อามุนด์!
ผู้เย้ยเทพอามุนด์!
เลียวนาร์ดย่อมเคยเห็นชายตรงหน้า ไม่เพียงมันเคยเผชิญหน้ากับร่างโคลนนี้ แต่ยังเคยได้ฟังวีรกรรมความชั่วร้ายมากมายจากพาลีส·โซโรอาสเตอร์และชุมนุมทาโรต์
ทันใดนั้น สมองของเลียวนาร์ดแทบหยุดนิ่ง มีเพียงส่วนน้อยที่ยังสามารถประมวลผล
ริมฝีปากอามุนด์กำลังพึมพำพลางส่งเสียงเพรียกในระดับครึ่งเทพ
เสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้นในใจเลียวนาร์ดราวกับดังมาจากอามุนด์จำนวนมาก
“ประหลาดใจใช่ไหม? คาดไม่ถึงเลยล่ะสิ?”
“หลังจากพบว่าข้ามิอาจขโมยปราสาทต้นกำเนิดได้ในเวลาอันสั้น ข้าจึงเบนเป้ามายังเบ็คลันด์…”
“หากไม่ใช่เพื่อตบตาพวกเจ้า… ทำไมข้าต้องเสียเวลาเล่นเกมแมวจับหนูกับเจ้านั่นด้วย?”
“ข้าเชื่อว่าเจ้าทั้งสองคงยังติดต่อกัน…”
“เจ้านั่นคงเล่าให้ฟังว่าถูกข้าแกะรอยและทำลายแผนการของตน… ถึงขั้นวางกับดักไว้ที่ปลายทาง…”
“แต่นั่นก็แค่ร่างโคลนที่มีลำดับใกล้หนึ่ง…”
“เอาล่ะ พาลีส ข้าลืมบอกไปว่าในช่วงท้ายยุคสมัยที่สี่ ข้าแสร้งสวมรอยเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเจคอปมาตลอด ในความเป็นจริง ข้าแอบกลืนกินเจ้านั่นมานานแล้ว เพื่อที่จะได้เห็นลูกหลานของมันเผยสีหน้าตื่นตระหนก จากนั้นก็แอบทิ้งขุมสมบัติไว้ในจุดที่ทูดอร์กลายเป็นจักรพรรดิโลหิต…”
“ข้าทิ้งพวกมันไว้เพราะเชื่อว่าจะต้องมีประโยชน์เข้าสักวัน นอกจากนั้นยังทิ้งร่างโคลนที่หลับใหลมานานนับพันปีเพื่อรอให้ใครบางคนมาเปิดกรุสมบัติ แถมยังไม่ได้แบ่งปันข้อมูลนี้กับร่างโคลนอื่น เพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลออกไประหว่างทาง…”
“อา… การ ‘แบ่งปัน’ ข้อมูลในลักษณะนี้คือเทคนิคที่ข้าเป็นผู้คิดค้น พาลีส เจ้ายังล้าหลังอยู่มากทีเดียว…”
“เพื่อจะระบุตำแหน่งของเจ้า ข้าเฝ้ามองพวกมันทำลายกับดักและขโมยข้าวของอย่างใจเย็น จนกระทั่งเห็นร่างโคลนของเจ้าขโมยตะกอนพลังไปจากมือพวกมัน… ข้าเห็นร่างโคลนนั่นกลืนกินเข้าไปและทำการย่อย… หึหึ ในที่สุดความอดทนของข้าก็ถูกตอบแทน… ตอนนี้เจ้ากำลังคิดจะถ่วงเวลาเพื่อให้ ‘เทพเสด็จเยือน’ ใช่ไหม?”
สุ้มเสียงดังกล่าวดังกังวานซ้อนทับ ฉีกทำลายดวงวิญญาณเลียวนาร์ดจนเจ็บปวดรวดร้าว ร่างกายของมันพองตัวและหดกลับอย่างมิอาจควบคุม ส่งผลให้กระจุกขนสั้นสีดำผุดขึ้นบนใบหน้า ซี่โครงและสะโพกนูนขึ้นประหนึ่งเตรียมงอกแขนขาข้างใหม่
ลำพังเสียงเพรียกไม่กี่หนก็ทำให้เลียวนาร์ดใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นไปทั่วร่างชนิดไม่มีทางรับมือ
นี่คือบุตรแห่งพระผู้สร้าง ราชาเทวทูต
ในเวลาเดียวกัน บ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์เริ่มเกิดการเปลี่ยน เสาหินสีดำทยอยตั้งเรียงรายรอบบ้านจนกลายเป็นมหาวิหารสูงสง่า
ทุกต้นเสาของวิหารฝังไว้ด้วยโครงของสิ่งมีชีวิตหลากเผ่าพันธุ์ พวกมันเรียงชิดติดกันและใช้เบ้าตากระดูกจ้องมาทางเลียวนาร์ดผู้อ่อนแอในจุดใจกลาง ประหนึ่งกำลังดำเนินการพิจารณาคดี
อามุนด์ยืนอยู่หน้าไม้กางเขนสูงกว่าร้อยเมตรในส่วนลึกของวิหาร ยิ้มพลางจ้องหน้าเลียวนาร์ดซึ่งกำลังบิดเบี้ยว
“วิหารกระดูกแห่งนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม? ข้าเพิ่งขโมยมาเมื่อไม่นานนี้เอง… ด้วยสิ่งนี้ ต่อให้พวกท่านทั้งหลายสัมผัสถึงความผิดปรกติและรีบใช้เทพเสด็จเยือน แต่ก็จะถูกถ่วงเวลาไว้ไม่ต่ำกว่าสามสิบวินาที… เท่านั้นก็เหลือเฟือ”
ขณะกล่าว อามุนด์ยกมือขึ้นมาจับกรอบแว่นบนใบหน้าเปื้อนยิ้ม
โสตประสาทของเลียวนาร์ดพลันได้ยินเสียง ‘ก๊อง’ เป็นเสียงที่ฟังดูล่องลอยราวกับดังมาจากจุดห่างไกล
เสียงดังกล่าวทำให้เสียงเพรียกที่กัดกร่อนดวงวิญญาณเลียวนาร์ดหยุดลงทันที ทุกสิ่งรอบตัวเงียบงันกะทันหัน
ในการมองเห็นของเลียวนาร์ด ลำแสงหนึ่งพุ่งออกจากร่างกายและควบแน่นกลายเป็นร่างอันบริสุทธิ์ซึ่งดูคล้ายเทวทูตไร้ปีก
ร่างดังกล่าวสูงกว่าร้อยเมตร ผิวกายส่องสว่างอย่างต่อเนื่องคล้ายกับบ่งบอกถึงกาลเวลา
ทันใดนั้นเอง ร่างเลียวนาร์ดถูกผลักด้วยพลังล่องหนจนลอยไปยังทางเข้าวิหารกระดูก
บนประตูมีใบหน้าโปร่งใสและบิดเบี้ยวโผล่ขึ้น ทำหน้าที่ตัดขาดภายในกับภายนอก ตัดขาดที่นี่จากโลกวิญญาณและโลกดารา
ก๊อง!
อีกหนึ่งเสียงระฆังดังขึ้น ใบหน้าโปร่งใสที่แฝงความเจ็บปวดพลันหยุดชะงัก
ร่างเลียวนาร์ดไม่ถูกกีดขวางอีกต่อไป ภายในระยะเวลาแสนสั้น มันพุ่งผ่านประตูหลักของวิหารกระดูกโดยไม่สัมผัสกับสิ่งใด
ทุกสิ่งในการมองเห็นกลับเป็นปรกติทันที เหนือท้องฟ้าสูงยังมีแสงสว่างอยู่เล็กน้อย โคมไฟถนนถูกจุดเรียบร้อยแล้ว ช่วยมอบความสว่างแก่บ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์
ด้านนอกบ้านเงียบสงบและมืดมิด ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมา
ตาแก่… เลียวนาร์ดเพิ่งได้สติกลับมา หัวใจของมันเต้นระรัวขณะเดินตรงไปข้างหน้าเพื่อกลับเข้าบ้าน
ทว่า ประตูของบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์กลับหนักอึ้งราวกับไม่สามารถเปิดได้อีกสักพัก
เมื่อถูกกีดขวางด้วยอุปสรรค สมองเลียวนาร์ดกลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง มันรีบถอยหลังกลับและคิดหาวิธีช่วยตาแก่
ผ่านไปไม่กี่ก้าว มันหยุดเดินพลางก้มหน้าอย่างเคร่งขรึม จากนั้นก็ท่องเป็นภาษาคนยักษ์
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”
เลียวนาร์ดมั่นใจว่าอามุนด์ด้านในเป็นร่างหลัก และหากหวังจัดการกับร่างหลักของอามุนด์ ก็มีแต่ต้องขอความช่วยเหลือจากเทพเท่านั้น!
…
ขณะเดินถือตะเกียงท่ามกลางความมืด ไคลน์รีบส่งตัวเองเข้าสู่ช่องว่างประวัติศาสตร์ จากนั้นก็ถอยหลังสี่ก้าวเข้ามายังมิติเหนือสายหมอก
หลังจากได้ฟังคำวิงวอนของเลียวนาร์ด ไคลน์ซึ่งสมองตื้อเล็กน้อยในตอนแรกพลันได้สติ ราวกับเพิ่งตื่นจากการจำศีลและคลานออกจากเตียงนอนพร้อมกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด
ร่างต้นของอามุนด์ไปโผล่ที่เบ็คลันด์… ร่างต้นอามุนด์ค้นพบเลียวนาร์ดและพาลีส… อามุนด์ขโมยวิหารกระดูกมาจากพี่ชายเพื่อถ่วงเวลาในการเสด็จเยือนของเทพ… หมายความว่าที่บอกว่าจะเล่นเกม ‘ใครจะจับหมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์ได้ก่อนกัน’ ไม่ได้ทำไปเพื่อหวังผลแพ้ชนะมาตั้งแต่แรก ไม่สนใจที่จะเดิมพันด้วยซ้ำ เป้าหมายเดียวของเจ้านั่นคือการดึงดูดความสนใจของเราโดยทำให้เชื่อว่ามันพยายามเล็งขโมยปราสาทต้นกำเนิดในทุกลมหายใจ… กับดักในขุมทรัพย์ตระกูลเจคอป เป็นสิ่งที่อามุนด์วางไว้กว่าสองพันปีและเพิ่งถึงเวลาสุกงอมในตอนนี้… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ยกมือขวาขึ้นมาเสกบางสิ่งออกจากกองขยะ
0-61 กล่องวันวาน!
นี่ไม่ใช่แค่สมบัติปิดผนึกระดับ 0 แต่มันเป็นถึงสมบัติปิดผนึกของเส้นทางผู้ฝึกหัดซึ่งสามารถระดมพลังของปราสาทต้นกำเนิดเพื่อแสดงศักยภาพที่ให้สูงกว่าเดิมได้!
หากต้องเผชิญหน้ากับร่างหลักของอามุนด์ สิ่งนี้อาจมอบความหวังอันริบหรี่ให้พาลีส
ในเวลาเดียวกันผ่านจุดแสงสวดวิงวอน ไคลน์ยืนยันว่าเลียวนาร์ดยังไม่ถูกอามุนด์สิงร่าง จึงรีบออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงของเดอะฟูล
“รีบออกจากจุดเกิดเหตุและมุ่งหน้าไปยังวิหารของรัตติกาล… และอย่าลืมสวดวิงวอนถึงรัตติกาล”
เลียวนาร์ดย่อมไม่มีบทบาทในศึกระหว่างสุดยอดตัวตนซึ่งเป็นรองเพียงทวยเทพ หรือต่อให้ไคลน์ควบคุมปราสาทต้นกำเนิดในเชิงลึกและดึงศักยภาพของ 0-61 ออกมาได้ถึงขีดสุด แต่มันก็ไม่มั่นใจสักเท่าไร ได้แต่หวังว่าจะยื้อเวลาให้ถึงช่วงเวลา ‘เสด็จเยือน’
ด้านนอกบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์ เลียวนาร์ดกำลังได้ยินคำสั่งจากเดอะฟูล
มันผงะเล็กน้อยพลางมองไปทางประตูที่ปิดสนิท จากนั้นก็หันหลังกลับและใช้สันหมัดขวากระแทกฟันซี่หนึ่งอย่างแรง
โคลนมายาพรั่งพรูออกจากศีรษะของเลียวนาร์ดทันที ห่อหุ้มร่างกายมันหัวจรดเท้า
ทันใดนั้น คล้ายกับเลียวนาร์ดกลายเป็นตุ๊กตาโคลนและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน
นี่คือดวงวิญญาณหายากที่มันซื้อมาจากชุมนุมผู้สันโดษแห่งชะตา เป็นวิญญาณที่ไม่มีตะกอนพลัง ความสามารถส่วนใหญ่มาจากโลกวิญญาณ
มันช่วยให้เลียวนาร์ดสามารถเดินทางใต้ดินได้ด้วยความเร็วระดับหัวรถจักรไอน้ำ
ขณะเลียวนาร์ดออกจากสนามรบ ไคลน์หยิบกล่องวันวานขึ้น จากนั้นก็ระดมพลังของปราสาทต้นกำเนิดพร้อมกับจ้องไปยังวิหารขนาดมหึมาสีดำสนิทที่มีโครงกระดูกซ้อนทับจำนวนมาก
วิหารแห่งนี้ปิดกั้น ‘ตาทิพย์’ จนไคลน์มองไม่เห็นสถานการณ์ด้านใน แต่พิจารณาจากแสงสว่างที่ส่องลอดผ่านกระจกหลากสี การต่อสู้คงไม่จบลงในอนาคตอันใกล้
ใช้พลังของ 0-61 เพื่อสับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมภายในกล่องกับวิหาร? ไม่ได้ แบบนั้นไม่ต่างอะไรกับอนุญาตให้อามุนด์ขึ้นมาบนปราสาทต้นกำเนิดโดยตรง… ลำพังชั้นบนสุดของกล่องวันวานไม่มีอำนาจพอจะผนึกมันแน่…
เปิดชั้นที่สองเพื่อย้ายบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์ไปยังสถานที่อื่น? แบบนั้นไม่ดีแน่… หากไปไกลจากกรุงเบ็คลันด์ ความช่วยเหลือจากทวยเทพก็ยิ่งช้าลงไปใหญ่ ถือเป็นสถานการณ์อันตรายสำหรับพาลีส…
ชั้นที่สาม? การเปิดมันอาจทำให้เจ้าของปราสาทต้นกำเนิดเปลี่ยนมือในพริบตา…
“…”
ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ผุดไอเดียใหม่ นั่นคือการลดขนาดพื้นที่เป้าหมายให้เล็กลงและออกแรงเพื่อทำลาย!
อันดับแรก มันต้องการสับเปลี่ยนบริเวณประตูวิหารกับสภาพแวดล้อมในกล่องวันวาน
วิธีนี้จะช่วยให้ทวยเทพไหวตัวได้เร็วขึ้นและดำเนินการเทพเสด็จเยือนเร็วขึ้นด้วย!
พลังอันท่วมท้นหลั่งไหลเข้าไปในดาวแดงตัวแทนเลียวนาร์ดพร้อมกันกับที่ไคลน์เปิดกล่องชั้นบนสุด
บนโลกความจริง ณ บ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์ ประตูวิหารที่ซ้อนทับกับโลกความเป็นจริงพลันสูญเสียแสงสว่าง
สถานการณ์ภายในและภายนอกวิหารกระดูกได้รับความกระจ่างแล้วบนดวงตาไคลน์
ต่อหน้าไม้กางเขนที่สูงราวร้อยเมตร อามุนด์ผู้แต่งกายในชุดคลุมสีดำ หมวกปลายแหลมและแว่นตาขาเดียว บรรจงเปิดประตูอย่างใจเย็น
มือข้างหนึ่งกำลังถือเสาผลึกที่สร้างจากแสงและเงา ภายในนั้นเต็มไปด้วยหนอนโชคชะตา คล้ายกับกระแสเวลาหยุดนิ่งโดยสิ้นเชิง
อามุนด์เงยหน้าขึ้นพลางแหงนมองยามค่ำคืนด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
…………………