่านผู้พิทักษ์สื่อเฟิงได้ส่งเสียงกล่าวาเตือนท่านบรรพบุรุษเหรอ…ว่าต่อให้ท่านบรรพบุรุษหลี่ปิงจะร่วมมือกับท่านบรรพบุรุษหวังชงอันเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เช่นกัน ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียน?”
“สมควรเป็นแบบนั้นไม่ผิดแน่…หาไม่แล้วไฉนจู่ๆท่านบรรพบุรุษหลี่ปิงถึงได้กล่าวแบบนั้นออกมากันเล่า?”
“ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงเสียสติไปแล้วรึไง?”
…
เหล่าศิษย์และอาวุโสของลัทธิบูชาไฟย่อมตกตะลึงกับเรื่องราวที่อุบัติขึ้นไม่น้อย พวกมันถึงกับหันไปมองสื่อเฟิงด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งไม่เข้าใจ…
ว่าไฉนผู้พิทักษ์สื่อเฟิงของพวกมันถึงกล่าวเรื่องเหลวไหลแบบนี้กับท่านบรรพบุรุษผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟอย่างหลี่ปิง ที่เป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!
“ต้วนหลิงเทียนมิใช่ว่าเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะรึไง? ต่อให้จะมีข้ารับใช้ขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์อยู่ข้างกาย แต่ก็เป็นไปมิได้เลยที่จะหยุดท่านบรรพบุรุษเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ 2 คนที่ผนึกกำลังรวมมือกัน!”
“นั่นสิ…ให้เป็นยอดฝีมือเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่ร้ายกาจกว่า 2 หมัดก็ยากต้านทาน 4 ฝ่ามือ นับประสาอะไรกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่พลังฝีมือพอๆกัน”
“ที่ท่านผู้พิทักษ์สื่อเฟิงส่งเสียงผ่านพลังกล่าวกับท่านบรรพบุรุษเช่นนี้…มิใช่มีเจตนาปกป้องต้วนหลิงเทียนรึไง?”
…
เหล่าศิษย์และอาวุโสของลัทธิบูชาไฟทั้งหลายเชื่อว่าที่สื่อเฟิงส่งเสียงไปกล่าวรั้งบรรพบุรุษหลี่ปิงเอาไว้แบบนั้น เป็นการกล่าวเรื่องเหลวไหล หมายปกป้องต้วนหลิงเทียน!
“ใต้เท้าบรรพบุรุษ ข้า…”
สื่อเฟิงย่อมคิดไม่ถึงจริงๆวว่าหลี่ปิงจะแฉคำเตือนของมันออกมาแบบนี้ อีกทั้งไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศิษย์และอาวุโสคนอื่นๆของลัทธิบูชาไฟ จะมองเจตนาดีของมันเป็นร้าย! กลายเป็นมันคิดกล่าวเหลวไหลเพื่อปกป้องต้วนหลิงเทียนไปเสียได้! มันจึงอดเป็นกังวลขึ้นมากระทั่งอึ้งไปชั่วขณะ หากแต่มันก็เร่งกล่าวสืบต่อออกมาหมายแก้ไข…
“หุบปาก!!”
ทว่าหลี่ปิงไม่คิดจะฟังวาจาใดของมันสืบไป เพียงตะคอกเสียงเย็นขัดคำสื่อเฟิง “วันนี้ต่อให้เจ้าคิดพูดช่วยต้วนหลิงเทียนให้ตาย แต่มันก็ไม่มีวันรอดพ้นความตายไปได้!!”
“และรอให้ข้าสำเร็จโทษตายให้มันก่อนเถอะ! ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง!!”
ฟังเสียงตะคอกด้วยโทสะอย่างเกรี้ยวกราดของหลี่ปิงก็บอกให้รู้ ว่ามันไม่เพียงไม่เชื่อคำเตือนด้วยความหวังดีของสื่อเฟิงแม้แต่น้อย ยังจะคิดบัญชีกับสื่อเฟิงหลังฆ่าต้วนหลิงเทียนอีกด้วย!!
เห็นว่าเรื่องราวกลับกลายเป็นอีหร็อบนี้ อีก 3 ผู้พิทักษ์ที่เหลือก็ได้แต่เผยยิ้มขื่นขม
ถึงแม้พวกมันเองก็เตรียมตัวเตรียมใจมาบ้างแล้วว่าอาจพบเห็นจุดจบเช่นนี้ แต่พอเจอเข้าจริงๆพวกมันก็อดหัวเราะเยาะตัวเองออกมาไม่ได้…
เพราะหากให้พวกมันลองไปแทนที่หลี่ปิง แล้วมองเรื่องราวในมุมของอีกฝ่าย ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้…
แต่เหตุผลที่ทำให้ไฉนพวกมันจึงเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เพราะพวกมันมีน้ำใจไมตรีกับชิงหั่วมานานปี และพวกมันยังรู้จักก่านหรูเยี่ยนจ้าวลัทธิคนใหม่ของพวกมันดี
“หลี่ปิง”
เมื่อเห็นว่าสื่อเฟิงถูกหลี่ปิงเมินเฉยทั้งคาดโทษราวตัวโง่งมตัวหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันในใจ ขณะเดียวกันก็หันมองไปยังหลี่ปิงด้วยสายตาไม่แยแส พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฟังแล้วดูเหมือนเจ้าไม่คิดจะกล่าวคำสาบานตามที่ข้าว่างั้นสินะ?”
“เฮอะ! น้ำหน้าอย่างเจ้า…คิดว่ามีคุณสมบัติพอให้ข้าหลี่ปิงผู้สูงส่งคนนี้กล่าวคำสาบานจริงหรือ?”
เมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หลี่ปิงเมื่อหันมองไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสีหน้าก็ฉายชัดถึงความดูแคลนหยามหยัน พลังที่เริ่มซาลงเพราะชะงักร่างไปก่อนหน้าเริ่มลุกโหมขึ้นมาอีกครั้ง!
กลิ่นอายพลังอันสุดไพศาลทั้งทรงพลังอำนาจครอบงำ เริ่มแผ่ซ่านออกมาสะกดบีบคั้นในบรรยากาศอีกรอบ!
“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว…”
ได้ยินคำของหลี่ปิง ต้วนหลิงเทียนเพียงหยีตาลงกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ในเมื่อสุราคารวะไม่รับ ชมชอบสุราจับกรอก…เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็รั้งอยู่ที่นี่ไปชั่วกาลเถอะ…”
ความนัยวาจาที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออก ไม่มีอะไรมากไปกว่าวันนี้หลี่ปิงต้องตายอยู่ที่นี่!
ในเมื่อหลี่ปิงตกตายลงที่นี่ ย่อมเสมือนมันอยู่ที่นี่ไปชั่วกาล!!
“วาจาเขื่องโข พูดได้ไม่อายปาก!”
หลี่ปิงนับว่าถูกต้วนหลิงเทียนยั่วให้โทสะพุ่งสุดหลอดแล้วจริงๆ ร่างมันพลันพุ่งทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานกระสุนปืนใหญ่!
“วาจาเขื่องโขไม่อายปากหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะยกเท้าย่ำความว่างเปล่าออกมาอย่างไร้เรื่องราว แลคล้ายไม่ได้กริ่งเกรงสภาวะร่างหลี่ปิงที่โถมเข้ามาอย่างดุร้ายแม้แต่น้อย
ฟุ่บ! ฟุ่บ!!
ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนพลันอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า ติดตามหลี่ปิงที่อันตรธานหายไปจากสายตาทุกคนก่อนหน้าทันที แน่นอนว่ายกเว้นเฉินอี้หรูไว้คนหนึ่ง!
“เร็วยิ่ง!!”
ความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก ย่อมทำให้เหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟตื่นตระหนกเป็นธรรมดา!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อเฟิงที่เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนยังตะลึงยิ่งกว่าผู้ใด
‘ให้ตายเถอะ! ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะให้เร็วให้ตาย แต่ก็ไม่มีทางหายตัวไปจากสายตาข้าอย่างสิ้นเชิงแบบนี้มิใช่รึไง!?’
มาตอนนี้สื่อเฟิงมั่นใจเต็มสิบส่วนแล้ว…
ก่านหรูเยี่ยนไม่ได้พูดโกหก!
แต่ถึงแม้มันจะมั่นใจได้ว่าก่านหรูเยี่ยนไม่ได้พูดโกหกเต็มสิบส่วน แต่มันยังจะทำอะไรได้อีก?
ในเมื่อบรรพบุรุษของลัทธิบูชาไฟอย่างหลี่ปิงไม่เชื่อมันแม้ครึ่งคำ!
“หืม?”
หลี่ปิงที่ทะยานร่างออกไป ย่อมพบได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนก็กล้าพุ่งสวนเข้าหามันอย่างไร้ความหวาดกลัว!
ตอนแรกสีหน้ามันฉายแววเย้ยหยันดูแคลนไม่น้อย แต่ทว่าเมื่อตระหนักได้ถึงความเร็วในการพุ่งร่างของต้วนหลิงเทียนว่าไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามันแม้แต่น้อย หน้ามันก็อดเปลี่ยนสีไปไม่ได้!
‘ได้ไงกัน!?’
ใบหน้าที่เคยฉาบไว้ด้วยความเย้ยเยาะหยันหยามของหลี่ปิงสลายหายไปทันที บัดนี้คงเหลือแต่สีแห่งความตื่นตระหนกตกใจอันอธิบายไม่ได้รวมไปถึงในใจยังบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่ง…
‘บัดซบ! นี่ไม่ใช่ความเร็วที่ขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะจะมีได้เลย!!’
‘ความเร็วมัน…ถึงกับไม่น้อยไปกว่าข้า!!’
จังหะนี้หลี่ปิงอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจอย่างหนัก เพราะตัวมันกระทั่งหลับยังไม่เคยฝันถึง…
ว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะสูงล้ำขนาดนี้!
‘กลิ่นอายวิญญาณของมันยังบรรลุถึงแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่ผิดแน่…ทั้งข้ายังสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายพลังของมันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของครึ่งก้าวเซียนอมตะจึงไม่มีทางเป็นเซียนอมตะเสเพลแน่…แต่ไฉนครึ่งก้าวเซียนอมตะถึงบรรลุขอบเขตความเร็วระดับนี้ได้กัน!?’
จังหวะนี้หลี่ปิงตกตะลึง ยังตกตะลึงพรึงเพริดแล้วจริงๆ
ปงงง!!
เสียงดังสนั่นลั่นขึ้นก้องฟ้า เป็นหลี่ปิงที่โจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งสวนเข้ามา ได้ตบฟาดฝ่ามือออกไปอย่างเกรี้ยวกราด!
ซู่มมม!!
ทันใดนั้นมวลพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลประหนึ่งไร้เทียมทาน พลันปะทุพุ่งออกไปดั่งมังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์ ยังผลให้ความว่างเปล่าตามรายทางอุบัติเป็นรอยแยกมิติยิบย่อยมากมาย!
และในขณะที่มวลพลังฝ่ามือพุ่งไปสร้างรอยแยกมิติยิบย่อยไปเป็นทาง หลี่ปิงก็ได้เร่งเร้าพลังถึงขีดสุดช่วงชิงสภาวะมีเปรียบ โถมถันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งสวนเข้ามาตามพลังฝ่ามือของตัวไปอย่างเกรี้ยวกราด!!
“กระบี่มา!!”
หลี่ปิงที่ช่วงชิงสภาวะมีเปรียบจากการลงมือก่อนคำรามออกมารอบหนึ่งพลางยกมือขึ้น พลังเซียนต้นกำเนิดอันผสานไว้ด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เร่งเร้าขึ้นทั่วร่างพลันแผ่พุ่งออกมาเหนือฝ่ามือทันที!
พริบตามวลพลังดังกล่าวก็ควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่สีเขียวยาว 3 ฉื่อเล่มหนึ่ง!
ทั้งหมดอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ!
และในขณะที่ร่างต้วนหลิงเทียนที่พุ่งสวนเข้ามาเจียนปะทะกับพลังฝ่ามือหลี่ปิงนั้นเอง…
“ใจกระบี่เหิน”
ต้วนหลิงเทียนหาได้นำพาพำลังฝ่ามือทั้งสภาวะดุดันของหลี่ปิง เพียงจี้ดัชนีกระบี่ออกไปตามอำเภอใจเบื้องหน้า ทว่าทันใดนั้นเองพลังเซียนต้นกำเนิดอันผสานไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด พลันปะทุไหลเชี่ยวผ่านชีพจรเซียน 99 สายทะลักออกไปยังปลายนิ้ว ก่อนผนึกควบอุบัติเป็นกระบี่พลังสีขาวพิสุทธิ์เสมือนจริงเล่มหนึ่ง! กระบี่พลังพุ่งทะยานออกไปปานเส้นสายอัสนี มองแล้วยังคล้ายดาวตกลัดฟ้ายามค่ำคืน!!
ฟั่ฟฟฟ!!
กระบี่พลังพุ่งทะยานแหวกฟ้าส่งเสียงหอนหวีดหวิว! ในสายตาของหลี่ปิงเสมือนมีประกายแสงวาบหนึ่งเท่านั้น!!
‘ระ…เร็ว!!’
ในขณะที่หลี่ปิงผู้โถมถันเข้ามาอย่างดุร้ายบังเกิดความคิดดังกล่าว มันก็บังเกิดความปวกแปลบที่แขนขวา!
หลังจากนั้นมันก็พบว่าบัดนี้แขนขวาของมันไม่ทราบขาดหายไปที่ใดแล้ว!
ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่อาจมองตามได้ทันเลย!
ว่ากระบี่ที่พุ่งมาดั่งลำแสงนั่นมันฝ่าพลังฝ่ามือที่มันซัดไปตอนไหน! แล้วพุ่งเข้ามาสะบั้นแขนขววาของมันจนขาดด้วนเสมอไหล่ได้อย่างไร…!!
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!!
…
พอร่างต้วนหลิงเทียนที่อันตรธานหายไปปรากฏตัวขึ้นมาสู่สายตาทุกคนอีกครั้ง เบื้องหน้าก็บังเกิดเป็นรอยแตกมืดดำอันน่ากลัวลากยาวออกไป และคล้ายรอยแยกดังกล่าวาจะไม่ปิดตัวลงภายในไม่กี่ลมหายใจแน่นอน…
อีกทั้งเมื่อความว่างอุบัติรอยแยกมิตินี้ขึ้นมา ก็เสมือนเป็นจอมพลท่ามกลางหมู่ทหารตัวกระจ้อยอย่างรอยแยกมิติยิบย่อยที่เกิดจากน้ำมือหลี่ปิงก็ไม่ปาน…!
และรอยแยกมิติอันน่ากลัวที่ว่า ก็ปรากฏขึ้นหลังกระบี่พลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนนพุ่งทะยานออกไป! เป็นกระบี่นั่นที่ฉีกเปิดความว่างเปล่าชวนสยองนี่!!
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
“ขะ…แขนท่านบรรพบุรุษไปที่ใด ไฉนขาดด้วนเสมอไหล่? หรือต้วนหลิงเทียนเป็นคนตัดแขนท่านบรรพบุรุษ!?”
…
หลี่ปิงที่ถูกตัดแขนไปอย่างไรก็ไม่ทราบ ก็ได้สิ้นสูญสภาวะใดๆ ร่างมันหยุดชะงักค้างกลางหาว จนทำให้เหล่าคนของลัทธิบูชาไฟแลเห็นมันอีกครั้ง และภาพที่เห็นก็คือหลี่ปิงที่แขนขวาขาดด้วนเสมอไหล!!
วู้ม!
อย่างไรก็ตามหลังพวกมันแลเห็นหลี่ปิงที่แขนขวาขาดด้วนเสมอไหล่ พวกมันก็พบว่าแขนขวาที่ขาดกระเด็นจนเจียนจะร่วงตกฟ้า อยู่ๆก็สลายกลายเป็นพลังไร้สภาพขุมหนึ่งพุ่งย้อนกลับไปที่ร่างหลี่ปิง…ยังพุ่งไปบริเวณแขนที่ขาดด้วน!
พริบตาต่อมา พลังขุมดังกล่าวก็กลับกลายเป็นแขนขวาหลี่ปิงอีกครั้ง!
และยังมีลักษณะเดียวกันกับก่อนหน้าไม่มีผิดเพี้ยน!
ร่างกายของเซียนอมตะเสเพลนั้นต่างจากผู้คนทั่วไป เพราะมันเป็นดั่ง ‘ร่างพลังงาน’
เซียนอมตะเสเพลนั้น ตราบใดที่ไม่ถูกดับชีพในการลงมือเพียงครั้ง ย่อมสามารถใช้พลังของตัวเองฟื้นฟูสภาพร่างกายได้…
“ซะ…เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!”
“จะ…เจ้าสามารถลงมือด้วยพลังที่เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ได้ยังไง!?”
หลี่ปิงที่หยุดร่างค้างกลางหาว พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สีหน้ามันก็ตกใจทั้งเหลือเชื่อ ทำราวกับพบพานภูตผีกลางวันแสกๆ
มันคิดไม่ถึงจริงๆ!
ว่าผู้ที่เป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ กลับลงมือได้รุนแรงทั้งทรงพลังไม่ต่างใดจากเซียนอมตะเสเพล 5ทัณฑ์!
“หึ!”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะตอบคำถามของหลี่ปิงที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ ทว่ากลับเป็นเฉินอี้หรูที่อดสถบเสียงเย็นออกมาด้วยความดูแคลนไม่ได้ “หลี่ปิงเจ้าคงยังไม่รู้สินะ…แต่ว่านายท่านของข้าผู้นี้คือผู้สืบทอดของท่านผู้อาวุโสเซียนกระบี่ ฟงชิงหยาง! ยังเป็นผู้ที่ได้รับสืบทอดเคล็ดวิชากระบี่ในตำนานของท่านอาวุโสเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!!”
เซียนกระบี่…ฟงชิงหยาง!?!
ทันทีที่ได้ยินเฉินอี้หรูกล่าวประโยคนี้ออกมา ร่างหลี่ปิงถึงกับสะท้านสั่นเทิ้มขึ้นมาทันใด สีหน้ายังแปรเปลี่ยนไปหนักหนา ‘ขะ…ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง!?’
ผู้นำแห่งทวาราเที่ยงแท้ ก็คือผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ และนั่นย่อมเป็นผู้สืบทอดของฟงชิงหยาง หมอกพิรุณรุ่นก่อน!!
สำหรับหลี่ปิงแล้ว นามฟงชิงหยางหาได้แปลกปลอมแต่อย่างไร
‘ย้อนกลับไปในยุคนั้น…เซียนกระบี่ฟงชิงหยางที่มีพลังฝึกปรือเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ยังถึงขั้นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ได้ทั้งๆที่ตกอยู่ในวงล้อม!’
คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใจหลี่ปิงยิ่งสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ!