กว่าที่นายน้อยห้าจะรู้ตัวนั้นมันก็สายไปเสียแล้ว

ทันทีที่ทักษะโยวหลัวโจมตีไป เขาก็ไม่สามารถต้านทานได้

เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ร่างของนายน้อยห้าล้มลงไปบนลานประลองที่แตกระแหงนั้น

เปรี้ยง! ลานประลองอันแข็งแกร่งได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

“ลานประลองนี้อย่างน้อยก็สามารถรองรับพลังของมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกได้! แต่นี่มัน…นี่มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ เช่นนี้แล้ว…”

“นั่นก็หมายความว่า การโจมตีเมื่อครู่ของมู่หรงเฉียนเยี่ย อย่างน้อยก็ต้องเป็นพลังของมหาจักรพรรดิระดับหกอย่างนั้นเหรอ”

“แต่เมื่อครู่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าพลังของมู่หรงเฉียนเยี่ยเป็นเพียงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีทักษะวิญญาณใดที่แข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้ข้ามขั้นใหญ่ ๆ เช่นนี้ได้”

“การที่เจ้าไม่เคยได้ยินก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยู่นะ ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนท่านหัวหน้าตำหนักเป็นถึง…”

ในตอนนี้ผู้อาวุโสห้าที่นั่งชมการประลองอยู่ก็เผยแววตาที่เคร่งขรึมออกมา ผู้อาวุโสห้าหันไปมองอวี้ปิงชิงที่นั่งด้วยท่าทีสงบอยู่ข้าง ๆ “ชิงเอ๋อร์ เจ้ามองมู่หรงเฉียนเยี่ยผู้นี้เช่นไร”

อวี้ปิงชิงกล่าว “อาศัยแค่ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่ง ไม่ได้น่ากลัว”

ผู้อาวุโสห้ากล่าว “นั่นมันก็ไม่แน่นะ ข้ากลับรู้สึกว่า เขาจะกลายเป็นมู่เฉียนซีคนต่อไป”

“มู่เฉียนซี!” อวี้ปิงชิงพ่นสามคำนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

ในดินแดนสี่ทิศตอนนี้ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จักชื่อนี้

ปกตินางจะเก็บตัวเงียบ ๆ มาโดยตลอด แต่เมื่อถูกสาวน้อยคนหนึ่งขึ้นมาเหยียบหัวนางอยู่เช่นนี้ ดวงตาของอวี้ปิงชิงจึงเย็นชาขึ้นทันใด

“นางก็แค่อาศัยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ก็เท่านั้น”

“ไม่ว่ามู่หรงเฉียนเยี่ยจะอาศัยสิ่งใด ยังไงก็เก็บคนผู้นี้เอาไว้ไม่ได้” น้ำเสียงของผู้อาวุโสห้าเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

และทันทีที่ผู้อาวุโสห้ากล่าวจบ จู่ ๆ นายน้อยห้าที่นอนกองอยู่บนลานประลองที่แตกระแหงก็ลุกขึ้นมา

นายน้อยห้าเค้นเสียงกล่าวออกมาเสียงขรึมว่า “ข้ายังไม่ได้ยอมแพ้!”

“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย! มู่หรงเฉียนเยี่ย!”

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนโจมตีเขาจนบาดเจ็บสาหัสต่อหน้าสายตาผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาไม่มีทางปล่อยเจ้านี่ไปเด็ดขาด

แกร่ก แกร่ก! เสียงกระดูกของนายน้อยห้าดังขึ้นอย่างชัดเจน

กระดูกที่ถูกทักษะโยวหลัวโจมตีกำลังฟื้นฟู และพลังอำนาจทั่วทั้งร่างกายของเขาพลันเพิ่มขึ้น

มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ ระดับห้า ระดับหก ระดับเจ็ด…

ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “นายน้อยห้า นายน้อยห้าเพิ่มพลังต่อเนื่องถึงสามระดับ”

“บีบบังคับเพิ่มพลังวิญญาณ นี่มัน…นี่มันผิดกฎหรือไม่…”

“……”

ผิดกฎการประลอง แต่กลับไม่มีผู้อาวุโสท่านใดออกมาคัดค้านแม้แต่คนเดียว

และผู้คนที่ร่วมชมการประลองเหล่านี้ก็ไม่มีความสามารถที่จะคัดค้านนายน้อยห้าผู้นี้

สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น นางดูออกว่านายน้อยห้าผู้นี้ใช้บางอย่างฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและเพิ่มพลังให้สูงขึ้น

ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเจ็ด ยาน้ำพุโลหิต สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ อีกทั้งยังเพิ่มพลังวิญญาณได้ถึงสามระดับในเวลาเดียวกัน

หลังจากใช้ยาลูกกลอนชนิดนี้แล้วก็จะกระหายเลือด พลังรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง ยาลูกกลอนชนิดนี้เป็นยาต้องห้ามในดินแดนสี่ทิศไปแล้ว

ยาลูกกลอนชนิดนี้ ตอนที่นายน้อยห้าต่อสู้กับลิงหิมะเขาไม่ได้ใช้ ตอนนี้กลับเอามาใช้เพื่อต่อสู้กับนาง

ดูท่าในใจของนายน้อยห้า การฆ่านางให้ตายมีความสำคัญกว่าการเอาใจธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างอวี้ปิงชิงมาก

พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนายน้อยห้าทำให้อากาศบริเวณรอบปั่นป่วนขึ้น

เขามองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าท่าทางโหดร้าย “ไม่ว่าเจ้าจะมีทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่วันนี้เจ้าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

“น้ำพุพิโรธ!” นายน้อยห้าคำรามขึ้นด้วยความโกรธแค้นอย่างที่สุด ใช้ฝ่ามือหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังการทำลายล้างโจมตีไปทางมู่เฉียนซี

มวลอากาศรอบบริเวณถูกพลังนี้ฉีกระชากจนแยกออกจากกัน แม้แต่คนที่อยู่ด้านล่างลานประลองล้วนแต่รู้สึกได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบวนท่านี้

“นี่นายน้อยห้าต้องการฆ่ามู่หรงเฉียนเยี่ยหรือ!”

“มู่หรงเฉียนเยี่ยอันตรายแล้ว ช่างน่าเสียดายอัจฉริยะเช่นนี้จริง ๆ!”

“……”

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!” นายน้อยห้าที่บ้าคลั่งนี้ช่างลงมืออย่างโหดร้ายเสียจริง

ร่างในชุดขาวเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนลานประลอง ทักษะร่างนี้หลบหลีกได้อย่างรวดเร็วมาก

ฉึก! ถึงแม้ว่าจะหลบหลีกการโจมตีที่คร่าชีวิตนี้ได้ แต่ลมบนลานประลองก็พัดกระโชกจนตัดเสื้อผ้าของมู่เฉียนซีได้เช่นกัน

เลือดสีแดงสดไหลออกมาย้อมเสื้อผ้าขาวราวหิมะนั้นจนกลายเป็นสีแดงเลือด

“ตายซะเถอะ!” ยิ่งนายน้อยห้าได้เห็นเลือดเช่นนี้ แววตาก็ยิ่งทวีความโหดร้ายมากขึ้น

จากนั้น พวกเขาก็ได้เห็นมู่เฉียนซีหลบหลีกไปมาอยู่บนลานประลอง

ไม่ว่าความเร็วจะรวดเร็วเพียงใด ภายใต้ความแข็งแกร่งที่ห่างชั้นกันเช่นนี้มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

สามารถหลบหลีกได้เท่านั้น ไม่สามารถตอบโต้ได้ มู่เฉียนซียังคงถูกเขาโจมตีได้รับบาดเจ็บจนสีหน้าซีดเผือดลงไปเล็กน้อยแล้ว

ทว่า ในตอนนี้มู่เฉียนซีกลับยิ้มมุมปากขึ้น นายน้อยห้าเห็นเช่นนี้เข้าก็รู้สึกเกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก “เจ้า นี่เจ้ายิ้มอะไร?”

เห็น ๆ กันอยู่ว่ากำลังจะถูกเขาฆ่าอยู่แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าคนตรงหน้าผู้นี้ยังจะฉีกปากยิ้มแย้มออกมาได้ สิ่งนี้ทำให้นายน้อยห้ายิ่งดาลเดือดยิ่งขึ้น

“เพราะอีกไม่นาน ข้าก็จะได้เห็นกรรมมันตามสนองเจ้าอย่างไรล่ะ ข้ายิ้มมันก็ถูกต้องแล้ว!” รอยยิ้มของมู่เฉียนซียิ่งแพรวพราวมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทุกคนรู้สึกมึนงงเป็นอย่างยิ่ง กรรมตามสนองสิ่งใด มู่หรงเฉียนเยี่ยกำลังพูดถึงสิ่งใดกันแน่?

เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขากำลังจะพ่ายแพ้ จนกระทั่งจะถูกนายน้อยห้าฆ่าอยู่แล้ว

พลังธาตุวารีของมู่เฉียนซีโคจรขึ้น ทุกคนคิดว่านางจะโจมตีด้วยกระบวนท่าอันน่าสะพรึงกลัว กลับคิดไม่ถึงเลยว่านางจะกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “บุปผาหลั่งสายฝน!”

กระบวนท่านี้ พวกเขาเคยเห็นมู่เฉียนซีใช้มาแล้ว

หากต่อสู้กับคนที่มีพลังวิญญาณระดับเดียวกันหรือเหนือกว่าหนึ่งถึงสองระดับ กระบวนท่านี้ก็นับว่าใช้ได้ผลอย่างแน่นอน แต่หากนำมาใช้ต่อสู้กับนายน้อยห้าที่พลังแข็งแกร่งมากในตอนนี้ มันไม่ได้ต่างอะไรกับเม็ดฝนตกกระทบลงบนขนแขนเลย

นายน้อยห้าหัวเราะชอบใจขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “มู่หรงเฉียนเยี่ย ดูท่าเจ้าจะยอมแพ้ข้าแล้ว ถึงได้ใช้กระบวนท่าอ่อนด้อยนี้กับข้า นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่กระบวนท่าที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เจ้าก็ใช้มัน”

เผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ เขาเกียจคร้านที่จะหลบจริง ๆ

เพราะคมศรวารีที่ตกลงมานั้นทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว

อวี้ปิงชิงเห็นฉากนี้เข้าก็ผงะไปครู่หนึ่ง นางพึมพำเสียงเบาว่า “สายฝนนั่น…”

ขณะเดียวกันนางก็กำลังคิดว่า นางน่าจะคิดมากเกินไป มันจะเป็นไปได้ยังไง?​

“ตายซะเถอะ!”

นายน้อยห้ากระโดดออกไป พลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวดุจดั่งลมพายุก็ได้โจมตีออกไป

ความเร็วของเขานั้นมู่เฉียนซีไม่สามารถหลบได้

ในเมื่อหลบไม่ได้ มู่เฉียนซีก็วางแผนที่จะต่อสู้อย่างสุดชีวิตแล้ว

พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นกระแสน้ำวนรอบตัวนาง เผชิญหน้ากับการโจมตีที่กำลังเข้ามานี้ มู่เฉียนซีก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทักษะโยวหลัว!”

ตูม! เสียงตูมสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น พลังอันแข็งแกร่งทั้งสองปะทะกัน

ปัง ปัง ปัง! นายน้อยห้าร่นตัวถอยหลังไปหลายสิบก้าวกว่าที่เขาจะทรงตัวอยู่ได้ในที่สุด

ส่วนร่างของมู่เฉียนซีนั้นก็กระเด็นลอยออกไปตกลงบนลานประลอง!

ปัง! ภายในหมอกควันสีเทา พวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามู่เฉียนซีจะเป็นหรือตาย

“มู่หรงเฉียนเยี่ยตายแล้วเหรอ?”

“เมื่อครู่เป็นการโจมตีกันซึ่ง ๆ หน้า หากไม่ตายก็ต้องพิการเป็นแน่”

“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ! หากไม่กำเริบเสิบสานตอบรับคำท้าของนายน้อยห้าก็คงจะไม่เจอจุดจบเช่นนี้หรอก”

ฉ่า! และในตอนนี้เอง เสียงแตกของน้ำแข็งก็ดังขึ้น

หมอกควันและฝุ่นสีเทากระจายหายไป มู่เฉียนซีลุกขึ้นยืนมาจากกองน้ำแข็งที่แตกละเอียดเหล่านั้น เลือดไหลออกจากมุมปากของนาง

อวัยวะภายในทั้งหมดเคลื่อนตัว แขนเคล็ด กระดูกหักไปบางส่วน มู่เฉียนซีวิเคราะห์อาการบาดเจ็บของตัวเองได้!

“มู่หรงเฉียนเยี่ยยังไม่ตาย!”

“ขะ เขา เขาลุกขึ้นแล้ว…”

“นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะใช้ทักษะวิญญาณป้องกันในขณะที่ใช้ทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งนั้นโจมตีไปด้วย มิเช่นนั้นไม่มีทางลุกขึ้นได้แน่นอน! นี่เขาทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกันเลยเหรอ?”

“รีบยอมแพ้เร็วเข้าสิมู่หรงเฉียนเยี่ย! มู่หรงเฉียนเยี่ย รีบยอมแพ้เร็วเข้า มิเช่นนั้น…” เหล่าคนดูไม่อยากให้อัจฉริยะที่เก่งกาจต้องตายไปเช่นนี้จริง ๆ พวกเขาจึงรีบตะโกนบอกนางเสียงดัง

ในตอนนี้ นายน้อยห้าลงมืออีกครั้งแล้ว เขากล่าวด้วยความกระหายเลือดว่า “ยอมแพ้เหรอ ข้าไม่ให้โอกาสเจ้ายอมแพ้หรอกนะ!”

.