ตอนที่ 1105: บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักดาบทรราช

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1105: บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักดาบทรราช

ในตอนนี้ จอมยุทธที่อยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์กลางทั้งหมดก็พุ่งออกมา พวกเขาตะโกน “ของอยู่กับพวกเราแล้ว ! “

“เอาล่ะ ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสประจำโถงเทพเจ้าสงครามสั่งให้ถอยทันที และพวกเขาก็รวมตัวกันในไม่ช้าหลังจากนั้น พวกเขาใช้วัตถุต้องห้ามทั้งสามในการปกป้องพวกเขาเองจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเพื่อที่จะให้พวกเขาทุกคนหนีได้

เซียนราชาของร้อยเผ่าพันธุ์ผ่ามิติที่แยกตัวออกไปที่เป็นที่อยู่ของนิกายหยางจิและเปิดประตูมิติออกทันทีเพื่อที่จะหนี ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ต้องการที่จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงบังคับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและไล่ตามไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถหยุดพวกร้อยเผ่าพันธุ์ได้

ชายวัยกลางคนร่างกำยำ กุยไฮ่ ยี่เต่า นั่งอย่างอาจหาญอยู่บนดาบทำลายคลื่นที่อยู่ในเขตหวงห้ามของสำนักดาบทรราช เขาหลับตา และพลังงานบริสุทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ไหลเข้าไปที่เขาไม่หยุด

กุยไฮ่ ยี่เต่ากำลังดูดซับพลังงานในยุทธภัณฑ์จักรพรรดิตั้งแต่ที่เขากลับมา ดังนั้นเขาจึงพัฒนาได้รวดเร็วมาก เขาเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 แล้วในตอนนี้ ซึ่งมันเป็นอัตราการก้าวหน้าที่เร็วอย่างน่ากลัวมาก

ทันใดนั้นเอง กุยไฮ่ ยี่เต่าก็ลืมตาขึ้น สายตาของเขาเหมือนจะมองทะลุผ่านมิติและสามารถเห็นโลกภายนอกได้ ตาของเขาเป็นประกายในตอนที่เขาลืมตาขึ้น

แม้ว่ากุยไฮ่ ยี่เต่าจะเป็นเพียงชั้นสวรรค์ที่ 3 แต่ความรับรู้ของเขานั้นก็ลึกซึ้งกว่าปกติ

ทันใดนั้นเอง โลกที่เป็นที่อยู่ของสำนักดาบทรราชก็สั่นไหวอย่างรุนแรง รอยแยกมิติขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ในขณะที่มิติที่แยกตัวออกมานี้ก็ถูกฉีกเปิดออกด้วยพลังที่สุดยอด กลุ่มเซียนราชาของร้อยเผ่าพันธุ์พุ่งเข้ามาพร้อมกับวัตถุต้องห้าม

ระฆังของตระกูลผู้พิทักษ์ก้องกังวาลอย่างดังไปทั่วทั้งตระกูล

ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งตระกูลตื่นตัวเป็นพิเศษหลังจากการกลับมาของกุยไฮ่ ยี่เต่า พวกเขากลัวว่าข่าวนี้จะรั่วไหลออกไปก่อนที่บรรพชนผู้ก่อตั้งของพวกเขาจะฟื้นฟูกำลังได้อย่างเต็มที่และศัตรูอาจจะเข้ามาโจมตีในตอนนี้ ทันทีที่ทุกคนได้ยินเสียงระฆัง พวกเขาก็รวมสมาธิและออกมาจากที่อยู่ของพวกเขาพร้อม ๆ กัน แม้แต่จอมยุทธที่กำลังฝึกฝนอยู่ก็ออกมาทันที

ผู้อาวุโสสูงสุดในโถงศักดิ์สิทธิ์กลางเดินออกมาอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อพวกเขารู้ถึงตัวตนของผู้บุกรุก พวกเขาร้องออกมา “บัดซบ พวกมันคือร้อยเผ่าพันธุ์ พวกมันต้องรู้แน่ว่าบรรพชนผู้ก่อตั้งของพวกเราได้กลับมาแล้ว พวกมันต้องการที่จะกำจัดบรรพชนของพวกเราก่อนที่เขาจะฟื้นฟูเต็มที่แน่”

“ข้าไม่คิดว่าร้อยเผ่าพันธุ์จะรู้ดีขนาดนี้ มันต้องเป็นเพราะตระกูลผู้พิทักษ์อื่นแน่ พวกเขาไม่ต้องการให้บรรพชนของพวกเราฟื้นตัวและเหนือกว่าพวกเขา พวกเราต้องใช้ทุกอย่างที่พวกเรามีเพื่อที่จะปกป้องท่านบรรพชนไว้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”

“พวกเราตายซะดีกว่ายอมให้บรรพชนของเราถูกทำร้าย”

ผู้อาวุโสสูงสุดแสดงความคิดเห็นออกมาในขณะที่สายตาของเขาแน่วแน่ ในตอนนี้เอง พวกเขาทั้งหมดไม่คิดถึงชีวิตของพวกเขาเลย

เซียนราชาที่รุกรานเข้ามาใช้วัตถุต้องห้ามเพื่อที่จะเบิกทางเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์กลาง ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหกคนบังคับโถงศักดิ์สิทธิ์ให้คุกคามไปทางผู้บุกรุก

ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้แค่พุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่งใส่เซียนราชาจำนวนมาก พวกเขาใช้ของที่ตระกูลผู้พิทักษ์มี

โถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกตระหงานกันสูงเป็นพันเมตร พวกมันตั้งอยู่อย่างไม่กลัวเหมือนภูเขาต่อหน้าเซียนราชาที่พุ่งเข้ามา

“ใช้วัตถุต้องห้ามทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น ! ” จอมยุทธตะโกนออกมา ทันใดนั้นเอง วัตถุต้องห้าม 3 ชิ้นก็ถูกใช้งาน กลุ่มนี้นำวัตถุต้องห้ามมาทั้งหมด 4 ชิ้น

แม้ว่าวัตถุต้องห้ามจะไม่ทรงพลังเท่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์ พวกมันก็ยังเป็นอาวุธของเซียนจักรพรรดิที่ตายไปในครั้งโบราณกาลอยู่ดี วัตถุต้องห้ามแต่ละชิ้นต้องใช้เซียนระดับราชา 2 – 5 คนในการควบคุม และทุกครั้งที่เกิดการโจมตี มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีของเซียนจักรพรรดิเลย

บู้ม !

เสียงระเบิดดังขึ้น วัตถุต้องห้ามทั้งสี่ปะทะอย่างรุนแรงไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์สี่โถง หินกระจายไปในอากาศและรอยแตกรอยใหญ่ก็ปรากฎขึ้นบนโถงศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแรง

“พวกเรามีเวลาไม่มาก ดังนั้นพวกเราต้องเคลื่อนไหวให้เร็ว ใช้วัตถุต้องห้ามพร้อมกันเพื่อทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์โถงหนึ่งของพวกเขา” จอมยุทธที่ควบคุมวัตถุต้องห้ามสั่ง

วัตถุต้องห้ามทั้งหมดเปลี่ยนเป้าหมาย ในตอนนี้เอง อาวุธทั้งสี่ก็พุ่งเป้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์อันเดียวกัน และโจมตีออกไปรุนแรงที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้

เสียงระเบิดดังขึ้น โถงศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นชิ้น ๆ ชิ้นส่วนกระเด็นไปในอากาศ และผู้อาวุโสสูงสุดข้างในก็พุ่งไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ใกล้ ๆ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผู้อาวุโสสูงสุดจะได้เข้าไปใกล้โถงศักดิ์สิทธิ์ พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็ตรึงเขา มันทำให้มิติรอบ ๆ เขาถูกพันธนาการไปในตอนนี้ เซียนราชาของร้อยเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังกว่าเขามากได้เริ่มโจมตีเขา และทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีไม่กี่ครั้ง

ในเวลาเดียวกัน วัตถุต้องห้ามทั้งสี่ก็ร่วมมือกัน คลื่นพลังงานที่มหาศาลพุ่งไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่สอง วัตถุต้องห้ามชิ้นเดียวสามารถสร้างการโจมตีที่ไม่อ่อนแอไปกว่าเซียนจักรพรรดิได้ ดังนั้นในตอนที่อาวุธรวมพลังกัน พลังของพวกมันจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่า โถงศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาไม่สามารถทนการโจมตีเพียงครั้งเดียวของมันได้

ในตอนนี้เอง ปราณดาบที่ทรงพลังมากก็ปรากฏขึ้นในเขตหวงห้ามของตระกูลผู้พิทักษ์ มีดพร้ายาวสามสิบเมตรก็บินมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าเพื่อมารับการโจมตีของวัตถุต้องห้ามทั้งสี่เอาไว้

มีดพร้าและวัตถุต้องห้ามทั้งสี่ปะทะกันลางอากาศและเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นออกมา คลื่นพลังงานที่น่ากลัวกระจายออกมาจากที่สูง และกวาดไปทั่วทุกทิศเหมือนพายุ พวกมันฉีกมิติและทำให้เกิดรอยแยกใหญ่ ทั่วทั้งอาณาเขตสั่นไหว มันเริ่มที่จะพังทลาย

เมื่อถูกมีดพร้าป้องกันเอาไว้ วัตถุต้องห้ามทั้งสี่ก็ลอยกลับไปเหนือหัวของผู้ควบคุมมัน มีดพร้าทิ่มปลายลงไปที่พื้น มันเปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่สุดยอด เหมือนว่ามันเป็นราชาของโลก

ไม่เพียงแต่มีดพร้าจะป้องกันวัตถุต้องห้ามทั้งสี่และปกป้องโถงศักดิ์สิทธิ์ได้เท่านั้น มันยังขัดขวางเซียนราชาทั้งหมดได้เช่นกัน

“นั่นมันยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์ ไม่ ทำไมมันถึงได้ทรงพลังกว่าที่บอกไว้ในบันทึกล่ะ ? ” เซียนราชาถามเสียงแหบแห้ง ในขณะที่เขาจ้องไปที่มีดพร้า

“บันทึกบอกไว้ว่า มันจะต้องใช้เซียนระดับราชาหลายคนเพื่อใช้วิชาลับร่วมกันในการใช้งานยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ พวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาที่นานด้วยเช่นกัน แต่วิธีที่มันปรากฏขึ้นมานี้แตกต่างจากในบันทึกอย่างสิ้นเชิง” ผู้อาวุโสประจำศาลาพูด เขาสงสัยในใจ

โถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าที่ถูกผู้อาวุโสสูงสุดควบคุมอยู่ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้อาวุโสสูงสุดปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าหลักของโถงศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่พวกเขาจ้องอย่างเคร่งเครียดไปที่ดาบทำลายคลื่น พวกเขาทั้งหมดกังวล

พวกเขารู้ดีว่าบรรพชนผู้ก่อตั้งของพวกเขาที่กำลังฝึกฝนอยู่ในเขตหวงห้ามนั้นเป็นคนโจมตีออกมา อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจะไปเป็นคู่มือของร้อยเผ่าพันธุ์ได้อย่างไร ? นี่ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดกังวลถึงความปลอดภัยของบรรพชนผู้ก่อตั้งของพวกเขา

มิติตรงนั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รอยแยกสีดำสนิทพาดผ่านอยู่บนท้องฟ้า มิติกำลังจะพังทลาย

ในตอนนี้เอง ร่างหนึ่งก็ออกมาจากเขตหวงห้าม เขาเดินไปในอากาศโดยไม่มีพลังแห่งการมีอยู่ใดเลยเหมือนคนธรรมดา แต่ทุกก้าวของเขานั้นไกลถึงพันเมตร เขาเคลื่อนที่มาอย่างมั่นคง

เขาคือกุยไฮ่ ยี่เต่า ภายใต้ความสนใจของเซียนราชาที่มารุกรานทุกคนนั้น เขาก็ออกมาอย่างสงบก่อนที่จะมานั่งอยู่บนด้ามของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขามองไปที่ผู้รุกรานอย่างสบาย ๆ เหมือนว่าไม่มีอะไรสำคัญ หลังจากนั้นเขาก็ชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าและโถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดก็ปรากฏขึ้นมาจากที่ใดไม่รู้ แต่ละโถงเปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล พวกมันเชื่อมต่อกับและแบ่งปันพลังของพวกมัน เหมือนว่าพวกมันเป็นหนึ่งเดียวกัน จากนั้นพวกมันก็หลอมรวมเข้ากับมิติในสิบแปดพื้นที่ที่แตกต่างกัน และหยุดการพังทลายลงของมิติอย่างรวดเร็ว และส่วนที่พังทลายไปก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูอย่างช้า ๆ

ผู้รุกรานทั้งหมดเคร่งเครียด แม้ว่าพลังแห่งการมีอยู่ของกุยไฮ่ ยี่เต่าจะไม่ได้ทรงพลังมาก แต่เขาก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนเขาควบคุมทุกอย่างได้ มันทำให้ร้อยเผ่าพันธุ์ตกตะลึงอย่างแปลก ๆ

นี่เป็นเพราะแม้แต่เซียนจักรพรรดิยังให้ความรู้สึกแบบนี้ออกมาไม่ได้เลย

“เจ้าเป็นใครกัน ? ” เซียนราชาถามเสียงทุ้ม เขาจ้องไปที่กุยไฮ่ ยี่เต่า ในขณะที่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจผู้อาวุโสสูงสุดทุกคนที่ควบคุมโถงอยู่เลย

“ข้าคือกุยไฮ่ ยี่เต่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบมาก แต่ผู้บุกรุกก็รู้สึกถึงความหยั่งไม่ถึงในความสงบนี้

แม้แต่เซียนราชาขั้นสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์ยังต้องหน้าซีด ถ้าพวกเขาต้องเจอกับวัตถุต้องห้าม 4 ชิ้นและเซียนราชามากมายขนาดนี้ มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่กุยไฮ่ ยี่เต่ายังคงสงบอยู่อย่างนี้

“มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาเป็นใคร พวกเรามาร่วมมือกัน พวกเราต้องเอาของนั่นมาไม่ว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงขนาดไหนก็ตาม” เซียนราชาที่ควบคุมวัตถุต้องห้ามตะโกนออกมา เขาฟันไปที่กุยไฮ่ ยี่เต่าทันทีด้วยพลังงานที่น่ากลัวที่เปล่งรัศมีออกมา

ในเวลาเดียวกัน วัตถุต้องห้ามอีก 3 ชิ้นก็โจมตีออกไปพร้อมกัน พวกเขาทั้งหมดโจมตีไปที่กุยไฮ่ ยี่เต่าที่นั่งอยู่จากทิศทางที่ต่างกันด้วยพลังทำลายล้าง

กุยไฮ่ ยี่เต่าไม่ได้หวั่นไหว เขาลอยขึ้นทันที ในขณะที่ดาบทำลายคลื่นที่ยาวสามสิบเมตรที่ปักลงไปที่พื้น 1.5 เมตร ก็ลอยขึ้นมาในมือของเขา

ในตอนนี้เอง พลังแห่งการมีอยู่ทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนไป ปราณดาบที่พุ่งพวยเปล่งรัศมีออกมาจากเขา และเขาไม่ดูเหมือนคนธรรมดาอีกแล้ว แทนที่กัน เขาเหมือนดาบที่ชักออกมาจากฝัก พลังแห่งการมีอยู่ที่มากมายของเขาทำให้ท้องฟ้าสั่นไหวและปราณดาบที่น่ากลัวก็ตัดผ่านไปทั่วมิติว่าง