ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 873 ฆราวาสเด็ดดาว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เฮ่อตงเฉิงยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนได้รับบาดเจ็บที่กลางอากาศ เพราะดาบของเยี่ยนตี๋

นักพรตสือปั้นสีหน้าเคร่งขรึม ทิ่มนิ้วใส่อากาศ

ด้านในอากาศ ลำแสงสีดำแดงผสมกัน กลายเป็นรูปหกเหลี่ยมที่ไม่เป็นแบบแผนรูปหนึ่ง ปกป้องเฮ่อตงเฉิงเหมือนกับโล่

คมดาบของเยี่ยนตี๋พอฟันใส่โล่แสงนั้น โล่แสงก็พลันแตกสลายไป

ทว่าเฮ่อตงเฉิงอาศัยสิ่งนี้รอดพ้นจากภัยพิบัติ หนีออกมา รักษาระยะห่างอย่างรวดเร็วเหมือนกับลำแสง

อีกด้านหนึ่ง เสวียนเฉิงอ๋องก็ได้ตัดสินพระทัยอย่างแน่วแน่ ไม่ได้มีความกริ่งเกรงใดๆ เหมือนตอนต่อสู้กับเยี่ยนตี๋เมื่อก่อนหน้า

ในขณะที่เยี่ยนตี๋หมุนตัว เสวียนเฉิงอ๋องก็เปลี่ยนจากป้องกันเป็นโจมตี เข่นฆ่ามาถึงด้านหลังเยี่ยนตี๋ทันที!

เยี่ยนตี๋ตอนนี้ถูกพลังแห่งค่ายกลจากค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายของนักพรตสือขวางไว้ การโจมตีของเสวียนเฉิงอ๋องมาถึงด้านหลังในเวลาไม่นาน

พร้อมๆ กันนั้น โล่แสงสีดำแดงมากกว่าหนึ่งชิ้น ก็ห้อมล้อมเยี่ยนตี๋ไว้ทั่วสี่ทิศแปดทาง

โล่แสงกระจายอยู่รอบๆ มิติถูกผนึกโดยสิ้นเชิง ผนึกพลังพันธการเยี่ยนตี๋ไว้กับที่

เยี่ยนตี๋สองตาเป็นประกายเย็นเยียบ ประกายดาบกระเพื่อม บังเกิดสรรพคุณของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย ความเร็วของตัวเองเหมือนพลันเพิ่มขึ้น ส่วนคู่ต่อสู้ที่อยู่รอบๆ ช้าลงจังหวะหนึ่ง

เขายกหัวไหล่ขึ้นปะทะกับเสวียนเฉิงอ๋อง

ร่างมหาเซียนปัญจธาตุช่วงต้นที่ได้มาจากการฝึกฝนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต แสดงพลังอันเหี้ยมหาญออกมาอีกครั้ง ป้องกันการโจมตีจากเสวียนเฉิงอ๋อง

ในขณะเดียวกัน ประกายดาบอันทรงพลังก็สว่างขึ้น เยี่ยนตี๋ทำลายพันธนาการจากค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยาย เข่นฆ่าออกจากวงล้อม

เสวียนเฉิงอ๋องกับนักพรตสือต่างมีสีหน้าตึงเครียด

นักพรตสือประกอบสองมือ จากนั้นก็ผลักออกด้านหน้าพร้อมกัน

ลำแสงสีดำแดงพาดขวางกันระหว่างฟ้าดิน เกิดเป็นโล่แสงที่ไม่เป็นแบบแผนหลายอัน ราวกับกระดองเต่ามากมาย

กระดองเต่าสี่เก้ากระดองปรากฏขึ้นมา แฝงวิถีหยินหยางแผ่ขยาย อยู่ในกลางอากาศ

ค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายในตอนนี้ถูกนักพรตสือโคจรถึงขีดสุด

ดินแดนจิตคุณธรรมและมิติรอบๆ วินาทีนี้เหมือนกับถูกแบ่งเป็นสี่สิบเก้าชิ้น แต่ละชิ้นไม่ได้เชื่อมต่อกันอีก

ภายใต้การโคจรของค่ายกล ขนาดกับอาณาเขตของมิติทั้งหมด ต่างเปลี่ยนแปลงไม่หยุด โดยมีนักพรตสือควบคุมตามใจ

ภายใต้ผลของค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยาย ทุกครั้งที่เยี่ยนตี๋โจมตีคู่ต่อสู้ จะพบว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาเหมือนกับเปลี่ยนเป็นไกลแสนไกลในชั่วพริบตา การคาดคำนวนถึงระยะห่าง ความเร็ว และเวลาที่ตนคำนวณตอนออกกระบวนท่าสูญเสียความหมาย

ส่วนในตอนที่พวกเสวียนเฉิงอ๋องโจมตีเขา ระยะห่างจะหดสั้นจนแทบหายไปในชั่วอึดใจ ทำให้ต้องป้องกันไม่หวาดไม่ไหว

คนอื่นๆ ในเขากว่างเฉิงก็กำลังเผชิญกับปัญหาเดียวกัน

เนื่องจากรับมือไม่ทัน จึงเกือบถูกเล่นงาน!

เยี่ยนตี๋ตาเป็นประกายเย็นเยียบ สภาวะดาบพุ่งสูงขึ้น

กระดองเต่าสีดำแดงมากมาย ภายใต้การส่องแสงจากประกายดาบ พลันเริ่มปรากฏรอยแตก

ทว่าตอนนั้นเองเสวียนเฉิงอ๋องตัดสินพระทัยเข้าไปรับ อาศัยพลังป้องกันของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเกราะห้าอัคคีเจ็ดวิหค ปะทะกับคมดาบของเยี่ยนตี๋

เมื่อมีค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายคอยช่วยเหลือ พระองค์จึงผ่อนคลายไม่น้อย เมื่อมีพระองค์คอยป้องกันดาบให้ นักพรตสือก็จะได้เวลาเพิ่มขึ้น

ประกายดาบของเยี่ยนตี๋แม้ว่าจะส่งผลต่อค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง กระนั้นเนื่องจากการรบกวนจากเสวียนเฉิงอ๋อง นักพรตสือก็มีโอกาสซ่อมแซมแก้ไขค่ายกล ทำให้ค่ายกลทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกย้ายความสนใจจากวินาทีที่เริ่มการต่อสู้ไปอยู่บนตัวนักพรตสือทันที

อีกฝ่ายไม่เสียทีที่เป็นปรมาจารย์ค่ายกลชั้นแนวหน้าในหมู่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนบนโลกซ้อนโลก

ขณะที่แก้ไขค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายอย่างต่อเนื่อง ก็ยังพลิกจากแขกเป็นเจ้าถิ่น กางค่ายกลใหญ่เช่นนี้ขึ้นมา หมายจะเปลี่ยนดินแดนจิตคุณธรรมให้กลายเป็นสนามเหย้าของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

ไม่ใช่เพราะร่างจริงศึกษาความแยบยลของการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลไม่มากพอ

แต่ว่าหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสำรวจค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายอยู่สักพัก ก็พลันเคลื่อนไหว

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกตวัดหอกราชาลี้ลับ ปล่อยกู้จางไป จากนั้นก็ปักหอกใส่ความว่างเปล่าบริเวณหนึ่งที่ไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนแทบจะในชั่วพริบตา

ทว่าเป็นเพราะหอกนี้ การโคจรของค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายจึงพลันชะงักลงเล็กน้อย!

นักพรตสือหน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน

ดอกซือเฉ่าห้าสิบดอกแทนสรรพสิ่ง ในนี้ใช้เพียงแค่สี่สิบเก้า ไท่จี๋มิต้องใช้

ค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายมีอานุภาพเปลี่ยนแปลงทิศทาง แต่ว่าที่ใจกลางของค่ายกลนี้ เป็นตำแหน่งไท่จี๋ ไม่ใช่เพราะความคงที่ แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

หากควบคุมจุดไท่จี๋ได้ ก็จะส่งผลต่อค่ายกลทั้งหมด

หอกของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงใส่ตำแหน่งไท่จี๋พอดี!

การโคจรของค่ายกลพลันชะงัก คนที่รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นคนแรกก็คือเยี่ยนตี๋

ดาบหนึ่งฟันลง เสวียนเฉิงอ๋องป้องกันไม่ทัน กระดองเต่าหลายกระดองแตกร้าวออกอย่างสะเทือนเลือนลั่น

ร่างของนักพรตสือพุ่งลงบนหลังเต่าปูลูที่อยู่ด้านล่าง ฝ่ามือตบใส่กรอดองเต่าของจริง

บนหลังเต่าปูลูเปล่งแสงสว่างหลายสาย ซ่อมแซมค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ ตรวจจับจุดไท่จี๋ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง

กู้จางติดตามมาถึงด้านหลังมัน ประกายกระบี่จากกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยมีความเร็วน่าทึ่งยิ่ง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแม้จะถนัดในด้านความเร็ว แต่สุดท้ายก็แตกต่างกันด้านระดับ ไม่ทันไรก็ถูกกู้จางไล่ตามทัน

กระนั้นในวินาทีต่อมา จิตใจของกู้จางก็พลันเย็นเยียบ หลบไปด้านหลังแทบจะโดยสัญชาตญาณ

เป็นดั่งที่คาด เยี่ยนตี๋หมุนกายครั้งหนึ่ง มาถึงด้านหน้าเขา เบื้องหน้าคือดาบหนึ่ง!

โชคดีที่เสวียนเฉิงอ๋องช่วยเหลือ กู้จางจึงรอดไปได้

สงครามระหว่างสองฝ่ายบนดินแดนจิตคุณธรรมกำลังจะเข้าสู่ช่วงดุเดือด

ทว่าในตอนนั้นเอง ท้องฟ้าพลันสั่นสะเทือน

มิติแตกสลายอย่างหักโหม มือยักษ์เด็ดดาวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านในมิติอันมืดมิดที่แหลกสลาย!

มือข้างนั้นเต็มไปด้วยแสงดาวเจิดจรัส ราวกับกลุ่มดาวเวียนวน มหึมาจนคลุมฟ้าคลุมตะวัน

ลักษณะเด่นที่ชัดเจนเช่นนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่บริเวณรอบๆ ทราบถึงสถานะของฝ่ายที่สามที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันในชั่วพริบตา

ยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียน ฆราวาสเด็ดดาว กวนลี่เต๋อ!

มือยักษ์แสงดาวนั้นหยุดลงกลางท้องฟ้า ไม่ได้โถมลงมาในทันที

เงาร่างของบัณฑิตวัยกลางคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น ก้มหน้ามองเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านล่าง “เยี่ยนจ้าวเกออยู่ที่ใด”

ทั้งสองฝ่ายที่สู้กันอยู่ต่างกริ่งเกรงกวนลี่เต๋อที่มาอย่างกะทันหัน ตั้งสมาธิเตรียมป้องกันแขกผู้ไม่ได้รับเชิญคนนี้

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกตอนแรกเตรียมตอบ เยี่ยนตี๋กลับเอ่ยขึ้นก่อน “ใต้เท้าตามหาจ้าวเกอบุตรของข้า มีคำชี้แนะใดหรือ”

เขาใช้ดาบกดดันเสวียนเฉิงอ๋องถอยหลัง แล้วระบายลมหายใจออกยาวๆ พร้อมกับมองกวนลี่เต๋อ

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เยี่ยนตี๋พอจะทายเจตนาของอีกฝ่ายออกแล้ว

ในยามที่เยี่ยนจ้าวเกอตามหาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ คนตรงหน้านี้เคยลงมือมาก่อน

สืบเนื่องจากถูกโจวฮ่าวเซิงแห่งสำนักความมืดหลอก จึงดำเนินการแก้แค้น ถ้าไม่ใช่หลินฮั่นหัวสอดมือ กวนลี่เต๋อคงล้างสำนักความมืดไปแล้ว

สำนักแสงสว่างกระจายข่าวที่เยี่ยนจ้วเกอได้กงจักรมหาประกายกาฬไปทั่วทะเลหวงเจีย เขากว่างเฉิงย่อมไม่มีข้อยกเว้น เพียงแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือราชวงศ์ต้าเสวีนอ๋อง จึงไม่มีเวลาสืบสาวเอาความอยู่ชั่วขณะ

กวนลี่เต๋อพลันปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ย่อมมีเจตนาร้ายแอบแฝง

“ท่านคือบิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ? รับหน้าแทนเขาได้หรือ” กวนลี่เต๋อมองเยี่ยนตี๋ สายตาสั่นไหวเล็กน้อย “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกสะกดจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดได้ หายาก หากยากจริงๆ”

เยี่ยนตี๋ตอบ “ชมกันเกินไปแล้ว”

กวนลี่เต๋อกวาดมองดินแดนจิตคุณธรรม เอ่ยอย่างเชื่องช้า “วาจาไร้สาระข้าไม่ขอกล่าวแล้ว มองอาวุธเซียนที่จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งไว้ให้ข้า แล้วข้าจะช่วยเขากว่างเฉิงจัดการปัญหาในตอนนี้อีกแรง”

………………..