ตอนที่ 1610

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ท้ายที่สุดดินแดนต้องห้ามรุ้งพิสุทธิ์ก็ก่อตั้งพันธมิตรร่วมกับหลิงฮัน ข้อตกลงของพวกเขาคือหากฝ่ายใดมีปัญหาอีกฝ่ายต้องยื่นมือเข้าช่วย

นี่คือความจริงใจที่ราชาเซียนชิงอวี่แสดงให้หลิงฮันเห็น ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ไม่มีข้อตกลงนี้ ราชาเซียนชิงอวี่ต้องกังวลด้วยรึว่าจะมีใครกล้าสร้างปัญหากับดินแดนต้องห้ามรุ้งพิสุทธิ์?

ยังไม่ทันที่คนของดินแดนต้องห้ามรุ้งพิสุทธิ์จะจากไป ดินแดนต้องห้ามอีกขุมอำนาจหนึ่งก็ปรากฏตัว อีกฝ่ายเป็นดินแดนต้องห้ามที่นำโดยราชาเซียนเช่นกันและนำรุ่นเยาว์มาด้วยอีกสี่คน พวกเขาไม่ได้มาด้วยเจตนาชั่วร้าย

หลังจากนั้นดินแดนต้องห้ามอื่นๆก็ปรากฏตัวตามๆกัน ดาวมู่ถูในตอนนี้มีตัวตนระดับเซียนมารวมตัวกันราวกับหมู่เมฆ

เซียนจากดินแดนต้องห้ามต่างๆมีท่าทีสุภาพต่อหลิงฮันเป็นอย่างมากหลักจากได้เห็นภาพจากความทรงจำที่ลิงฮันสังหารราชาเซียนตระกูลฮูทั้งสอง

บรรยากาศของดาวมู่ถูในตอนนี้เต็มไปด้วยความสมานฉันท์ เซียนทุกคนล้วนแต่ขอร่วมเป็นพันธมิตรกับหลิงฮัน มีดินแดนต้องห้ามบางขุมอำนาจถึงขนาดเสนอการแต่งงานให้กับหลิงฮันเลยด้วยซ้ำ

เหล่าดินแดนต้องห้ามมอบสมบัติมากมายเป็นของกำนัลแก่หลิงฮัน แม้สมบัติเหล่านั้นจะค่อนข้างล้ำแค่แต่ก็ไม่มีสมบัติระดับเซียนที่หลิงฮันต้องการเนื่องจากสมบัติระดับนั้นมันล้ำค่าเกินไป

หากไม่มอบให้ก็แค่ขอซื้อมาก็พอ!

ด้วยการที่ว่ามีเซียนจำนวนมากอยู่ที่นี่ หลิงฮันจึงเปิดงานแลกเปลี่ยนสมบัติง่ายๆขึ้น

ตอนนี้ชื่อเสียงของเขากำลังเป็นที่โจษจันดินแดนต้องห้ามทั้งหมดจึงเข้าร่วมแลกเปลี่ยนสมบัติด้วย เพียงแต่ใช่ว่าทุกดินแดนต้องห้ามจะมีประมุขเป็นตัวตนระดับราชาเซียน ดินแดนต้องห้ามมีทั้งขุมอำนาจที่ทรงพลังและอ่อนแอ พวกเขามีทั้งประมุขที่เป็นราชาเซียน เซียนระดับสูงหรือเซียนระดับกลาง

หลิงฮันนำใบของต้นสังสารวัฏออกมาและต้มเป็นน้ำชาแจกให้เซียนทุกคนได้ลองนิดหน่อย เพียงแค่ได้ชิมเซียนทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้แจ้งได้อย่างน่าอัศจรรย์!

สมบัติแสนล้ำค่า!

พวกเขาจะตกตะลึงก็ไม่แปลก ต่อให้เป็นในดินแดนแห่งเซียนราชาเซียนก็ยังสามารถรู้แจ้งอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สวรรค์และปฐพีผ่านใบของต้นสังสารวัฏ! แต่แน่นอนว่าต้นสังสารวัฏของหลิงฮันนั้นยังไม่มีอำนาจเทียบเท่าต้นสังสารวัฏที่แท้จริง ทำให้ใบของมันไม่มีผลใดๆต่อราชานิรันดร์ แต่ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้กับระดับขอบเขตตำหนักอมตะอาจจะมีผลเล็กน้อย

ส่วนสำหรับระดับโลกียนิพพานกับระดับแบ่งแยกวิญญาณ ใบจากต้นสังสารวัฏของเขายังถือว่าเป็นที่ล้ำค่า!

เพราะงั้นแล้วมีรึที่จะไม่มีผลต่อเซียนเหล่านี้?

หลิงฮันใช้ใบของต้นสังสารวัฏแลกเปลี่ยนกับแร่โลหะเซียนเพื่อนำมายกระดับดาบอสูรนิรันดร์ แม้เขาจะสังหารจ้าวอสูรไปนับร้อยก่อนหน้านี้แต่แร่โลหะเซียนที่เก็บเกี่ยวมาได้ก็ยังไม่มากพอที่จะยกระดับดาบอสูรนิรันดร์ให้ก้าวสู่ระดับใหม่

แม้เซียนบางคนจะเกิดความโลภจนอยากจะลงมือแย่งชิง แต่พวกเขาก็ได้เห็นภาพที่หลิงฮันลงมือสังหารราชาเซียนถึงสองคนไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีข่าวที่เพิ่งมาถึงด้วยว่าในดินแดนใต้พิภพ หลิงฮันสังหารจ้าวอสูรไปแล้วหนึ่งร้อยกว่าคน และจำนวนยี่สิบกว่าคนในนั้นยังเป็นถึงจ้าวอสูรสวรรค์อีกด้วย

เมื่อรับรู้ข่าวนี้ เหล่าราชาเซียนก็ยิ่งอยากจะผูกมิตรกับหลิงฮันมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เซียนระดับสูงและเซียนระดับกลางเปลี่ยนมามีท่าทีนอบน้อมต่อหลิงฮันอย่างถึงที่สุด

ไม่มีใครรู้ว่าหลิงฮันยังใช้พลังลึกลับที่ว่าได้อีกกี่ครั้ง ตราบใดที่ยังใช้ได้อีกเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารราชาเซียนทุกคนที่อยู่ที่นี่

ต่อให้เป็นในสายตาของดินแดนต้องห้ามเช่นพวกเขา ตัวตนของหลิงฮันก็เปรียบเสมือนกับเทพมาร ตอนนี้นอกจากดินแดนต้องห้ามที่ปลีกตัวไปอยู่อย่างสันโดษแล้ว ไม่ว่าขุมอำนาจไหนก็ต้องรับรู้ถึงชื่อเสียงอันโจษจันของหลิงฮัน

ไม่กี่เดือนถัดมาเหล่าประมุขของดินแดนต้องห้ามก็ขอตัวกลับ แต่รุ่นเยาว์ที่พวกเขาพามาด้วยยังอยู่ต่อและได้รับคำสั่งให้สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงฮันเอาไว้ มีสตรีงดงามราวกับเทพธิดาหลายคนที่ยินยอมแม้แต่เสียบริสุทธิ์!

หลิงฮันไม่สนใจพวกนาง หลังจากทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำคือสลักรูปแบบอาคมเก้าผสานพินาศใหม่ จากเดิมที่เคยสลักได้ยี่สิบเจ็ดรูปแบบตอนนี้เขาสามารถสลักเพิ่มขึ้นได้เป็นเก้าสิบเก้ารูปแบบ จำนวนมากมายขนาดนี้ทำให้เซียนหมิงซินตกตะลึงไร้คำพูด

เพียงแต่ว่าต่อให้เป็นรูปแบบอาคมสังหารทั้งเก้าสิบเก้าก็ยังไม่ทำให้เขาแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเซียนระดับต้น การสู้ข้ามระดับไปยังระดับสร้างสรรพสิ่งนั้นเป็นเรื่องยากมากเนื่องจากเมื่อใดที่บรรลุเป็นเซียนแล้ว พลังต่อสู้ที่ปลดปล่อยออกมาจะแข็งแกร่งจนสามารถสั่นสะเทือนได้แม้กระทั่งสวรรค์และปฐพี

หลิงฮันบ่มเพาะพลังต่อเนื่องไม่หยุด ด้วยเม็ดยาที่เขาคิดค้นได้ทำให้พลังบ่มเพาะบ่มเพาะของเขาบรรลุเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดแล้ว

วันเวลาค่อยๆผ่านไป ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาเงียบหายไปอย่างสิ้นเชิง การตายของราชาเซียนทั้งสองส่งผลให้พวกเขาหวาดกลัวจนไม่กล้าลงมือแก้แค้น

พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามปี

จักรพรรดินีควบแน่นดวงดาวได้ 9,999,999ดวงซึ่งห่างจากขีดจำกัดแท้จริงของระดับวารีนิรันดร์เพียงหนึ่งดาว เพียงแต่เมื่อมาถึงจุดนี้ต่อให้เป็นจักรพรรดินีที่มีแก่นกำเนิดนิรันดร์ก็ยังพบกับคอขวด

นางไม่สามารถไปถึงก้าวสุดท้ายได้

นางเก็บตัวบ่มเพาะพลังใต้ต้นต้นสังสารวัฏและตัดสินใจว่าจะไปให้ถึงก้าวสุดท้ายนี้ให้ได้

หลังจากกลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว วาสนาที่สตรีนกอมตะได้รับจากนกอมตะสวรรค์ราชาเซียนสามตัวก็กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง แถมด้วยการสนับสนุนจากเม็ดยาและต้นสังสารวัฏทำให้พลังบ่มเพาะตอนนี้ของนางบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุงเป็นที่เรียบร้อยและกำลังจะทะลวงผ่านสู่ระดับเซียน

นางไม่คิดที่จะขัดเกลาพลังให้บรรลุขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์

ทางด้านของพวกติงผิงและจิ่วเยานั้น พวกเขาบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นแล้ว มีเพียงจักรพรรดิพิรุณคนเดียวที่มีพัฒนาการโดดเด่นโดยการบรรลุเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง แถมยังผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองเป็นวารีนิรันดร์ขั้นสูงแล้วด้วยเช่นกัน

“ถือว่าข้าโชคดีไม่น้อย การแลกเปลี่ยนสมบัติก่อนหน้านี้แม้จะได้ปแร่โลหะเซียนมาไม่มากแต่ข้าก็ได้โลหิตสีชาดและแร่ม่วงศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เมื่อรวมกับขนนกอมตะสวรรค์ที่ได้มาก่อนหน้านี้นานแล้วก็เหลือเพียงเขามังกรแท้จริงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

“อืม เอาไว้หลังจากข้าบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์แล้วค่อยไปหาหลงเซียงเยว่โดยไวเพื่อให้นางพาไปยังตระกูหลงแล้วกัน เมื่อได้เขามังกรแท้จริงมา ข้อตกลงที่ให้ไว้กับจักรพรรดิเพลิงอัสนีจะได้สิ้นสุดลงเสียที”

“เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่มีฮูนำทางให้ เพื่อเป็นการรับประกันว่าจะไม่หลงทางในความมืดมิดเหมือนก่อนหน้านี้ข้าจึงต้องมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์”

เขากินเม็ดยาสะสมพลังปราณทุกคนและขัดเกลาพลังบ่มเพาะใต้ต้นสังสารวัฏทุกวัน

สองเดือนต่อมา หลิงฮันปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬและเหาะเหินขึ้นสู่ห้วงอวกาศ พริบตาหลังจากนั้นเอง เมฆสีดำก็ได้ก่อตัวขึ้นและมีเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะผ่าลงมา