มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1036

และด้วยเรื่องนี้ หลัวซิวได้ตระหนักถึงความสำคัญของวิชาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่ร่างกายพิเศษเหล่านั้น หากฝึกฝนวิชาที่เหมาะสมที่สุด การฝึกฝนจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

แต่ถ้าวิชาที่ฝึกฝนแย่กว่านั้นเล็กน้อย มันจะไม่เพียงทำให้ความเร็วในการฝึกฝนช้าลงเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดภัยพิบัติที่ไม่คาดคิดอีกด้วย

“ในสำนักไท่เสวียน ปี้เซียนเสว่เป็นร่างแห่งเสวียนหยิน ตอนนี้ผลการฝึกตนของนางได้มาถึงแดนมหายุทธ์แล้ว ในอดีต ข้าไม่ค่อยสนใจนางมากนัก กลับฝังพรสวรรค์ของนางไว้”

หลัวซิวคิดในใจ ปี้เซียนเสว่และ ฮู๋ชิงชิงมีอายุใกล้เคียงกันและมีร่างพรสวรรค์เหมือนกัน ถ้าปี้เซียนเสว่ฝึกฝนวิชาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างแห่งเสวียนหยิน ก็น่าจะถึงแดนเจ้ายุทธจักรตั้งนานแล้ว

นอกจากนี้ยังมีเหยียนเยว่เอ๋อร์ สิ่งที่นางมีไม่ใช่ร่างกายพิเศษ แต่เป็นเลือดของเผ่าหงส์ นางสามารถฝึกฝนให้แดนเจ้ายุทธจักรได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะนางกำลังฝึกฝนวิชาที่เหมาะสำหรับสายเลือดเทพหงส์

แต่สายเลือดที่เรียกกันว่าสายเลือดเทพหงส์นี้ เป็นเพียงสายเลือดหงส์ระดับเทพมารเท่านั้นเอง ก่อนแดนเทพมาร พลังสายเลือดอาจมีผลมาก แต่หลังจากผ่านแดนเทพมารไป พลังของสายเลือดนี้จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

ห้วงความคิดของหลัวซิวสื่อสารกับลูกแก้วความเป็นตาย ถามวิธีแก้ไขกับเทพแห่งวัฏจักรชีวิต

“มีวิชาพิเศษในการฝึกฝนสายเลือดที่เรียกว่า วิชาบรรพเทพโลหิตวิชานี้มีห้าขั้น หากฝึกฝนขั้น 1 จะสามารถกลั่นแปรสายเลือดของตัวเองให้เป็นเทพมารได้ หากสามารถฝึกฝนถึงขั้นห้าขั้นที่สูงสุด ยังสามารถมีสายเลือดจักรพรรดิเทพได้!”

เทพแห่งวัฏจักรชีวิตตอบกลับอย่างรวดเร็ว เพราะในวัฏจักรชีวิตบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในจักรวาลทั้งหมด ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

“ตามเจตจำนงของกฎดั้งเดิม เจ้าจะได้รับแค่วิชาบรรพเทพโลหิตขั้น 1เท่านั้น หากเจ้าต้องการได้รับขั้นสอง เจ้าต้องฝึกฝนเพื่อไปถึงแดนเทพฟ้า”

ขณะพูด ข้อความถูกส่งไปยังตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวผ่านลูกแก้วความเป็นตาย เป็นวิชาบรรพเทพโลหิตขั้น 1

ในความเป็นจริง หลัวซิวสามารถฝึกฝนวิชานี้ด้วยตัวเองและเขาสามารถกลายเป็นจักรพรรดิเทพ ได้เมื่อเขาฝึกฝนจนถึงขั้นห้า ขั้นที่สูงสุด

ตั้งแต่กำเนิดเอกภพ มีจักรพรรดิเทพเพียงสามพันคนเท่านั้นเอง จักรพรรดิเทพต่ละคนล้วนดำรงอยู่ยงคงกระพันในยุคสมัยนั้น ปกครองทุกคน และไม่มีใครสู้พวกเขาได้

ผู้ที่สร้างวิชานี้คือจักรพรรดิเทพ ผู้ที่ฝึกฝนจากเผ่าพันธุ์มาร เขายังเป็นมารตัวแรกในเวลาเนิ่นนานที่ผ่านมานี้ด้วย เขาเรียกตัวเองว่าเป็นบรรพเทพ หรือที่รู้จักกันในชื่อบรรพมาร

อย่างไรก็ตาม หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะฝึกฝนวิชานี้ ต่างคนต่างมียุทธ์ของตัวเอง เขาได้เดินไปยังยุทธ์ของตัวเองแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางที่คนอื่นเคยเดิน

“ถึงแม้ว่าข้าไม่จำเป็นต้องฝึกฝนวิชาบรรพเทพโลหิตแต่ข้าสามารถเรียนรู้จากวิชานี้เพื่อทำให้ร่างกายของข้าแข็งแกร่งขึ้น”

แท้จริงแล้ว ตัวหลัวซิวนั้นถือได้ว่าเป็นร่างกายที่พิเศษ แต่ไม่ใช่โดยกำเนิด แต่ได้มาโดยอิทธิพลของลูกแก้วความเป็นตายและพลังสองขั้ว จึงกลายเป็นร่างสองระดับความเป็นตาย

ร่างกายพิเศษนี้ต้องฝึกฝนสองระดับความเป็นตายพร้อมกันเท่านั้นถึงจะสำเร็จ ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่มีใครเหมือน แต่ก็หายากมากอย่างแน่นอน

“เยว่เอ๋อร์ ข้าบังเอิญได้รับวิชาที่เหมาะสมกับการฝึกฝนกับเจ้ามา” หลัวซิวไม่ลังเลใด ๆ ก็สอนเหยียนเยว่เอ๋อร์วิชาบรรพเทพโลหิตขั้น 1 โดยตรง

เขาเหลือบมองเหยียนซีโรว่ที่อยู่ข้างๆ ในเมื่อมีวิชาสอนให้เหยียนเยว่เอ๋อร์ เขาลำเอียงไม่ได้