บทที่ 1336 เสินหลูเต้า

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

คำตอบชัดเจนมาก

เป็นไปได้มากว่าต้นกำเนิดของเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาในโลกชั้นที่สองนั้น…มาจากมหาเทพ

มหาเทพผู้หลับใหล อารมณ์ของเขากลายเป็นเจ็ดอารมณ์ ความต้องการของเขากลายเป็นหกปรารถนามาเติมเต็มโลกใบนี้ เปลี่ยนแปลงทุกอย่างของที่นี่ ส่งผลต่อทั้งหมดของที่นี่ เป็นเพราะความเผด็จการของเขา ดังนั้นกฎเกณฑ์อย่างอื่นในที่นี่นอกเหนือจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาล้วนถูกผลักไสทั้งหมด

นอกจากจะเป็นเหมือนเมืองโบราณซึ่งได้รับการยอมรับในแง่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นกฎเกณฑ์ข้างนอกทุกอย่างก็ล้วนไม่มีทางนำมาใช้กับที่นี่ได้

ทันทีที่ใช้ออกมาก็จะเรียกให้วิญญาณจักรพรรดิปรากฏกาย

หวังเป่าเล่อเหลือบมองก้อนเนื้อใหญ่โตผู้นี้อย่างล้ำลึก เมื่อเขาสะบัดมือ หนวดทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินว่อนไปรอบด้าน เสียงโห่ร้องกึกก้องราวกับอสนีสวรรค์ กลิ่นอายแห่งปรารถนารสเข้มข้นระเบิดออกมา จากนั้นเขาก็ถอนสายตากลับ

เมื่อเขาถอนสายตากลับแล้ว กลิ่นอายแห่งปรารถนารสในที่แห่งนี้ก็พลุ่งพล่านทันที หลังจากถูกเจ้าแห่งปรารถนากลืนกินจนเหลืออยู่สี่ส่วน เงาร่างของเขาก็หายวับ

หลังจากเขาหายไปแล้ว แววตาของเจ้าสวาปามทั้งแปดคนก็เผยประกายประหลาด โคจรพลังกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสในร่างแล้วเริ่มกลืนกิน เมื่อพวกเขากลืนกินอยู่นั้น ภาพที่หวังเป่าเล่อมองเห็นไม่ชัดตอนมาที่นี่ครั้งแรกเพราะยังไม่ได้ฝึกกฎเกณฑ์ปรารถนารส ก็ปรากฏขึ้น

เขามองเห็นชัดเจนว่ารอบตัวของเจ้าสวาปามทั้งแปดมีหลุมดำแปดแห่งปรากฏขึ้นมา หลุมดำขนาดเล็กที่สุดจากแปดแห่งล้วนสูงใหญ่ถึงร้อยจั้ง ส่วนหลุมดำที่น่ากลัวที่สุดนั้นอยู่ตรงข้ามกับโจวหั่ว เป็นเจ้าสวาปามที่อยู่อีกฝั่งของแท่นบูชา หลุมดำของเขาคาดไม่ถึงว่าจะใหญ่ถึงเจ็ดร้อยจั้ง

ในชั่วพริบตาพวกเขาทั้งแปดดูดซับกลิ่นอายแห่งปรารถนารสรอบด้านอย่างดุเดือด ขณะเดียวกัน สาวกเนื้อที่อยู่ข้างกายเจ้าสวาปามทั้งแปดก็ค่อยๆ เริ่มดูดซับบ้าง

และวังน้ำวนของพวกเขาก็เล็กกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด ขนาดอยู่ระหว่างสิบกว่าถึงเจ็ดสิบจั้ง ดังนั้นจึงเกิดความต่างในเรื่องการดูดซับ เมื่อเห็นทุกอย่างแล้ว หวังเป่าเล่อก็หรี่ตา สูดหายใจลึก

ทันใดนั้นผลึกแก้วแห่งกฏเกณฑ์ปรารถนารสในตัวเขาพลันเจิดจรัส ก่อตัวเป็นแรงดึงดูดมหาศาล มันปรากฏออกมาข้างนอก กลายเป็นวังน้ำวนขนาดราวๆ สี่สิบจั้ง และเข้าไปดูดซับด้วยเช่นกัน

เมื่อกลิ่นอายแห่งปรารถนารสอันเข้มข้นถูกสูบเข้ามา ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เปล่งประกายสว่างไสว เขาสัมผัสได้ว่ากฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสของตนกำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่ไม่คาดคิด

แม้จะไม่ได้รวดเร็วเท่าตอนที่กลืนกินสาวกเนื้อผู้อยู่เบื้องหลังเกล็ดโลหิตก่อนหน้านี้ แต่มันยืดยาวกว่า โอนอ่อนกว่า ดังนั้นจึงได้ประโยชน์มามากกว่า

เหมือนกับร่างกายอยู่ท่ามกลางของบำรุงมหาศาล ขณะที่กฎเกณฑ์แจ่มชัดบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกทรงพลังก็ถูกส่งกลับมาจากกฎเกณฑ์เช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้ประกายแสงในดวงตาของหวังเป่าเล่อเจิดจรัส เขาจึงคลายการจำกัดตนเล็กน้อยอีกครั้ง พริบตาต่อมา เมื่อวังน้ำวนของเขากู่ร้องก้อง มันก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นห้าสิบกว่าจั้งทันที จากนั้นก็ขยายต่อไปจนถึงเจ็ดสิบกว่าจั้งอีกครั้ง

เดิมทีมันยังสามารถขยายใหญ่ต่อไปได้อีก แต่หวังเป่าเล่อรู้ว่าทุกอย่างไม่อาจมากเกินไป ดังนั้นจึงกลืนกินกลิ่นอายแห่งปรารถนารสโดยที่พยายามควบคุมสุดกำลังเพื่อรักษาขอบเขตนี้เอาไว้

แม้ว่าควบคุมอยู่ตรงนี้ แต่การมีอยู่ของเขาก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว เพียงพริบตาก็ดึงดูดความสนใจจากสาวกเนื้อคนอื่นๆ และเจ้าสวาปามได้ โดยเฉพาะหลังจากเห็นวังน้ำวนของหวังเป่าเล่อใหญ่ถึงเจ็ดสิบกว่าจั้ง สาวกเนื้อแทบทุกคนก็ดวงตาหดเกร็ง แม้แต่เจ้าสวาปามก็ยังเผยประกายแสงแปลกประหลาดแล้วกวาดตามองหวังเป่าเล่อด้วย

ความจริงแล้วตอนนี้ในหมู่สาวกเนื้อ ผู้ที่บรรลุถึงเจ็ดสิบจั้งมีเพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือหวังเป่าเล่อ ส่วนอีกคนก็คือชายฉกรรจ์หัวล้านลูกน้องของเจ้าสวาปามที่อยู่ข้างหลุมดำใหญ่เจ็ดร้อยจั้งผู้นั้นนั่นเอง

ชายฉกรรจ์ผู้นี้ไม่เพียงแต่หัวล้าน แม้แต่ขนคิ้วก็ยังไม่มี แต่การที่เขายืนอยู่ตรงนั้น ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่มองเห็นเขาก่อนหน้านี้ล้วนมีสีหน้าเคารพนบน้อมแบบที่เป็นรองแค่การเคารพเจ้าสวาปามเท่านั้นด้วยซ้ำ

คนผู้นี้คือสาวกเนื้ออันดับหนึ่งในเมืองปรารถนารส

ตอนนี้เขาได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหวังเป่าเล่อแล้ว จึงเงยหน้ามองด้วยความเย็นชา แววตาเปล่งประกาย

“ชื่อเขาคือเสินหลูเต้า ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นเจ้าสวาปามคนที่เก้าในรอบพันปี เจ้าถูกเขาเพ่งเล็งแล้ว” หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าเช่นกัน ครั้นเขามองไปยังผู้ฝึกตนหัวล้านผู้นั้น ข้างหูของเขาก็มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นมา

ผู้ที่กล่าวก็คือสาวกเนื้ออีกคนใต้บัญชาโจวหั่ว เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อหันมามอง สาวกเนื้อที่พูดก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้า

“เขาอยากจะกินเจ้า” สาวกเนื้อที่กล่าวเอ่ยต่อ

“ในเมืองปรารถนารส ระหว่างสาวกเนื้อที่อยู่ใต้บัญชาของเจ้าสวาปามแต่ละคนจะถูกยกเว้นให้ต่อสู้กันได้โดยไม่จำกัด ซึ่งจะเกิดขึ้นด้วยเหตุการณ์สองอย่าง เรื่องถึงชีวิตก็ถูกแทรกแซงได้ด้วย…รอถึงงานเลี้ยงแล้วข้าค่อยบอกเจ้าอีกที”

หวังเป่าเล่อพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่แววตาที่มองไปยังเสินหลูเต้าผู้นั้นกลับหรี่ลง ไม่นานก็ถอนสายตากลับ และเสินหลูเต้าผู้นั้นก็ถอนสายตากลับไปเช่นกัน

เช่นนี้เอง ระหว่างที่ทุกคนดูดซับกันอยู่นั้น ไม่นานกลิ่นอายแห่งปรารถนารสรอบๆ แท่นบูชาก็ค่อยๆ ลดลง จนกระทั่งหายไปจนหมด ฝูงชนกระจัดกระจายไปไล่ตามหนวดสีทองทันที

เมื่อเทศกาลมาถึงช่วงนี้ สำหรับพวกเจ้าสวาปามกับสาวกเนื้อ มันนับว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่สำหรับหวังเป่าเล่อ ต่อจากนี้…เป็นเวลาที่เขาจะได้เข้าร่วมกลุ่มอย่างสมบูรณ์

โดยเฉพาะก่อนที่จะแยกย้ายกัน โจวหั่วยังเหลือบมองหวังเป่าเล่ออย่างลึกล้ำอีกคราหนึ่งด้วย

หวังเป่าเล่อประสานหมัดคำนับ ไม่ได้กล่าวอะไร เขาเดินไปกับสาวกเนื้อคนอื่นๆ แล้วแยกย้ายกันไป

งานเลี้ยงยามเย็นของโจวหั่วกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

งานเลี้ยงครั้งนี้อนุญาตให้สาวกเนื้อนำผู้อยู่ใต้บัญชามาด้วยได้ และผู้ที่หวังเป่าเล่อพาไปด้วยก็คือผู้จัดการร้านหญิง นางแต่งกายเต็มยศทั้งที่ในใจนั้นประหม่าและตื่นเต้น ขณะเดียวกันก็เตรียมของขวัญชุดหนึ่งมาด้วย

ในค่ำคืนแห่งเทศกาลสวาปามเช่นนี้ เมื่อเทียบกับการฆ่าฟันต่อสู้ข้างนอกและเสียงคำรามตื่นเต้นกับเสียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดแล้ว ภายในห้องโถงจัดเลี้ยงในคฤหาสน์ของโจวหั่วนั้นมีโคมไฟสว่างไสวและเสียงหัวเราะสุขใจดังลั่น

ผู้มีกินใต้บัญชาของโจวหั่วทั้งหมดล้วนมารวมตัวกันที่นี่ พวกคนใช้มากมายต่างยกอาหารเลิศรสแต่ละอย่างมาจากชั้นบนอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มีสิทธิมาที่นี่ทั้งหมดล้วนได้กินอย่างไม่จำกัด

ทั้งหมดนี้ ขณะที่มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนของผู้จัดการร้านหญิง มันก็ยังเป็นครั้งแรกในชีวิตนางด้วยเช่นกัน ส่วนหวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ พอมาถึงก็ให้ผู้จัดการร้านหญิงร่วมงานเอง ส่วนตนเดินเข้าไปในห้องโถงจัดเลี้ยง ไปหาสาวกเนื้อที่เคยแนะนำเสินหลูเต้าให้กับเขา ผู้ซึ่งถูกผู้ฝึกตนระดับมีกินเจ็ดแปดคนรายล้อมอย่างเคารพ

เมื่อเขาเดินเข้ามาหา ผู้มีกินที่อยู่รอบตัวสาวกเนื้อผู้นั้นก็พากันถอยไป

“ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ข้างแท่นบูชาไม่สะดวกพูดคุย จึงยังไม่ได้แนะนำตัวเอง ข้าน้อยนามจงไห่จื่อ” สาวกเนื้อผู้นี้มองหวังเป่าเล่อคราหนึ่ง เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“สหายเต๋าจงไห่ โปรดบอกถึงสถานการณ์สองอย่างที่อนุญาตให้สาวกเนื้อเข่นฆ่ากันด้วยเถิด” หวังเป่าเล่อเดินเข้ามาใกล้ พลางหยิบไหสุราจากคนใช้ที่อยู่ข้างๆ มาหนึ่งไหแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน

จงไห่จื่อผู้นี้อยากสนิทสนมกับหวังเป่าเล่ออย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจึงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“อย่างแรกนั้นก็เป็นสาวกเนื้อที่เลื่อนขั้นใหม่แบบสหายเต๋าปิงหลิง ซึ่งจะมีเจ้าสวาปามดึงเข้าพวกและคอยให้ท้าย”

“อย่างที่สองก็คือ…ในช่วงเวลาสำคัญของการเลื่อนขั้น พฤติกรรมกลืนกินสาวกเนื้อคนอื่นในช่วงนี้จะไม่ถูกขัดขวาง”

“และแม้ว่าเสินหลูเต้าคนนี้จะยังไม่ถึงระดับสูงสุด แต่มีข่าวลือว่าพลังที่แท้จริงของเขาอยู่ไกลกว่าที่แสดงให้เห็นในปัจจุบันแล้ว ดังนั้นสหายเต๋าปิงหลิง เจ้าจะต้องระวังตัวไว้” จงไห่จื่อมองหวังเป่าเล่ออย่างล้ำลึก

…………………