ทุกคนล้วนคิดถึงบ้าน ต่อให้ตอนที่นางอยู่ในสำนักฝึกหลวง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต ลั่วลั่วก็ยังมักคิดถึงบ้าน คิดถึงบิดา คิดถึงมารดา คิดถึงเพื่อนตัวใหญ่ในแม่น้ำแดงและเหล่านกบนต้นไม้สวรรค์
นางย่อมไม่นับว่านี่เป็นสิ่งผิดแต่…
“ดีมาก อย่างน้อยเจ้าก็ยอมเชื่อว่าข้าไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ด้วยความเห็นแก่ตัวของข้าเอง แม้ว่าเจ้าในตอนนี้จะเชื่อว่าข้าทำมันเพื่อดินแดนต้าซีก็ตาม”
มู่ฮูหยินพูดกับนางอย่างสุขุม “ข้าไม่ปฏิเสธว่าดินแดนต้าซีเป็นบ้านเกิดข้า แต่ทั้งตาและยายของเจ้าล้วนจากไปแล้ว ดังนั้เจ้าคิดจริงหรือว่าข้ายังให้คุณค่ากับดินแดนต้าซีมากกว่าเมืองไป๋ตี้ ข่าวลือนั้นไม่ถูกต้อง เจ้าจะแต่งให้กับญาติผู้พี่ได้อย่างไร”
ลั่วลั่วตะลึงไปกับคำพูดนี้
แม้ว่านางจะไม่มีอำนาจในการพูดมากนัก นางก็ยังเป็นองค์หญิงคนเดียวของเผ่าปีศาจ นางย่อมมีฐานะสูงส่งในเมืองไป๋ตี้และสมาชิกของสภาผู้อาวุโสรวมถึงผู้อาวุโสตระกูลเซียงก็เอ็นดูนางเสมอมา ต่อให้นางไม่ใช้ความพยายามค้นหาก็มีเรื่องมากมายที่ไม่อาจปิดบังนางได้
ยกตัวอย่างเช่นในเรื่องการแต่งงานนี้ นางสามารถค้นพบได้อย่างง่ายดายว่าข่าวลือเริ่มต้นจากองครักษ์แห่งศาลายวนจู และองครักษ์นี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่ภักดีต่อมู่ฮูหยินมากที่สุด เป็นเพราะเหตุนี้ที่นางไม่เคยสงสัยในข่าวลือนี้เลย… ท่านแม่ไม่ได้คิดจะให้ข้าแต่งกับลูกผู้พี่ ถ้าอย่างนั้นคณะทูตดินแดนต้าซีมาทำอะไรที่นี่ ทำไมผู้อาวุโสใหญ่ส่งคนมาบอกข้าเมื่อเช้าว่าชื่อของลูกผู้พี่ถูกลงทะเบียนเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิตแล้ว
“นี่เป็นเจตนาของทั้งข้าและบิดาเจ้า เพื่อความปลอดภัย เราไม่ได้บอกใครทั้งนั้นรวมถึงเจ้าด้วย”
มู่ฮูหยินกล่าวต่อ “ในเวลาอันสั้น พิธีสวรรค์พิจิตจะเริ่มขึ้น ข้าคิดว่านั่นเป็นเวลาที่จะบอกเจ้าเช่นกัน”
ลั่วลั่วถาม “ท่านแม่ มันคืออะไรกันแน่”
มู่ฮูหยินลูบหัวนางและกล่าว “แน่นอน มันยังเป็นการแต่งงานของเจ้า”
ลั่วลั่วเป็นกังวลอย่างมาก อธิบายไม่ได้ว่าเป็นกังวลอย่างไร
“คำพูดของเสนาธิการจินไม่ผิด ของผู้อาวุโสใหญ่ก็เช่นกัน เจ้าเองรู้ดีกว่าใครอื่น…องค์สังฆราชรักษาเส้นลมปราณเจ้าแล้วจริงๆ ตราบใดที่เจ้ามีเวลามากพอ เจ้าย่อมสามารถฝึกวิชาของเผ่าจักรพรรดิขาวถึงจุดสูงสุดได้ กลายเป็นจักรพรรดิขาวคนต่อไป”
มู่ฮูหยินสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นตอนที่กล่าวเสริม “แต่ข้ากับบิดาเจ้ากังวลวามันมีเวลาไม่พอ”
ลั่วลั่วตอบ “ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่านแม่”
มู่ฮูหยินกล่าว “เจ้าเป็นองค์หญิงคนเดียวของเผ่าปีศาจ ดังนั้นเจ้าจึงมีบางสิ่งที่เจ้าต้องทำเพื่อมัน”
ลั่วลั่วเข้าใจและนิ่งเงียบไป
นับตั้งแต่นางยังเด็ก นางก็รู้ว่านางมีหน้าที่ต้องแบกรับ
เฉินฉางเซิงก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ขอให้นางทำอะไรเลย
หากเผ่าปีศาจอยู่ในสภาพย่ำแย่ นางจำเป็นต้องเสียสละ และมีเวลาไม่มากสำหรับนางที่จะเติบโตจนเป็นจักรพรรดิขาวคนใหม่
ดังนั้นนางจะเป็นเหมือนองค์หญิงในอดีตที่ผ่านมา หาประโยชน์ให้กับเผ่าปีศาจผ่านการแต่งงาน
นี่คือการแต่งงานของนาง แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์
มารดานางก็ทำเช่นเดียวกัน
“แต่งให้กับเมืองเสวี่ยเหล่า” มู่ฮูหยินกล่าวพร้อมจ้องไปที่ตาของลั่วลั่ว
ความสงสัยทั้งหมดได้รับคำตอบที่นี่
ลั่วลั่วหน้าซีดไปในทันทีตอนที่นางกระซิบ “ทำไม”
มู่ฮูหยินอธิบาย “ราชามารรุ่นนี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง มีแต่เขาที่เหมาะสมกับเจ้า”
ลั่วลั่วตอบ “ท่านแม่รู้ว่านี่ไม่ใช่คำถามของข้า”
นี่ไม่ใช่แค่การแต่งงาน ไม่ใช่ความรักระหว่างชายหญิง ไม่ใช่เรื่องความเหมาะสมเท่าเทียมกันของสองฝ่าย
“ทำไมน่ะหรือ ก็เพื่ออนาคตของเผ่าปีศาจน่ะสิ”
มู่ฮูหยินมองตานาง “ในตอนนี้ มนุษย์มีโชคที่ดีที่สุด ในตอนแรกเชื่อว่าหลังการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซูและการตายอย่างต่อเนื่องของแปดมรสุม เผ่ามนุษย์จะอ่อนแอลงชั่วขณะ ใครจะไปคาดคิดว่าในเวลาแค่ไม่กี่ปี หวังผ้อ เจ้าสำนักกระบี่หลีซานและเซียงอ๋องจะทะลวงผ่านคนแล้วคนเล่า แม้แต่เหมาชิวอวี่ก็อยู่ที่ปากด่านแล้ว นี่ยังไม่นับเหลียงหวังซุน เซียวจาง อาจารย์เจ้า สวีโหย่วหรงและชิวซานจวิน จำนวนยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์เพิ่มขึ้นจนเท่ากับก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว อาจจะแซงหน้าไปด้วยซ้ำ เมื่อรวมกับแผนอุบายของซางสิงโจว แล้วใครในต้าลู่จะต้านทานพวกเขาได้ พวกเขาจะทำอะไรหลังจากกำจัดเผ่ามาร หรือเจ้าอยากเห็นชาวเผ่าปีศาจคุกเข่าตรงหน้าการกดขี่ของพวกมนุษย์อย่างนั้นหรือ
ลั่วลั่วคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เผ่ามารควรเป็นห่วงเรื่องนี้ยิ่งกว่าเราเสียอีก”
มู่ฮูหยินตอบ “ถูกต้อง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยว่าเมืองเสวี่ยเหล่ามีความจริงใจและแน่วแน่”
ลั่วลั่วเงยหน้าและกล่าว “แต่ความเกลียดชังระหว่างพวกเราเล่า ท่านแม่ ท่านจะเกลี้ยกล่อมสภาผู้อาวุโส ขุนนางและแม่ทัพได้อย่างไร”
มู่ฮูหยินกล่าว “ข้าเกลี้ยกล่อมคนไปมากแล้ว โดยเฉพาะข้าได้กล่อมบิดาเจ้าแล้ว ดังนั้นใครจะมาคัดค้านอีก”
ลั่วลั่วคิดเรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่ได้เข้าสู่ภูเขาคืนก่อนแต่ก็ไม่อาจที่จะได้พบบิดานาง อย่างไรก็ตาม ตอนกลับมาเขาเปลี่ยนทัศนคติไปเพราะเขาพอจะเดาบางอย่างได้
แต่นี่ยังไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวนางได้
บางทีมันก็เป็นอย่างที่มู่ฮูหยินพูดจริงๆ ว่าไม่มีใครอีกแล้วในเผ่าปีศาจจะกล้าคัดค้านการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์นี้ แต่นางก็ก็ยังคัดค้าน
นางมองไปที่มู่ฮูหยินและกล่าว “หากเพื่ออนาคตของเผ่าปีศาจ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับอาจารย์ นิกายหลวงจะให้การสนับสนุนเราแน่นอน ตอนที่ถึงเวลานั้น ต่อให้ราชสำนักต้าโจวอยากจะรุกราน ก็ต้องแก้ปัญหาภายในก่อน”
มู่ฮูหยินตอบ “เจ้าต้องเป็นคนแรกที่แน่ใจว่าอาจารย์เฉินฉางเซิงของเจ้าจะได้รับชัยชนะในสงครามนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังยืนยันว่าเขากับซางสิงโจวขัดแย้งกันจริงๆ และนี่ไม่ใช่แผนที่พวกเขาใช้ล่อลวงเรากับเมืองเสวี่ยเหล่า”
ลั่วลั่วตอบ “อาจารย์ไม่ใช่คนเช่นนั้น”
“มันห้าปีแล้วที่เจ้าได้พบกับเขา ห้าปีนั้นนานพอให้สิ่งต่างๆ มากมายเปลี่ยนไป ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ในโลกนี้ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอหรือหนักแน่นพอที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจได้ เจ้าเข้าใจว่าข้าหมายความว่าอย่างไร”
มู่ฮูหยินมองนางด้วยความเห็นใจ “นอกจากเขาจะยอมทิ้งสวีโหย่วหรงและแต่งกับเจ้า หากเป็นแบบนั้นข้าก็จะจบพิธีสวรรค์พิจิตในทันที”
ลั่วลั่วลืมตากว้างและถามอย่างไร้เดียงสา “ทำไมอาจารย์ต้องแต่งกับข้า ข้าเป็นศิษย์ของเขานะ”
มู่ฮูหยินฝืนยิ้ม “เจ้าคิดว่าเขาเป็นอาจารย์เท่านั้นหรือ”
ลั่วลั่วพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่แล้ว”
มู่ฮูหยินลูบหัวนางอีกครั้งและกล่าว “เด็กโง่ ต่อให้เจ้าหลอกข้าได้ เจ้าจะหลอกตัวเองได้หรือ”
ลมยามเช้าพัดผ่านหน้าต่าง นำกลิ่นปูนที่เป็นเอกลักษณ์ของการเต้นรำอสูร เช่นเดียวกับความตื่นเต้นหรือบางทีความอิ่มเอมใจ เสียงตีกลองศึก
มู่ฮูหยินจากไป ไปยังแท่นหมื่นอสูรตรงหน้าวังหลวงเพื่อเป็นประธานในพิธีสวรรค์พิจิตวันนี้
ลั่วลั่วนั่งข้างหน้าต่าง โมโหอยู่บ้าง ก้มหน้าต่ำอย่างหดหู่และฉีกดอกพุดซ้อนที่เพิ่งถูกเด็ดมาหมาดๆ
คำพูดสุดท้ายของมู่ฮูหยินเป็นเรื่องจริง ต่อให้นางหลอกทุกคนในต้าลู่ได้แต่จะหลอกตัวเองได้อย่างไร