คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1838
จางจือหัวเราะและพูดเรียบ ๆ ว่า “เจ้ารับความรู้จากข้าไปหมดแล้ว ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องตามเจ้าอีกต่อไป”
จากนั้นจางจือก็มองไปที่เทือกเขาไกลออกไปก่อนพูดอย่างโล่งใจว่า “ข้าถูกขังมานานเหลือเกิน เวลาที่เหลืออยู่ข้าไม่อยากติดอยู่กับความแค้นอีก ข้าเพียงต้องการจะท่องโลกไปอย่างอิสรเสรี เจ้ามาจากสำนักง้อไบ๊ไม่ใช่รึ? ข้าจะไปหาเจ้าตอนที่ข้ากลับจากการเดินทางแล้วกัน…”
จางจือนั้นถือตัวมาก แม้ว่าเขาจะโดนเมแกนหลอกแต่ว่าเขาก็ไม่อยากจะลดตัวลงไปแก้แค้นเมแกนเพราะถือว่าตัวเองนั้นเป็นผู้อาวุโส นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาอยากจะถ่ายทอดวิชาบ่มเพาะของตนให้เอร่า
คนอื่นก็จะไม่ได้ไปพูดว่าเขารังแกคนที่อ่อนแอกว่าหากว่าเธอไปแก้แค้นแทนเขา เพราะถึงอย่างไรเอร่าก็เป็นศิษย์ของเขา
“โอ้”
เอร่าร้องเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอรู้สึกผิดหวังแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้
“งั้นก็ได้ค่ะ”
จางจือลูบหัวเอร่า เขายิ้มและให้กำลังใจว่า “เราร่ำลากันตรงนี้แล้วกัน เจ้ามาจากสำนักง้อไบ๊นี่? หากว่าข้าท่องทั่วหล้าจนเบื่อก็จะไปหาเจ้า”
“งั้น…”
ตอนนี้เอร่าลังเลมาก เธอกัดปากแน่นและเกือบจะหลั่งน้ำตาแต่ว่ายังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “งั้นฉันไปก่อนนะคะท่านอาจารย์”
จางจือโบกมือและพูดเสียงพร่า “ไปเถอะ ไป”
ที่จริงแล้วจางจือก็คิดถึงศิษย์ของเขา แม้ว่าเขาจะทำท่าทางเหมือนไม่แยแสก็ตาม
แต่เขานั้นถูกขังมานานมากอย่างที่บอก ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือการเป็นอิสระและท่องไปทั่วหล้า ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายใดของพวกผู้บ่มเพาะอีก
เอร่าพยักหน้าขณะที่เช็ดน้ำตา “ท่านอาจารย์ ท่านให้สัญญากับฉันแล้วนะว่าจะมาหาฉันหากว่าเดินทางจนเบื่อแล้ว”
จากนั้นเอร่าก็หันหลังแล้วเดินลงเขาไป แต่เธอก็หันกลับมามองเขาเป็นระยะ ๆ รู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก
เธอเดินไปนานกว่าที่จะมาถึงตีนเขา เธอก็ไม่เห็นร่างของอาจารย์อีกต่อไป
“เฮ้อ”
เอร่าผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อสงบใจและเริ่มเดินมุ่งหน้าไปยังสำนักง้อไบ๊
…
ขณะเดียวกัน ลึกเข้าไปในภูเขากาลี
แดร์ริลนั้นอุ้มฉางเอ๋อขณะที่พวกเขาค่อย ๆ ขยับเดินไปข้างหน้าด้วยการช่วยเหลือของเปลวเพลิงเย็นไร้มลทิน อารมณ์ของแดร์ริลค่อนข้างคึกคักตอนแรกเพราะว่าได้สัมผัสร่างกายนุ่มละมุนของฉางเอ๋อขณะที่เย้าแหย่เธอไปด้วย
แต่ว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงรอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้าเขา และเริ่มมีความเหนื่อยล้าเข้ามาแทน
‘เวร หลุมนี่มันใหญ่แค่ไหนกันเนี่ย? ทำไมเดินมาไกลขนาดนี้ก็ไม่ถึงปลายทางสักที?’
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ลิลี่ พี่ซู่หรงและดีไวน์ ฟาร์มเมอร์เป็นอย่างไรบ้าง
แดร์ริลอุ้มฉางเอ๋อและเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมกับบ่นพึมพำในใจ
เขาเดินไปอีกนานก่อนที่ฉางเอ๋อจะสังเกตเห็นบางอย่าง เธออ้าปากพูดว่า “ข้างหน้ามีอะไรบางอย่าง”
เฮือก!
แดร์ริลมองไปด้านหน้าและตัวสั่นสะท้านในทันที เขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากตกใจ
เขาเห็นว่ามีแท่นหินแปดเหลี่ยมขนาดประมาณ 100 เมตรอยู่ตรงหน้า มีเสาหินตั้งอยู่ทุกด้านของแท่นหินนั้น เสาแต่ละต้นมีลวดลายแกะสลักซับซ้อน
กลางแท่นหินมีอักขระรูนโบราณสลักอยู่
“เวร”
แดร์ริลอึ้งไปหลายวินาทีก่อนที่จะตั้งสติได้ เขาไม่สามารถเก็บซ่อนความตื่นตะลึงที่มีในใจได้
‘นะ-นี่มันเหมือนค่ายกลประตูโบราณเลย’
คัมภีร์ค่ายกลมีบันทึกไว้ว่าค่ายกลประตูนั้นเป็นค่ายกลแบบเดี่ยว ซึ่งมันก็ทำงานเหมือนกับชื่อของมันซึ่งก็คือการเป็นประตูให้ผู้ใช้สามารถผ่านเข้าไปทุกที่ได้ แม้ว่ามันจะเหมือนเรื่องง่าย ๆ แต่การสร้างค่ายกลนี้ก็ยากมาก
แดร์ริลนั้นจดจำและศึกษาคัมภีร์ค่ายกลจนปรุโปร่งมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าแท่นหินตรงหน้าคือค่ายกลประตู
แม่ว่าคัมภีร์คายกลจะบันทึกค่ายกลของทั้งโลกไว้มากจนนับไม่ถ้วน แต่มันก็ไม่ได้บอกวิธีการสร้างค่ายกลประตู มีเพียงพูดถึงการใช้งานคร่าว ๆ เท่านั้น
ดังนั้นนอกจากจะรู้สึกตื่นตะลึงแล้วแดร์ริลยังสงสัยใคร่รู้อย่างมาก เขาไม่รู้ว่าค่ายกลประตูนี้ยังทำงานได้อยู่หรือไม่