บทที่ 1818 พยัคฆ์ร้ายออกจากเขาแล้ว!

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

หนิวโหย่วเต๋อเหรอ? กลุ่มแม่ทัพภาคที่อยู่ในโถงเงียบขรึมในชั่วพริบตาเดียว ในโถงเงียบจนหากมีเข็มตกลงพื้นเล่มเดียวก็จะได้ยิน ทุกคนล้วนตะลึงไปชณะเพราะการมาของชื่อนี้ คาดว่าในใต้หล้าคงมีชื่อนี้ไม่เยอะ

ที่สำคัญก็คือ พวกเขาไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว หลายปีแล้วที่ไม่ได้ยินคนเอ่ยถึงชื่อนี้ คนที่รู้จักชื่อต่างก็รู้ว่าในปีนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ นั่นคือคนที่บุกทะลวงไปข้างหน้าตลอดทาง ใช้วิธีเร่งเติบโตอย่างหฤโหดเพื่อไต่ตขึ้นตำแหน่งหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล เมื่อเอ่ยถึงหนิวโหย่วเต๋อผู้นี้ บรรดาแม่ทัพภาคที่สร้างผลงานในปีนั้นก็ล้วนมีภาพฝังลึกในความทรงจำ

ตอนเป็นผู้บัญชาการใหญ่ที่ตลาดสวรรค์ก็ประหารข้าทาสของบรรดาขุนนางใหญ่จนศีรษะกลิ้งเต็มพื้น

ล่วงเกินคนอื่นจนถูกส่งไปแดนอเวจี แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดกลับมาได้ ถือทวนบุกเดี่ยวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน ด่าเย้ยกำลังพลนับล้านว่าเป็นหนูสกปรก!

ชิงตัวนางคณิกาจนล่วงเกินคนอื่น จึงถูกทำโทษย้ายไปกองทัพองครักษ์ ผลปรากฏว่าจัดการกำลังพลใต้บังคับบัญชาจนหมอบราบคาบแก้ว ตอนหลังก็นำกำลังพลกองทัพองครักษ์ไปล้อมตลาดสวรรค์อย่างเปิดเผย ขู่จนร้านค้าในตลาดสวรรค์ตกใจเป็นไก่บินสุนัขกระโดด ภายใต้การใช้อำนาจอิทธิพลขู่บังคับ ร้านค้าตลาดสวรรค์ใจป้ำส่งมอบทรัพย์สินให้ เรื่องนี้ถึงได้จบลง ตอนนั้นเคยมีคำพูดล้อเลียนว่า ชื่อของหนิวโหย่วเต๋อสามารถใช้ขู่ให้เด็กที่ตลาดสวรรค์หยุดร้องไห้ได้ เรียกได้ว่าความเคลื่อนไหวนั้นทำให้คนรู้กันทั้งใต้หล้า

ที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นยังอยู่ตอนหลัง หนิวโหย่วเต๋อคนนี้โจมตีหลานสาวอ๋องสวรรค์อิ๋งซึ่งเป็นสนมโปรดของราชันสวรรค์ ทั้งยังจับแขวนให้อับอายอยู่บนเสาธงอีกด้วย

แต่ต่อให้เป็นอย่างนี้ อีกฝ่ายก็ยังอาศัยผลงานไต่เต้าขึ้นตำแหน่งแม่ทัพภาคกองมังกรดำของกองทัพองครักษ์ได้ การสร้างผลงานที่กองทัพองครักษ์คือต้นทุนที่สุดยอดแล้ว

ได้เลื่อนยศไม่นานก็ก่อเรื่องในพิธีรับสนมสวรรค์ของราชันสวรรค์ เจ้าเวรนี่ด่าอ๋องสวรรค์อิ๋งต่อหน้าฝูงชนว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ ชั่วขณะนั้นเกิดเสียงฮือฮา ถูกทำโทษให้ไปอยู่แดนมรณะดึกดำบรรพ์หนึ่งพันปี แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ตาย รอดชีวิตกลับมาชิงตัวแม่หม้ายของหัวหน้าภาคคนหนึ่ง นอกจากจะใจกล้าคับฟ้าลงทัณฑ์ทรมานหัวหน้าภาคคนนั้นจนตายแล้ว ยังนำกำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์โจมตีทัพใหญ่เกรียงไกรหนึ่งล้านจนพ่ายแพ้ด้วย สังหารคนตายไปหลายแสน นั่นคือศึกที่ทำให้ชื่อเสียงสะท้านใต้หล้า สี่อ๋องสวรรค์ที่ได้ยินข่าวล้วนเชิญชวนเขามาเป็นเขย ตอนหลังอ๋องสวรรค์โค่วรับแม่หม้ายคนนั้นเป็นบุตรสาวบุญธรรมทำถึงได้ดึงตัวเขาไปได้ แต่ศึกนั้นกลับทำให้กองมังกรดำสลายตัวไป ส่วนหนิวโหย่วเต๋อเองก็ถูกลดตำแหน่งมาเป็นพลทหารเฝ้าที่นาหลวง แต่กลับไม่ได้บทเรียน ยังก่อเรื่องสังหารลูกหลายขุนนางใหญ่อีกไม่น้อย แม้แต่หลานชายของอ๋องสวรรค์อิ๋งก็ถูกเขากำจัดทิ้งแล้ว

ตอนหลังถูกส่งไปตลาดผี แล้วก็สร้างผลงานซ้ำแล้วซ้ำอีกจนได้ยศกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว นำจวนแม่ทัพภาคของตลาดผีที่ตั้งมั่นมาหลายปีไปสลับกับวัดพระกษิติครรภ์ แล้วก็วางอุบายเดิมพันในราชสำนักจนทำให้ตลาดผีมีเทพแห่งภูผา เทพแห่งผืนดินทั้งใต้หล้ามาขอพึ่งพา เรื่องนี้ฮือฮาไปทั่วหล้า ขยายระดับจวนแม่ทัพภาคให้กลายเป็นระดับจวนหัวหน้าภาค ด้วยเหตุนี้จึงไต่เต้าขึ้นตำแหน่งหัวหน้าภาค!

สำหรับกลุ่มคนที่อยู่ตรงนี้ รายละเอียดบางอย่างอาจจะไม่รู้ชัดเจน แต่กระบวนการคร่าวๆ ก็พอจะได้ยินมาบ้าง หนิวโหย่วเต๋อคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของบุคคลระดับในราชสำนักครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปก็คงตายไปหลายรอบแล้ว แต่เจ้าเวรนี่กลับยังมีชีวิตอยู่อย่างดี เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมจริงๆ สมแล้วที่แซ่หนิว

ก็เพราะเดินริมแม่เท้าเท้าย่อมเปียก เดินบนถนนมืดต้องมีสักครั้งที่ได้เจอผี เพราะทุกคนคิดว่าต่อไปนี้เจ้าเวรนี่จะก่อเรื่องไม่หยุดแน่นอน ช้าเร็วก็ต้องมีวันที่พลาด แต่จู่ๆ ก็ดันอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ใต้หล้าใหญ่ขนาดนี้ ข่าวคราวของเขาเริ่มหายไปทีละน้อย จนกระทั่งข่าวเงียบสนิท รู้เพียงว่าน้ำพุวังเวงที่เคยเข้าออกได้อย่างอิสระถูกเจ้าเวรนั่นเรียกเก็บภาษีแล้ว!

พอทุกคนลองนึกย้อนนิดหน่อย เรื่องในอดีตของหัวหน้าภาคหนิวก็ปรากฏอยู่ในหัวแล้ว แต่ละคนแอบพึมพำว่า หนิวโหย่วเต๋อคนนี้เก็บตัวมาเกือบหนึ่งหมื่นปีแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงโผล่มาที่นี่ได้ล่ะ?

ทุกคนรีบมองปฏิกิริยาของหัวหน้าภาค พบว่าหัวหน้าภาคเริ่มมีสีหน้าตึงเครียดแล้ว มีคนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้กัน

บนโลกนี้ไม่มีกำแพงไหนที่ไม่มีช่องลม โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้สถานาการณ์ที่คนมากมายล้วนคาดคะเนไว้แล้ว เรื่องบางเรื่องไม่นับว่าเป็นความลับอะไรเลย ทางนี้ก็ได้ยินข่าวมาแล้วเช่นกัน ว่ากันว่าที่โอรสสวรรค์โดนทำโทษวันนั้นอาจะเกี่ยวข้องกับสนมฉิน เพียงแต่สนมฉินทำอะไรกันแน่ ก็ไม่มีใครบอกความจริงได้เช่นกัน

นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญคือหนิวโหย่วเต๋อเป็นแม่ทัพสายตรงของตำหนักนารีสวรรค์ ถูกควบคุมโดยตรงจากราชินีสวรรค์ เป็นแม่ทัพหนึ่งเดียวในมือราชินีสวรรค์ หากข่าวลือเป็นจริง ว่าสนมฉินเกี่ยวข้องกับการลดตำแหน่งโอรสสวรรค์ ตอนนี้แม่ทัพอันดับหนึ่งของราชินีสวรรค์มาหาถึงประตูบ้านแล้ว ทำไมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลล่ะ!

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ผู้ที่มาหาถึงที่ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหนิวโหย่วเต๋อผู้โด่งดังในปีนั้น!

มีเรื่องอะไรบ้างที่เจ้าบ้านี่ไม่กล้าทำ? ขนาดอ๋องสวรรค์อิ๋งก็ยังเคยด่ามาแล้ว กล้าก่อเรื่องในงานรับสนมของราชันสวรรค์ ทั้งยังฆ่าหลานชายของอ๋องสวรรค์ หัวหน้าภาคเล็กๆ คนหนึ่งจะอยู่ในสายตาเขาได้อย่างไร ใช่ว่าเขาจะไม่เคยฆ่าหัวหน้าภาคเสียหน่อย เคยโดนเขาจับไปแล่เนื้อเถือหนังแล้วด้วยซ้ำ!

สิ่งที่ทำให้ทุกคนชาวาบหนังศีรษะที่สุดก็คือ ในมือท่านนั้นมี ‘ทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้า’ ระดับหัวหน้าภาคอยู่ด้วย เป็นสุดยอดของทัพเกรียงไกรหนึ่งแสน ทหารยศเล็กในมืออีกฝ่ายไม่ว่าใครก็มีศักยภาพที่จะเป็นแม่ทัพภาคของที่นี่ได้ แค่ยอดฝีมือระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพก็มีหลายสิบคนแล้ว คาดว่าทั้งใต้หล้าคงหาหัวหน้าภาคคนไหนที่ได้สวัสดิการแบบนี้ไม่เจออีกแล้ว คนนี้ก็คือหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลหนิวโหย่วเต๋อ!

นี่อีกฝ่ายมาหาเรื่องเพราะโอรสสวรรค์จริงๆ เจ้าบ้านั่นกล้านำกำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์ไปสู้กับทัพใหญ่เกรียงไกรหนึ่งแสน ตอนนี้ในมือกุมทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนเอาไว้แล้ว ถ้าหากจะใช้กำลังสู้กันจริงๆ มารดาเจ้าเถอะ ที่นี่จะมีใครต้านทานได้บ้าง! คาดว่าคงทำให้ทั้งน่านฟ้าชวดเกิงราบเป็นหน้ากองได้แน่!

“ตามหลักแล้วเจ้าเวรนี่น่าจะไม่ทำอะไรซี้ซั้วนะ จะมาโจมตีน่านฟ้าชวดเกิงโดยไร้เหตุผล ข้อหานี้เขาจะรับไหวเหรอ?”

“ตามหลักเหรอ? คนอื่นทำอะไรตามหลักการ แต่เจ้าเวรนี่ทำตามหลักการด้วยเหรอ? เจ้าคิดว่าข้อหาความผิดที่เขาย่อยทิ้งไปมีน้อยรึไง?”

“…”

“ราชินีสวรรค์บ้าไปแล้วสินะ ทำไมเรียกเจ้าเวรนี่มาได้?”

บรรดาแม่ทัพภาคที่อยู่ตรงนั้นเริ่มแอบถ่ายทอดเสียงคุยกัน ยามปกติต่อให้ในปีนั้นเหมียวอี้จะเข็มแข็งเกรียงไกร แต่พวกเขาก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น หรือไม่ก็พูดถึงนิดหน่อย ใต้หล้าใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหมียวอี้จะมาเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาได้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาได้ ดังนั้นจึงไม่เคยเห็นเป็นภัยคุกคามเลย

ทว่าตอนนี้ เหมียวอี้มาหาถึงประตูบ้านแล้วจริงๆ พอนึกถึงเรื่องที่ท่านขุนนางหนิวเคยทำ ก็รู้สึกว่าภัยคุกคามประชิดมาจ่อตรงขนคิ้วแล้วจริงๆ แต่ละคนเรียกได้ว่าขนลุกซู่

ในเวลานี้พวกเขาล้วนรู้สึกแบบนี้ ราวกับได้กลิ่นลมคาวเลือด พยัคฆ์ร้ายออกจากเขาแล้ว!

ในบรรดาแม่ทัพภาคที่อยู่ตรงนี้ มีสตรีวัยกลางคนหน้าตางดงามคนหนึ่งเงียบมาก ไม่ได้แอบถ่ายทอดเสียงคุยกับคนอื่น นางนึกว่าชาตินี้จะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรกับเหมียวอี้อีกแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะได้บังเอิญเจอกันที่นี่อีก

นางคือใครล่ะ? นางชื่อว่าเหยียนซู่ ในปีนั้นตอนอยู่จวนแม่ทัพภาคตงหัว นางเคยเป็นเพื่อร่วมงานกับเหมียวอี้ ตอนนั้นนางกับเหมียวอี้ล้วนเป็นผู้บัญชาการตลาดสวรรค์ เคยร่วมกับคนกลุ่มหนึ่งสร้างความอัปยศให้เหมียวอี้อย่างรุนแรง ตอนหลังเข้าร่วมการทดสอบแดนอเวจี ก็ถูกเหมียวอี้ไล่ฆ่าจนหนีหัวซุกหัวซุน หลังจากทดสอบเสร็จแล้วกลับจวนแม่ทัพภาคตงหัว ก็ถูกเหมียวอี้บีบให้ส่งเงินมาแทนคำขอโทษอีก ทั้งยังโดนเหมียวอี้ตบหน้าไปหนึ่งฉาดด้วย ทุกคนล้วนโดนเหมียวอี้ตบหนึ่งฉาดเพื่อเป็นดอกเบี้ย

ตอนนั้นนางยังเป็นฮูหยินของหัวหน้าภาคท่านหนึ่ง ได้ครอบครองทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ของตลาดสวรรค์ ตอนหลังท่านโหวเทียนหยวนตกจากตำแหน่ง สามีของนางก็ถูกคนฉวยโอกาสลอบกัดจนถึงแก่ชีวิต ทรัพยากรที่ได้จากการอาศัยเครือข่ายย่อมมาไวไปไว นางเสียตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แล้ว คนที่เล่นงานสามีนางจนตายนับว่าเป็นศัตรูหัวใจของสามีนาง ในปีนั้นเคยตามขอความรักจากนาง แต่นางเลือกคนที่มีเงื่อนไขดีกว่า และหลังจากท่านนั้นเล่นงานสามีนางตาย ก็ยังมาระบายความแค้นกับนางด้วย เพื่อที่นางจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ จึงแอบไปขอร้องท่านนั้นให้ไว้ชีวิตนาง เมื่อเดินไปถึงขั้นนั้นแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งยังจะเอาอะไรไปแปลกเปลี่ยนเพื่อขอร้องได้ล่ะ? นอกเสียจากจะยอมให้ท่านนั้นได้ในสิ่งที่ต้องการ ทว่าท่านนั้นมีฮูหยินเอกแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานกับนางอีก ไม่สนใจจะแต่งงานกับนางด้วย เขาเก็บนางไว้เป็นของส่วนตัวเพื่อชดเชยความบกพร่องของหัวใจในปีนั้น ทั้งสองฝ่ายรักษาความสัมพันธ์นี้เป็นความลับมาตลอด

นับว่าจ่ายไปก็ได้สิ่งตอบแทนกลับมา ด้วยความที่ตั้งใจปรนนิบัติอย่างดี ท่านนั้นค่อนข้างดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้ ไม่ได้ดูแลนางขาดตกบกพร่องเช่นกัน ช่วยหาเส้นสายให้ทางสะดวกแก่นาง ถึงได้ขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพภาคอย่างทุกวันนี้ได้ ตอนนี้ท่านนั้นก็เป็นหัวหน้าภาคเช่นกัน นับว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของหวังจัว

เพื่อที่จะช่วยให้นางรักษาเส้นสายนี้ให้มั่นคง ท่านนั้นจึงแอบบอกใบ้นาง ว่าวันนี้ให้มาร่วมแสดงความยินดีที่หวังจัวได้เลื่อนตำแหน่ง

ตอนแรกเหยียนซู่ยังนึกว่าเหมียวอี้พุ่งมาที่นาง แต่พอลองคิดดูใหม่ นางก็รู้สึกขำ หนิวโหย่วเต๋อยังเห็นนางอยู่ในสายตาอีกเหรอ? อีกทั้งในปีนั้นก็ให้หนิวโหย่วเต๋อระบายความโกรธไปแล้ว ทั้งชดเชยเป็นเงินทั้งโดนตบ

“แม่ทัพภาคเหยียน ในปีนั้นเจ้าเป็นเพื่อนร่วมงานของหนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่เหรอ?”

จู่ๆ ข้างกายก็มีคนถ่ายทอดเสียงถาม

“คงใช่ละมั้ง” เหยียนซู่ตอบอย่างปลงเล็กน้อย

รายละเอียดที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวปีนั้น คนที่อยู่ไกลเกินไปไม่ค่อยรู้ชัดเจน แต่หลังจากนางย้ายมาที่นี่ก็รู้ว่าตัวเองมีด้านที่ไร้เกียรติ จึงไม่ได้เอ่ยเรื่องในอดีตที่เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อให้คนอื่นฟังอีก

“เจ้ากับหนิวโหย่วเต๋อมีความสัมพันธ์กันยังไง?” คนนั้นถามอีก

“ไม่นับว่าสนิทอะไรกันหรอก แค่คนรู้จักเจอกันแล้วทักทาย” เหยียนซู่ตอบ

“หนิวโหย่วเต๋อกำแหงเหมือนที่ลือกันจริงมั้ย?”

“อาจจะใช่!”

หวังจัวที่ค่อนข้างตกใจทำสายตาลอกแล่ก หลังจกครุ่นคิดครู่ใหญ่ ถึงได้ถามเสียงต่ำว่า “หนิวโหย่วเต๋อไหน?”

แม้ผู้ที่มาจะรายงานชัดเจนแล้ว แต่ดูจากท่าทางของหัวหน้าภาคที่ดูเหมือนไม่เชื่อ จึงรายงานให้ชัดเจนอีกครั้ง “เป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลหนิวโหย่วเต๋อ”

หวังจัวสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คนอยู่ที่ไหน?”

“รออยู่นอกประตูใหญ่ขอรับ” ผู้ที่มารายงานตอบ

หวังจัวถามซักไซ้ “มากันกี่คน”

“มีผู้ติดตามแค่สองคนขอรับ”

“แน่ใจเหรอว่ามาแค่สองคน?” หวังจัวไม่กล้าเชื่อ ถามว่า “ค้นตัวตรวจสอบหรือยัง?”

“…” ผู้ที่มาถูกถามจนพูดไม่ออกนิดหน่อย จะดีจะร้ายอีกฝ่ายก็เป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล เจ้าเองก็เป็นหัวหน้าภาค ไปมาหาสู่ด้วยฐานะที่เท่าเทียม มีเหตุผลอะไรไปค้นตัวอีกฝ่ายล่ะ? แบบนั้นไม่ถือเป็นการดูหมิ่นหรอกเหรอ? ถ้าเจ้าไม่ออกสำสั่ง ใครจะกล้าทำอย่างนี้ล่ะ? หลังจากอึ้งไปครู่เดียว เขาก็ส่ายหน้าตอบว่า “เปล่าขอรับ! นายท่าน ต้องค้นตัวด้วยเหรอ?”

บรรดาแม่ทัพภาคที่อยู่ตรงนั้นพากันมองหวังจัวด้วยสีหน้าแปลกๆ พบว่าหัวหน้าภาคยืนไม่มั่นคงแล้ว แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะแอบพึมพำว่า เรื่องบางเรื่องหัวหน้าภาคน่าจะมีแผนในใจแล้ว สงสัยสนมฉินจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่โอรสสวรรค์ถูกทำโทษจริงๆ ไม่อย่างนั้นท่านหัวหน้าภาคคงไม่ถึงขั้นอารมณ์ว้าวุ่น

พอหวังจัวถามออกไปแล้ว ก็รู้ตัวเช่นกันว่าตัวเองความคิดว้าวุ่นไป จึงโบกมือบอกว่าไม่ต้องค้นตัว

“นายท่าน จะเชิญเข้ามาหรือว่า…” ผู้ที่รายงานถาม

“หาข้ออ้างถ่วงเวลาเขาไว้ก่อน!” หลังจากหวังจัวไล่คนรายงานออกไปแล้ว ก็กวาดสายตามองพวกลูกน้องในโถงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จู่ๆ ก็กล่าวเสียงดังว่า “ข้ากับหนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่ทั้งมิตรและศัตรู ไม่รู้จักกันมาก่อน ผู้ที่มาย่อมไม่มาดี มิอาจไม่ป้องกัน ทุกคนถ่ายทอดคำสั่งเดี๋ยวนี้ รีบระดมกำลังพลฝีมือดีมาเตรียมพร้อมที่นี่!”

…………………………