ตอนที่ 1064 โจมตีนิกายหมื่นบุปผา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ทุกคนหารือกันและตัดสินใจวางแผนได้อย่างรวดเร็ว

เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จอมยุทธ์จากเมืองราชวงศ์แห่งมณฑลกลางและฟู่ชางจะประจำอยู่ที่สำนักเมฆาคราม

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จากนิกายกระบี่สายฟ้าก็จะร่วมมือกับจอมยุทธ์ยอดฝีมือของสำนักเมฆาครามเพื่อบุกโจมตีนิกายหมื่นบุปผา

สำนักเบิกภูผาและนิกายหงส์แดงก็จะรับหน้าจัดการกับสำนักห้าขุนเขา ในขณะที่นิกายธาราแดง นิกายมังกรฟ้าและนิกายพยัคฆ์ขาวจะร่วมมือกันเพื่อโจมตีนิกายเมฆาล่องลอยและนิกายเต่าดำที่อ่อนแอที่สุด

ขุมกำลังขนาดเล็กอื่น ๆ ก็กระจัดกระจายกันไปเข้าร่วมกับขุมกำลังต่าง ๆ เพื่อเดินหน้าโจมตีฝ่ายศัตรูด้วยกัน

หลังจากหารือกัน ทุกคนก็เตรียมความพร้อมอย่างรวดเร็วและเริ่มดำเนินการโจมตีขุมกำลังที่ได้รับมอบหมายทันทีโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสตั้งตัว

ณ นิกายหมื่นบุปผา ฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ กำลังรวมตัวเพื่อหารือถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน

“เจ้าพวกขยะไร้น้ำยา ไม่คาดคิดว่าจะปล่อยให้อาณาเขตถูกยึดคืนกลับไปได้ พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์สิ้นดี !”

สีหน้าของมังกรกระดูกดำเหยเกอย่างยิ่งขณะแสดงความเกรี้ยวโกรธต่อฮวาฟางเฟยและทุกคน

สำหรับสถานการณ์ในสมรภูมิโบราณก่อนหน้านี้ มันถอนกำลังออกมาและเก็บตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตน คิดไม่ถึงเลยว่าภายในเวลาเพียงไม่กี่วันนี้ ฐานทัพส่วนใหญ่ที่จอมยุทธ์ปีศาจยึดครองมาได้จะถูกอีกฝ่ายยึดคืนกลับไป เรียกได้ว่าข้อได้เปรียบที่พวกเขามีอยู่ก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงและในเวลานี้สถานการณ์ก็ตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากการตอบโต้กลับครานี้ ขวัญและกำลังใจของฝ่ายดินแดนมหาเทพก็พัฒนาขึ้นมากและยากที่จะรับมือได้มากยิ่งกว่าก่อน

กล่าวได้ว่าแผนการที่จอมยุทธ์ปีศาจเตรียมความพร้อมมาเนิ่นนานได้ล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“ท่านมังกรกระดูกดำ เราเองก็ไม่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น ทว่าคนพวกนั้นชิงลงมือย่างรวดเร็วเกินไปและความแข็งแกร่งของพวกเขาก็มากเกินกว่าที่จะเราจะรับมือได้ กว่าเราจะตอบโต้ได้ทัน อาณาเขตเหล่านั้นก็ถูกยึดคืนไปแล้วและไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก”

จูเสวียนอู่—จ้าวนิกายเต่าดำกล่าวด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย

พวกเขาเองก็ไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าขุมกำลังใหญ่ของดินแดนมหาเทพจะรวมตัวกันตอบโต้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบจนฝ่ายของพวกเขาไร้หนทางที่จะรับมือด้วย

“มังกรกระดูกดำ พวกเรากับจอมยุทธ์ปีศาจของพวกเจ้ามีความสัมพันธ์เชิงร่วมมือกัน มิใช่เป็นลูกน้องของพวกเจ้า เรามีส่วนทำให้เกิดสถานการณ์ก่อนหน้านี้จริงทว่ามันมิใช่ความตั้งใจให้เกิดขึ้น ขุมกำลังใหญ่ของดินแดนมหาเทพล้วนแข็งแกร่งพอสมควร ในตอนแรกเราก็โจมตีพวกเขาทีเผลอจนยึดครองอาณาเขตของพวกเขามาได้สำเร็จ ตอนนี้การที่พวกเขาจะตอบโต้กอบกู้อาณาเขตกลับคืนไปได้ มันก็เป็นเรื่องที่ธรรมดา เจ้าไม่จำเป็นต้องวางท่าสูงส่งและกล่าวโทษพวกเราเช่นนี้ !”

เยว่ปู้ฉิน—จ้าวสำนักห้าขุนเขากล่าวตอบโต้มังกรกระดูกดำอย่างไม่สบอารมณ์

แม้การที่ฐานทัพของขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายถูกทวงคืนจะมิใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของดินแดนมหาเทพก็เหนือกว่าพวกเขาเล็กน้อยและมีจำนวนคนที่มากกว่า มันจึงมิใช่เรื่องแปลกที่คนเหล่านั้นจะกอบกู้อาณาเขตกลับคืนไปได้ ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลยที่จะมังกรกระดูกดำจะต้องโวยวายใส่พวกเขาเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่มังกรกระดูกดำปรากฏตัวในนิกายหมื่นบุปผา มันก็วางท่าสูงส่ง เย่อหยิ่ง และปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นลูกน้องมาเสมอ ซึ่งในฐานะจ้าวสำนักห้าขุนเขา เยว่ปู้ฉินย่อมไม่พอใจอย่างธรรมดา

สำนักห้าขุนเขาเป็นหนึ่งในขุมกำลังภายในสามสำนักและเก้านิกายซึ่งมีพลังอำนาจที่เป็นรองเพียงสำนักเมฆาครามเท่านั้น เขาไม่เคยต้องทนต่อการกระทำหยามเกียรติเช่นนี้มาก่อน การที่เขาเลือกร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจก็เพื่อให้ได้เป็นผู้ปกครองของดินแดนมหาเทพเท่านั้น มิใช่การต้องยอมทนต่อการดูหมิ่นจากมังกรกระดูกดำ

“มังกรกระดูกดำ แม้ว่าเจ้าจะทรงพลังมากก็จริง ทว่าเสียอวิ๋นก็ควรจะอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราและจอมยุทธ์ปีศาจให้เจ้าได้เข้าใจแล้ว ครานี้เราทั้งหมดต่างก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในส่วนของตน เจ้าจะต้องวางท่าสูงส่งและโอหังเช่นนี้เพื่อแสดงอำนาจบารมีให้ใครเห็นกัน ?!”

จ้าวนิกายฮวาฟางเฟยแห่งนิกายหมื่นบุปผากล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่ไว้หน้ามังกรกระดูกดำแม้แต่น้อย

หากเสียอวิ๋นอยู่ที่นี่ นางก็อาจหวาดหวั่นและแสดงความเคารพมากกว่านี้ ทว่าตอนนี้มีเพียงมังกรกระดูกดำที่นางไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจเท่าใดนัก

“เหอะ ในเมื่อข้าบอกว่าพวกเจ้าเป็นขยะไร้น้ำยา พวกเจ้าก็เป็นขยะไร้น้ำยาจริง ๆ พวกเจ้าอาจจะคิดว่าตนเองกำลังร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่าแท้จริงแล้วพวกเจ้าก็เป็นเพียงลูกน้องที่ต่ำต้อยของเราเท่านั้น หากพวกเจ้ายอมเชื่อฟังเสียดี ๆ ข้าก็จะลืมเรื่องนี้ไป ทว่าหากริอาจต่อต้านข้าละก็…ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นถึงวิธีการสั่งสอนของข้า !”

มังกรกระดูกดำแค่นเสียงเย็นชาและแผ่แรงกดดันทรงพลังตรงไปกดข่มฮวาฟางเฟยทันที

มังกรกระดูกดำเป็นตัวตนที่ทรงพลังและเผด็จการโดยธรรมชาติอยู่แล้วและมันไม่จำเป็นต้องใส่ใจคนของนิกายหมื่นบุปผาหรือสำนักห้าขุนเขา แม้แต่ในจอมยุทธ์ปีศาจ มันก็ถือว่าอยู่ในสถานะเท่าเทียมกับเสียอวิ๋น แม้ความแข็งแกร่งของมันในปัจจุบันจะยังห่างไกลจากระดับสูงสุดมากนัก มันก็มิใช่สิ่งที่มนุษย์ที่ต่ำต้อยเหล่านี้จะต้านทานได้

“พูดจามั่นใจจริงเชียว !”

เยว่ปู้ฉินแค่นเสียงเบา ๆ และแผ่แรงกดดันออกไปเพื่อต้านทานแรงกดดันของมังกรกระดูกดำไว้

ฮวาฟางเฟยก็ขมวดคิ้วมุ่นและพยายามต้านทานแรงกดดันของอีกฝ่ายเช่นกัน

“คุกเข่าต่อหน้าข้าผู้นี้เสียดี ๆ !”

ก่อนหน้านี้มังกรกระดูกดำต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บและความอับอายเพราะฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมาแล้วหลายคราซึ่งทำให้มันคับแค้นใจอย่างที่สุด การที่ฮวาฟางเฟยและเยว่ปู้ฉินกล้าประจันหน้ากับมันเช่นนี้ทำให้มันไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม ในเวลานี้มันก็เพียงโบกมือและปลดปล่อยคลื่นพลังรุนแรงเข้าใส่คนทั้งสองด้วยหวังที่จะให้เหตุการณ์ในวันนี้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูและแสดงให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงพลังที่แท้จริงของมัน

ตูมมม !

ทั้งเยว่ปู้ฉินและฮวาฟางเฟยถอยหลังออกไปหลายก้าวในขณะที่สีหน้าแสดงความไม่อยากเชื่อออกมา

“พลังของเจ้าแกร่งกล้าจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไรกัน ?”

ทั้งสองมองตรงไปที่มังกรกระดูกดำตรงหน้า เดิมทีพวกเขาคิดว่าพลังของมังกรกลายพันธุ์คงจะไม่ต่างจากพวกตนเท่าใดนัก ทว่าตอนนี้พวกเขาตระหนักแล้วว่าตนเองประเมินความแข็งแกร่งของมังกรกระดูกดำต่ำเกินไปอย่างแท้จริง

“เหอะ หากยังอยากมีชีวิตอยู่ก็จงเชื่อฟังเสียดี ๆ การที่ข้าผู้นี้จะฆ่าพวกเจ้า มันง่ายดายยิ่งกว่าบีบมดในมือเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เสียอวิ๋นจะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่กล้าก้าวก่ายในการตัดสินใจของข้า !”

มังกรกระดูกดำไม่อธิบายมากนักและแค่นเสียงในลำคอก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เผด็จการ

ฮวาฟางเฟยและเยว่ปู้ฉินมองหน้ากันทันที แม้จะไม่พอใจนัก ทั้งสองก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก

“ขอโทษด้วย พวกเราทำผิดไปแล้ว…”

นางกล่าวยอมรับความผิดแต่โดยดีและไม่กล้าขัดคำสั่งของมังกรกระดูกดำอีกต่อไป

คนอื่น ๆ ก็กลัวจนหัวหดยิ่งกว่าเดิม ในเมื่อผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายก็ยังถูกมังกรกระดูกดำกำราบได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ พวกเขาปลาซิวปลาสร้อยก็ไม่มีทางที่จะต่อต้านขัดขืนได้แม้แต่น้อย

บรรยากาศภายในโถงห้องประชุมตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดทันที มังกรกระดูกดำก็ไม่เสียเวลาตำหนิต่อว่าพวกนางอีกต่อไป มันเพียงนั่งนิ่งอย่างเงียบ ๆ และครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“ไม่ได้การแล้ว !”

ทันใดนั้น น้ำเสียงตื่นตระหนกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของทุกคนก่อนที่ฮวาหรงจะวิ่งโร่เข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น ?”

ความคิดของมังกรกระดูกดำถูกขัดจังหวะโดยเสียงนั้นและสีหน้ากลายเป็นไม่พอใจอีกครั้ง มันเพียงตวัดสายตามองไปที่ฮวาหรงและเข่าของนางก็แทบทรุดอย่างมิอาจควบคุม

“ฉินอวี้โม่ ! ฉินอวี้โม่นำกองกำลังมาบุกโจมตีพวกเราแล้ว !”

ฮวาหรงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวอย่างเป็นกังวล

ทุกคนตกตะลึงทันทีก่อนที่มังกรกระดูกดำจะเรียกสติกลับคืนมาก่อนใคร

“เหอะ เดิมทีข้าก็ยังมีบัญชีที่ต้องการสะสางกับพวกนาง คิดไม่ถึงเลยว่าพวกนางจะก้าวเข้ามาหาความตายถึงที่เช่นนี้ !”

มันลุกขึ้นยืนและมุ่งหน้าออกไปข้างนอกทันที ฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันครู่หนึ่งและติดตามไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้แววตาของทุกคนก็แสดงถึงจิตสังหารที่แรงกล้า

ด้านนอกนิกายหมื่นบุปผา เวลานี้ฉินอวี้โม่และทุกคนกำลังต่อสู้กับจอมยุทธ์จำนวนมากที่เข้ามาขวางทางพวกนางไว้

“เร็วเข้าสิ ไปเรียกให้ฮวาฟางเฟยและฮวาหรงออกมาตายเสียดี ๆ !”

ฉินอวี้โม่ตวาดเสียงดังออกไปด้วยน้ำเสียงที่ผสมผสานเข้ากับพลังมายาเพื่อทำให้เสียงนี้กระจายไปทั่วทุกมุมของนิกายหมื่นบุปผา

“ไม่รู้จักละอายใจรึอย่างไร ? ฉินอวี้โม่ อย่าคิดว่าความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้จะเป็นภัยคุกคามต่อข้าได้ !”

ฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ ออกมาปรากฏตัวตรงหน้าพวกนางขณะแผ่แรงกดดันออกไปกดข่มฝ่ายตรงข้ามทันที