“เทียบทองคำมหาพันภพ**?”**
มู่เฉินพึมพำขณะที่มองถ้อยคำโบราณเหล่านั้น เขารู้สึกฉงนในใจเพราะไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร
“ไม่คิดว่าข้าจะมีโอกาสได้รับเทียบทองคำนี้ด้วย…” ขณะที่มู่เฉินกำลังงุนงง ชิงเหยี่ยนจิ้งก็พลิ้วตัวเข้ามาพลางถอนหายใจ
“นี่คืออะไรหรือขอรับ?” มู่เฉินรู้สึกงุนงง
ฉิงเทียนยิ้ม “ตอนที่เทพจักรพรรดินิรันดร์และเทพปีศาจจักรพรรดิต่อสู้กันในสมัยโบราณ สุดท้ายก็สามารถยับยั้งการรุกรานของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติที่จะเข้าสู่มหาพันภพได้ สงครามครั้งนั้นจบลงด้วยเทพปีศาจจักรพรรดิถูกผนึกไว้ในเนินเขารกร้างทางเหนือ”
“แต่พลังของเทพปีศาจจักรพรรดิไม่สามารถจินตนาการได้ แม้ว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์จะได้รับชัยชนะ แต่ก็ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์”
“ดังนั้นสนธิสัญญพันธมิตรมหาพันภพจะถูกจัดขึ้นทุกๆ พันปีและส่งเทียบเชิญไปทั่ว เพื่อเชิญเหล่ายอดยุทธ์ในมหาพันภพมาชุมนุม ทั้งนี้ก็เพื่อการใช้พลังของทุกคน เราจะหมุนเวียนผนึกลบพลังที่เหลืออยู่เทพปีศาจจักรพรรดิทิ้งไป”
“มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะได้รับเทียบเชิญนี้ ซึ่งมีความแตกต่างสามระดับคือ ทองแดง เงิน ทองคำ แสดงถึงขั้นทั้งสามของระดับเทียนจื้อจุน โดยมีเพียงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเท่านั้นที่จะได้รับเทียบเชิญทองคำ”
ขณะที่พูดท่าทางของฉิงเทียนก็เคร่งขรึมลง “ตามการคาดการของเทพจักรพรรดินิรันดร์ในตอนนั้น เราจะสามารถฆ่าเทพปีศาจจักรพรรดิได้หลังจากหมุนเวียนพลังเป็นเวลาสี่หมื่นเก้าพันปี”
“ถึงตอนนี้เทียบเชิญถูกส่งออกไปแล้วสี่สิบแปดครั้งและนี่… เป็นครั้งที่สี่สิบเก้า”
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ม่านตามู่เฉินก็หดแคบลงและตระหนักถึงความสำคัญของเทียบเชิญนี้
“เทพปีศาจจักรพรรดิน่ากลัวขนาดนี้เชียวหรือ? ผนึกที่ใช้ชีวิตของเทพจักรพรรดินิรันดร์ยังต้องใช้เวลานานเช่นนี้เพื่อฆ่ามันให้สิ้นซาก?” มู่เฉินหายใจเข้าลึก ความตกใจในน้ำเสียงไม่สามารถปกปิดได้
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ฉิงเทียนก็ยิ้มอย่างขมขื่น “พลังของเทพปีศาจจักรพรรดิไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแท้จริง ดังนั้นไม่ต้องคำนึงถึงราคา เราต้องฆ่ามันขณะที่มันยังถูกผนึกอยู่ มิฉะนั้นหายนะจะบังเกิดกับมหาพันภพแน่นอน”
“เพราะเราไม่มีเทพจักรพรรดินิรันดร์อยู่เพื่อช่วยอีกต่อไป”
ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงดิ่งลง เนื่องจากพวกเขารู้ว่าชะตากรรมเลวร้ายที่รอคอยมหาพันภพอยู่คืออะไรหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น
“ถ้าเทพปีศาจจักรพรรดิทรงพลังขนาดนั้น… พวกเผ่าปีศาจต่างมิติจะหาวิธีพยายามทำลายผนึกหรือไม่?” ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง
“พวกมันพยายามเข้ามาแทรกพิธีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากมีตราประทับที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ทิ้งไว้ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะสรรพชีวิตในมหาพันภพเข้าใกล้ได้เท่านั้น”
ฉิงเทียนพยักหน้าหรี่ตาลง “แต่ช่วงนี้เผ่าปีศาจมีการเคลื่อนไหว นี่เป็นสาเหตุทำให้เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามต้องประจำการที่ชายแดน”
สีหน้ามู่เฉินเคร่งขรึมลงเนื่องจากเขาเข้าใจความหมายเบื้องหลังสนธิสัญญานี้ นี่เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของมหาพันภพ…
เมื่อเทียบกับเรื่องนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถวางลงก่อน
“จะเริ่มเมื่อไรหรือ?” ชิงเหยี่ยนจิ้งถาม
“สามเดือนนับจากนี้” ดวงตาของฉิงเทียนวูบไหวพร้อมกับรัศมีดุดันกวาดออกจากร่างกาย “คราวนี้เราต้องกำจัดภัยคุกคามนี้ให้จงได้!”
มู่เฉินพยักหน้า เทพปีศาจจักรพรรดิทรงพลังนัก หากพวกเขาไม่สามารถฆ่าได้ ทั้งมหาพันภพก็จะตกอยู่ในความตึงเครียด
นั่นคือภูเขาไฟล้างโลก ตราบใดที่ปะทุก็จะกลืนกินทั้งมหาพันภพ
ฉิงเทียนพยักหน้าตอบว่า “จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั้งหมดได้รับคำเชิญ แต่คงมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มุ่งหน้าไปยังเนินเขารกร้างทางเหนือ เพราะยังต้องมีคนคอยจับตามองเผ่าปีศาจด้วย”
“ช่างเป็นงานใหญ่ของมหาพันภพจริงๆ” มู่เฉินถอนหายใจ เกือบครึ่งหนึ่งของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแห่งมหาพันภพไปชุมนุมกันจะอลังการขนาดไหน?
เมื่อเทียบกับเหตุการณ์นี้ สิ่งที่เจอมาในอดีตก็ไม่มีอะไรเลย
“นี่เป็นงานยิ่งใหญ่จริงๆ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของมหาพันภพ ดังนั้นต้องวางความบาดหมางทั้งหมดไว้ก่อน” ฉิงเทียนมองไปยังทิศทางที่หมัวเฮอเทียนจากไปพูดต่อ “นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงเดินทางมาขอให้หยุดสงครามนี้”
เผ่าหมัวเฮอ เผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงถือเป็นขุมกำลังสำคัญในมหาพันภพ ไม่มีใครสามารถรับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ได้
มู่เฉินเข้าใจประเด็นนี้เช่นกัน สีหน้าของเขาจริงจังขึ้น “ท่านฉิงเทียนวางใจเถิด ข้าเป็นคนที่ได้รับผลจากเหตุการณ์นี้มากที่สุด ดังนั้นข้าจะยับยั้งชั่งใจ แม้ว่าท่านหมัวเฮอเทียนต้องการที่จะจัดการข้าในอนาคตก็ตาม”
ไม่ว่าอย่างไรร่างมหาเทพนิรันดร์ก็เป็นของเขา เผ่าหมัวเฮอได้แต่อดทนอดกลั้น ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรไกลเกินไป
ฉิงเทียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจตอบอย่างอบอุ่นว่า “เป็นเรื่องดีที่เจ้าสามารถมองภาพรวมใหญ่ได้ แต่ไม่ต้องกังวล วังมหาพันภพจะไม่อยู่นิ่งเฉยหากหมัวเฮอเทียนลากเรื่องไปไกล เพราะยังไงเจ้าก็เป็นราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ”
มู่เฉินยิ้ม หมัวเฮอเทียนอาจจะหยิ่งยโสแต่ไม่ใช่คนโง่ หลังจากเรื่องวันนี้เขาก็น่าจะรู้แล้วว่ามู่เฉินไม่ใช่คนที่เขาจะยุ่งด้วยได้
“ข้าเสร็จภารกิจแล้ว ดังนั้นคงต้องขอลาไปก่อน เวลาไม่คอยท่า ข้ายังต้องไปส่งเทียบเชิญให้กับจอมยุทธ์คนอื่นๆ อีก” หลังจากสนทนาสั้นๆ กับมู่เฉิน ฉิงเทียนก็ประสานมืออำลา
มู่เฉินรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญจึงไม่รั้งฉิงเทียนไว้และกล่าวคำอำลา
“หวังว่าสามเดือนนับจากนี้เราจะได้พบกันอีกครั้งที่เนินเขารกร้างทางเหนือนะ” ฉิงเทียนหัวเราะขณะที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
มองไปที่การจากไปของฉิงเทียน สีหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงก็ซับซ้อน “พายุกำลังก่อตัว…”
เทพปีศาจจักรพรรดิเป็นมหาจักรพรรดิของเผ่าปีศาจต่างมิติ ดังนั้นพวกมันต้องรู้ถึงความสำคัญของสนธิสัญญาพันธมิตรมหาพันภพนี้ การผนึกพลังในครั้งนี้ไม่สงบแน่นอน
เผ่าปีศาจต่างมิติต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือมหาจักรพรรดิแน่
มู่เฉินพยักหน้า แม้ว่าฉิงเทียนจะไม่ได้ลงรายละเอียดลึก แต่จอมยุทธ์ระดับในพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ในใจของฉิงเทียน
มิฉะนั้นคงไม่ให้ราชันสังหารปีศาจมาเดินทางส่งเทียบเชิญให้เป็นการส่วนตัวหรอก
“เผ่าปีศาจกำลังจับตามองพวกเรา ไม่คิดว่าจะมีภัยคุกคามยิ่งใหญ่ในเนินเขารกร้างทางเหนืออีก…” มู่เฉินถอนหายใจ โชคดีที่เขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว มิฉะนั้นเขาคงไม่มีคุณสมบัติที่จะยุ่งกับเรื่องแบบนี้
“เนินเขารกร้างทางเหนือถือได้ว่าเป็นดินแดนต้องห้ามของมหาพันภพเป็นที่รู้จักกันในชื่อดินแดนวั้นมู่ โดยมีกลุ่มหนึ่งเฝ้าระวังอยู่ พวกเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของเทพจักรพรรดินิรันดร์ ผู้นำของก็คือจักรพรรดิอมตะ ซึ่งอาจอยู่ในระดับเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม แต่ตัวเขาอยู่ในเนินเขารกร้างทางเหนือไม่เคยออกไปไหน ดังนั้นจึงไม่เป็นที่รู้จักมากนัก” ฝูถูเฉวียนอธิบาย
“ดินแดนวั้นมู่… จักรพรรดิอมตะ…”
สีหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมลง มหาพันภพสมกับเป็นสถานที่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนจริงๆ
“ถ้าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติบุกเข้ามา เราจะสามารถต้านทานพวกมันได้หรือไม่?” มู่เฉินถามขึ้น
ฝูถูเฉวียนกับชิงเหยี่ยนจิ้งแลกเปลี่ยนสายตากันตอบว่า “ในแง่ของความแข็งแกร่งมหาพันภพในปัจจุบันเทียบได้กับสมัยโบราณหรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ เรามีทั้งเทพจักรพรรดิอัคคี เทพจักรพรรดิสงคราม ราชันสังหารปีศาจ กระบี่เทพเขียว จักรพรรดิอมตะและขุมกำลังสุดยอดอื่นๆ รวมทั้งห้าเผ่าโบราณยังมีรากฐานพลังของตนและไม่ต้องพูดถึงขั้วอำนาจอื่นๆ…”
“ดังนั้นหากเผ่าปีศาจคิดจะรุกรานอีกครั้ง เราก็ใช่ว่าจะไม่มีพลังโต้ตอบกลับ”
“แต่ปัญหาเดียวก็คือเราไม่มีเทพจักรพรรดินิรันดร์ ต้องรู้ว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์เป็นจอมยุทธ์ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตระดับเทียนจื้อจุน ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงแค่เรียกผนึกและสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิเพื่อทำลายความทะเยอทะยานของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ
มู่เฉินพยักหน้าพลางพึมพำ “ข้าว่าพวกปีศาจต่างมิติก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน…”
จักรวรรดิปีศาจไม่นั่งดูให้พวกเขาสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิหรอก ดังนั้นสนธิสัญญาพันธมิตรครั้งนี้อาจซัดสาดไปด้วยพายุโลหิต…
เผชิญกับสถานการณ์นี้ แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกกดดันอย่างมาก
ขณะที่อารมณ์ของมู่เฉินพลุ่งพล่านอยู่ในใจ มือเรียงบางก็จับมือเขาเอาไว้ เมื่อเขาหันไปก็เห็นดวงหน้าเรียวเล็กของลั่วหลี
เมื่อหญิงสาวกะพริบตาส่งมาให้ ความอบอุ่นก็พวยพุ่งขึ้นในหัวใจเขาชำระล้างอารมณ์หมดสิ้น แม้แต่คิ้วที่ขมวดแน่นก็คลายออก
มู่เฉินกุมมือลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ดวงอาทิตย์พร้อมกับไฟลุกโชนในดวงตา
การมีคนรักอยู่เคียงข้างเป็นเรื่องที่ดีนัก ไม่ว่าเผ่าปีศาจจะดุร้ายแค่ไหนคนอย่างมู่เฉินก็ไม่กลัว เพราะเขาจะสละทุกอย่างเพื่อปกป้องนางไว้
“ข้าฝึกฝนมาหลายสิบปีกว่าจะมาถึงจุดนี้… แล้วข้าจะยอมให้พวกแกมาทำลายความพยายามได้อย่างไร…?
“ถ้าพวกแกมา ก็แค่ถึงเวลาศึกชี้ชะตาเท่านั้น”