ตอนที่ 1251 บริสุทธิ์ผุดผ่องดุจดั่งหยก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นายน้อยเจ็ดผู้นั้นก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีเคยเจอมาแล้ว คราก่อนที่ถูกนางตบจนหน้าบวมเป่งดูเหมือนว่าตอนนี้จะหายดีแล้ว

มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เดิมทีนายน้อยเจ็ดเป็นคนเสแสร้งคนเดียวยังนับว่าเป็นเรื่องปกติ

ทว่า หนึ่งคน สองคน สามคนล้วนแต่เป็นเหมือนกันหมด นั่นมันก็แปลกแล้วล่ะ!

ทั้งสามคนเหมือนก้อนหินอัปลักษณ์สามก้อนที่เอาแต่ยืนแน่นิ่งเย่อหยิ่งไม่ยอมพูดจาอยู่ตรงนั้นและให้พวกเขารออยู่เช่นนั้นต่อไป

สุดท้ายกลุ่มคนที่คลั่งไคล้พวกเขากลุ่มหนึ่งกลับรู้สึกเคารพเลื่อมใสพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง สมกับที่เป็นนายน้อยจริง ๆ สูงส่งจนยากที่ผู้ใดจะเอื้อมถึง ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก

เมื่อได้ยินคำพูดคุยของพวกเขาเหล่านี้แล้ว มุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย

เวลาในการทดสอบผ่านมาช่วงหนึ่งแล้ว แต่ทั้งสามกลับยังไม่ชี้แจงอันใด ทุกคนจึงทำได้เพียงแค่อดทนรอ

รอจนถึงเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม น้ำเสียงเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้น “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว!”

ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์จะมาจริง ๆ

ร่างในชุดสีขาวผ่องเดินย่างกรายมาอย่างเชื่องช้า แต่ละก้าวที่เหยียบลงบนพื้นจะปรากฏดอกบัวขึ้น เส้นผมสีดำขลับ และผิวพรรณขาวงามผ่องนั้นถูกห่อหุ้มด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์

แสงเย็นปรากฏขึ้นอยู่ในดวงตาคู่นั้น กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของนาง มีบุคลิกค่อนข้างคล้ายกับเหลิ่งหนิงจือมาก

แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว กลับไม่เหมือนกันเลยสักนิด

เหลิ่งหนิงจือเปรียบเสมือนกระบี่ฝักหนึ่ง มีความแหลมคมอยู่ แต่หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้บริสุทธิ์ผุดผ่องดุจดั่งหยก เย่อหยิ่งอีกทั้งยังสูงส่งอีกด้วย

กระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งกับบุปผาน้ำแข็ง มันช่างแตกต่างกันมาก

หญิงสาวที่งดงามปานนี้ แม้แต่นายน้อยทั้งสามผู้ที่ไร้ความรู้สึกนั้นต่างก็มองจนไม่อาจละสายตาได้เลย

นายน้อยเจ็ดออกไปทักทายและกล่าวว่า “น้องชิงเอ๋อร์ เจ้ามาเร็วเกินไปแล้ว ให้พวกเขารออีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก”

“น้องชิงเอ๋อร์มาแล้ว!” นายน้อยหกก็ดูกระตือรือร้นมาก!

กลับเป็นนายน้อยห้าต่างหากที่ค่อนข้างจะเมินเฉยเล็กน้อย “ในเมื่อน้องชิงเอ๋อร์มาแล้วก็รีบเริ่มทำการคัดเลือกเถอะ!”

สีหน้าเมินเฉย แต่สายตากลับมองไปที่ร่างชุดขาวนั้นอย่างไม่รู้ตัว

อวี้ปิงชิงเดินมาอย่างนิ่งสงบราวกับไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขาก็มิปาน

พวกเขาทั้งสามรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่กลับคุ้นชินกับนิสัยเฉยเมยเช่นนี้ของอวี้ปิงชิงแล้ว

ต้องรู้เอาไว้ก่อนว่าพวกเขาถูกขนานนามว่านายน้อยทั้งเจ็ด แต่กลับไม่มีผู้ใดได้เป็นนายน้อยแห่งตำหนักเลยแม้แต่คนเดียว

แต่อวี้ปิงชิงกลับเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง สถานะของนางจึงสูงส่งกว่าพวกเขามาก

สายตาของอวี้ปิงชิงเย็นชา ถึงแม้ว่าทุกคนจะชื่นชมนาง แต่กลับไม่กล้ามองนางมากเกินไป

“เปิดอาณาจักรน้ำแข็ง!”

อาณาจักรน้ำแข็งเป็นมิติหนึ่งของการดำเนินการทดสอบของตำหนักเป่ยหาน เมื่ออาณาจักรน้ำแข็งกำลังจะถูกเปิด แต่พวกเขายังไม่รู้กฎเกณฑ์

ในตอนนี้เองนายน้อยเจ็ดก็กล่าวขึ้นว่า “ในอาณาจักรน้ำแข็งมีไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งอยู่ ยิ่งหาไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งเจอมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีโอกาสทดสอบในด่านต่อไปมากขึ้นเท่านั้น”

“การทดสอบด่านต่อไปมีเพียงแค่สามพันคนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ ส่วนคนที่เหลือทั้งหมดจะต้องถูกคัดออก และนี่ก็คือกฎ หากเข้าใจแล้วก็เข้าไปเถอะ!”

จากนั้น นายน้อยเจ็ดก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไปแล้ว!

ราวกับว่าถ้าพูดออกมาสักอีกหนึ่งคำก็จะทำให้เสียเนื้ออันโอชะไปอีกหนึ่งชิ้นก็มิปาน

ทุกคนก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ของตำหนักเป่ยหานล้วนแต่จะมีนิสัยเย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็ไม่มีวิธีแล้วเหมือนกัน

ครั้นแล้วทุกคนจึงรีบเข้าไปในอาณาจักรน้ำแข็ง และในขณะที่พวกเขาเข้าไปในอาณาจักรน้ำแข็งพวกเขาต่างก็งุนงงไม่เข้าใจ

แล้วนี่ตกลงจะไปหาไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งได้จากที่ไหนกัน รูปร่างหน้าตาไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งเป็นเช่นไรพวกเขายังไม่รู้เลย!

มู่เฉียนซีเองก็เดินไปอย่างไม่เข้าใจเหมือนกับพวกเขา การทดสอบในครั้งที่แล้วของตำหนักตงจี๋นางยังสามารถอาศัยเสี่ยวหงได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำเช่นไร!

นางแอบบ่นในใจว่า ช่วยชี้แจงให้เข้าใจกว่านี้สักหน่อยมันจะตายนักรึไง ชิ รู้จักแต่ทำตัวเสแสร้งไปวัน ๆ!

ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจก็ต้องตามหาต่อไป มาถึงขั้นนี้แล้วไม่มีทางยอมแพ้ไปง่าย ๆ เพียงเพราะความยุ่งยากแค่นี้แน่นอน

ร่างสีขาวเคลื่อนไหวออกไปราวกับว่าหลอมรวมเข้ากับอาณาจักรน้ำแข็งหิมะนี้ไปแล้วก็มิปาน

ทันทีที่คนเหล่านี้เข้าไป นายน้อยเจ็ดก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที

เขามองอวี้ปิงชิงและกล่าวอย่างเอาใจว่า “น้องชิงเอ๋อร์ ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีในอาณาจักรน้ำแข็งนั้นกำลังจะโตเต็มที่แล้ว เราเข้าไปเก็บมันด้วยกันดีหรือไม่?”

นายน้อยหกกล่าว “ใช่ ๆ ๆ! หากน้องชิงเอ๋อร์ใช้ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนั้นพลังก็จะเพิ่มขึ้นถึงสองระดับ เฟิงอวิ๋นซิวนั่นก็จะไม่มีชื่อเสียงที่จะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ เช่นนั้นตำแหน่งนั้นก็ต้องเป็นของน้องชิงเอ๋อร์แล้ว”

นายน้อยห้ากล่าว “ก็จริง! หากน้องชิงเอ๋อร์ได้กลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ ก็จะสามารถกดขี่ข่มเหงตำหนักตงจี๋ได้ เมื่อถึงตอนนั้นท่านหัวหน้าตำหนักก็อาจจะรับเจ้าเป็นศิษย์ก็ได้”

คำพูดที่นายน้อยเจ็ดกับนายน้อยหกพูด อวี้ปิงชิงไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย แต่เมื่อนายน้อยห้าพูด ดวงตาของอวี้ปิงชิงก็เปล่งประกายขึ้น

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดบอกเอาไว้ว่า อนุญาตให้ข้าไปเก็บไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนั่น หากการคัดเลือกในครั้งนี้สำเร็จไปอย่างราบรื่น ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีก็จะเป็นรางวัลของข้า” อวี้ปิงชิงกล่าวอย่างเย็นชา

“ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตามข้าไป!” กล่าวจบ อวี้ปิงชิงก็เดินเข้าไปด้านใน

นายน้อยเจ็ดรีบตามไป “ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนั่นมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าปกป้องอยู่ พวกเราไม่วางใจให้น้องชิงเอ๋อร์ไปคนเดียว! ข้าจะไปเป็นเพื่อนน้องชิงเอ๋อร์…”

ครั้นแล้วพวกเขาทั้งสามจึงตามนางเข้าไป ในขณะที่พวกเขาเข้าไปนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดก็หัวเราะขึ้น “เหอะ ๆ ๆ! เจ้าเด็กพวกนี้!”

“ผู้อาวุโสสูงสุด ถึงแม้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะมีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้านั่นก็กำลังจะทะลวงพลังวิญญาณเข้าสู่ระดับหกแล้วนะ มันไม่ง่ายที่จะรับมือได้เลย!”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “นับว่าเป็นการฝึกฝนประสบการณ์ของชิงเอ๋อร์ก็แล้วกัน หากชิงเอ๋อร์ได้ใช้ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนั่นและเพิ่มพลังวิญญาณถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดได้ ท่านหัวหน้าตำหนักก็คงจะไม่ปฏิเสธที่จะรับนางเป็นศิษย์”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ในดินแดนสี่ทิศนี้ นอกจากเฟิงอวิ๋นซิวผู้ประหลาดนั่นแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่มีผู้ใดฝึกบำเพ็ญจนพลังถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดได้ก่อนอายุสามสิบปีมาก่อนเลย ท่านหัวหน้าตำหนักจะปฏิเสธศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไรกันล่ะ!” ชายชราผู้หนึ่งอีกคนกล่าว

ไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งเป็นแก่นวิญญาณชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรน้ำแข็ง และมีประโยชน์เฉพาะผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็งเท่านั้น ดังนั้นพวกเขารวบรวมมาได้ก็เพื่อที่จะผ่านด่านเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์อื่นใดสำหรับพวกเขาเลย

หามาตั้งนาน ในที่สุดมู่เฉียนซีก็หาเจอบางส่วนแล้ว เมื่อมองดูไข่มุกผลึกใสนี้ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไข่มุกวิญญาณน้ำแข็ง! ในที่สุดก็หาเจอแล้ว”

การเก็บเกี่ยวนี้ได้มาไม่น้อยเลย แต่ตอนนี้เองมีคนมาที่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน

“เจ้าหนุ่ม โชคไม่เลวเลยหนิ! หาไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งเจอไม่น้อยเลย เห็นแก่การแบ่งปัน เช่นนั้นก็แบ่งให้พวกข้าสักหน่อยสิ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ทำไมข้าจะต้องแบ่งให้พวกเจ้าด้วย”

“เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะได้หมัดของข้าไปน่ะสิ คนอย่างเจ้า…”

ระหว่างที่กล่าวอยู่นั้นหมัดของเขาก็ลอบโจมตีไปทางมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีเอาเข็มยาเข็มหนึ่งออกมาแทงหมัดนั้นของเขา เสียง ฉึก! ดังขึ้น และยาในเข็มก็ถูกฉีดเข้าสู่บนหลังมือของชายผู้นั้น

อ๊า! อ๊า! อ๊า! เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เขาเจ็บปวดจนหน้าตาบิดเบี้ยวไปแล้ว

มู่เฉียนซีมองเขาด้วยท่าทางไร้เดียงสาราวกับคนที่ไม่มีความผิดใด “หมัดของเจ้ามันหนักมากนักเหรอ แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันแข็งสู้เข็มยาของข้าไม่ได้ล่ะ?”

“เจ้าหนุ่มบัดซบ! จับมันเดี๋ยวนี้!” คนผู้นั้นกล่าวกับสุนัขรับใช้ของเขา

“ข้าจะหักแขนมัน ข้า…”

เผชิญหน้ากับการโจมตีของพวกเขา มู่เฉียนซีหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย พลังที่นางแผ่ซ่านออกมากลับทำให้พวกเขาหัวเราะขึ้น “จักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ พลังอ่อนแอเช่นนี้ ใครกันที่ทำให้นางมั่นใจในตัวเองแล้วมาเข้าร่วมการทดสอบเข้าตำหนักเป่ยหานในครั้งนี้!”