ในห้วงลึกของนรกมันเกิดเสียงร้องตื่นตกใจดังขึ้นเบาๆ
หลังจากนั้นก็เกิดคลื่นพลังหลายสายไหลเข้ามารวมตัวกัน
“เป็นอะไรไปหรือหัวหน้า?” ไป่เชินร้องถามขึ้นในความมืดมิด
หลังจากหยุดเงียบไปพักใหญ่ยอดฝีมือผู้นั้นก็ตอบกลับมา “เด็กคนนั้น…ลบตราที่เจ้าทิ้งไว้ให้ได้แล้ว!”
ไป่เชินเบิกตากว้างขึ้น “เป็นไปได้ด้วยหรือ? ด้วยพลังที่เขามีแล้วจะสามารถตรวจพบสิ่งที่ข้าทิ้งซ่อนไว้ได้? หรือว่า…”
“ใช่! ภายใต้วิญญาณมังกรแล้วไม่มีสิ่งใดหลบซ่อนพ้น! เขานั้น…ได้รับการยอมรับจากแท่นตรามังกรแล้ว!” ยอดฝีมือผู้นั้นกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นตะลึงไม่น้อย
“หะ? เฒ่าไป่เพิ่งทิ้งตรามังกรสวรรค์ไปให้ไม่นานแต่เขากลับได้ศิลาเทวะผสานวิญญาณแล้ว?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันทำได้ไม่ต่างจากข้าคนนี้!”
“ศิลาเทวะผสานวิญญาณอีกครั้งแล้ว! ดูท่า…มังกรบรรพกาลคนต่อไปจะได้ถือกำเนิดแล้ว!”
…
คำพูดของคนทั้งหลายดังขึ้นในความมืดแสดงความชื่นชมอย่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
ดูท่าแล้วศิลาเทวะผสานวิญญาณนั้นมันก็คงนับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับยอดฝีมือทั้งหลายนี้เช่นกัน
ไป่เชินพูดกล่าวขึ้น “เด็กหนุ่มคนนี้ตอนที่ข้าเห็นเขาข้าก็รู้สึกมาแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ธรรมดา! อาณาจักรของเขานั้นมันแสนต่ำตมแต่…ข้ากลับมีความรู้สึกว่าไม่อาจมองมันออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่แปลกที่จะทำได้ถึงขนาดนี้!”
ยอดฝีมือปริศนาผู้นั้นจึงได้กล่าวขึ้นอีกครั้ง “สวรรค์คงต้องมอบหน้าที่ยิ่งใหญ่ให้คนผู้นี้เป็นแน่! ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่กำลังใกล้เข้ามา ยอดคนมากมายกำลังถือกำเนิด! เวลานี้ผนึกทั้งหลายมันก็ยิ่งอ่อนพลังลง ดูท่าคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก หากนรกเปิดออกแล้วมหาพิภพถงเทียนคงได้กลายเป็นนรกบนดินอีกคราแน่! แต่ข้าเริ่มจะหมดความกังวลลงได้แล้ว! บางทีเด็กหนุ่มคนนี้มันจะอาจจะเป็นความหวังของยุคสมัยนี้ก็เป็นได้!”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำพูดนั้นพวกเขาก็เงียบลงทันที
…
เมื่อแสงสว่างนั้นจางหายเย่หยวนก็ได้ลุกขึ้นยืน
เวลานี้เสื้อของเขานั้นถูกไฟร้อนแรงนั้นเผาจนสิ้นทำให้เห็นกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาอย่างชัดเจน
และบนหน้าอกของเขานั้นมันก็มีรูปมังกรทองประทับอยู่อย่างแจ่มชัด
ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เอง ต่อหน้าตรามังกรทองนี้พวกเขาเองก็คงได้แต่ก้มลงกราบ
หากมิใช่เพราะว่าพลังบ่มเพาะที่สูงล้ำ เวลานี้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็คงก้มหัวลงไปกราบเย่หยวนแล้ว
แต่ทว่าเหล่าทายาทมังกรสวรรค์คนอื่นๆ นั้นไม่ได้มีพลังบ่มเพาะสูงล้ำใดๆ ช่วยต้านทาน
คลื่นพลังสายเลือดอันหนักหน่วงนี้มันจึงได้ทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องก้มลงกราบติดพื้นดิน!
มีเพียงหลงเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่ไม่ถูกผลกระทบใดๆ
หลงหยวนนั้นคิดอยากจะมุดแผ่นดินหนีลงไปเสียตรงนี้ เขานั้นกล่าวอ้างว่าตนเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเผ่ามังกร แต่เวลานี้ตัวเขากลับไม่มีค่าพอจะเป็นขี้ข้าเย่หยวนเสียด้วยซ้ำ!
เย่หยวนยื่นมือออกมาดึงเสื้อคลุมสีขาวตัวใหม่เข้าใส่บนร่าง
เขานั้นหันไปยกมือคารวะเฉินซิงและกล่าวบอก “ผู้อาวุโส เมื่อจบเรื่องราวแล้วเย่ผู้นี้ก็ขอตัวลา!”
เฉินซิงที่ได้ยินก็รีบตอบกลับ “เดี๋ยว! เจ้าอย่าได้ไป!”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงขมวดคิ้วแน่น “ทำไมเล่า? ท่านผู้อาวุโสยังมีธุระใดกับข้า?”
เฉินซิงผงะไปทันทีที่ได้ยิน “เย่หยวน เรื่องราวก่อนหน้ามันเป็นความผิดของข้าสิ้น! เวลานี้จักรพรรดิผู้นี้ขอเชิญเจ้าขึ้นสู่เขามังกรสวรรค์!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะขึ้นมา “ไม่ต้อง คนที่มีความคิดแตกต่างเกิดขึ้นจากต่างเผ่าพันธุ์มันย่อมจะทำความเข้าใจกันได้ยาก! ที่สำคัญเย่ผู้นี้ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย ข้าไม่ขอขึ้นสู่เขามังกรสวรรค์เสียดีกว่า!”
‘ก่อนหน้านี้เจ้าดูถูกข้า เวลานี้เมื่อเห็นว่าพลังสายเลือดของข้าแข็งแกร่งรุนแรงเจ้ากลับอยากจะได้ตัวข้าไว้?’
แน่นอนว่าเรื่องราวเช่นนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่คิดยอมรับ ศักดิ์ศรีของเขานั้นมันไม่ได้ด้อยไปกว่าหลงหยวนแม้แต่น้อย
เพียงแค่ว่าตัวเขานั้นผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมายกว่าเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายทำให้เขาไม่แสดงมันออกมาให้ใครเห็นก็เท่านั้น
แต่ศักดิ์ศรีความไม่ยอมใครของเขานี้มันถูกสลักลงไปถึงแก่นกระดูกดำ
เรื่องราวบางอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดอยากจะทำ!
เฉินซิงที่ได้ยินต้องกล่าวขึ้น “เย่หยวน ในเมื่อเจ้าได้ศิลาเทวะผสานวิญญาณแล้ว ข้าเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจะอยู่หรือไม่นั้นมันจะมิใช่สิ่งที่เจ้าตัดสินใจได้แล้ว!”
เย่หยวนจึงหรี่ตาลงด้วยรอยยิ้ม “ท่านคิดอยากกักขังข้าไว้?”
เฉินซิงบอก “หากเจ้าไม่คิดยอมรับ จักรพรรดิผู้นี้ก็ได้แต่ต้องลงมือ!”
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องหัวเราะขึ้น “หึ สุดท้ายแล้วท่านก็ยังคิดว่าข้าเป็นคนละเผ่าพันธุ์! ข้าได้ศิลาเทวะผสานวิญญาณมาเช่นนี้…เขามังกรสวรรค์ของท่านคงไม่เป็นอันกินอันนอนใช่หรือไม่เล่า?”
เฉินซิงได้แต่ต้องแสดงสีหน้าหนักใจกล่าวขึ้น “เย่หยวน ข้าหวังแค่ว่าเจ้าจะไม่บังคับให้ข้าผู้นี้ต้องลงมือ!”
เย่หยวนจึงได้หัวเราะขึ้น “ข้า เย่หยวนนี้ยอมหักไม่ยอมงอ! คิดอยากให้ข้าขึ้นเขากับท่านไป ท่านก็จงลงมือเถอะ!”
ในเวลานั้นหลงเสี่ยวฉุนก็รีบเดินเข้ามาขวางหน้าเฉินซิงไว้ “ปู่เฉินซิง หากท่านกล้าทำอะไรเย่หยวนจริง ข้าจะไม่ขอขึ้นเขาไปอีก!”
เฉินซิงได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่น “เสี่ยวฉุน เรื่องราวนี้มันหนักหนา! เจ้าอย่าได้มายุ่งย่าม! ถอยไป!”
“ข้าไม่ถอย!”
เฉินซิงจึงหรี่ตาลงพร้อมชี้นิ้วออกมาส่งร่างหลงเสี่ยวฉุนร่วงหมดสติลงไป
ด้วยกำลังของเขานี้การจัดการหลงเสี่ยวฉุนในยามปกติมันย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย
เฉินซิงจ้องมองดูเย่หยวนอย่างหนักใจ “เช่นนั้นข้าคงต้องขอล่วงเกินแล้ว!”
เมื่อเจอศัตรูอย่างเฉินซิงนี้ ต่อให้เย่หยวนจะได้ศิลาเทวะผสานวิญญาณใดๆ มามันก็ไม่อาจจะเทียบเคียงอีกฝ่ายได้
จักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายนั้นมันเป็นตัวตนสุดแสนยิ่งใหญ่ ผู้ปกครองโลกหล้าอย่างแท้จริง
เฉินซิงนั้นยังไม่ทันจะได้ลงมือใดๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ราวกับว่ามันมีขุนเขาใหญ่กำลังพุ่งเข้ามาใส่ตัว
แต่ก่อนที่เฉินซิงจะได้ลงมือใดๆ ใบหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสีไปก่อน!
คลื่นพลังใดๆ บนร่างกายของเขานั้นจางหายสิ้นก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา “ช่างเถอะ ไปเสีย!”
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นคนทั้งหลายต่างก็ตื่นตะลึงเบิกตาค้างไปตามๆ กัน
ท่านเฉินซิงกลับถอยกลับง่ายๆ เช่นนี้?
หลงหยวนนั้นเดิมทีคิดอยากเห็นเย่หยวนถูกผู้คนกำราบ แต่เวลานี้กลับต้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้ต้องแสดงสีหน้าอย่างไร
ก่อนที่เย่หยวนจะถูกกำราบลงทางเฉินซิงกลับถอยกลับไปเสียอย่างนั้น!
เย่หยวนเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วถามขึ้น “คนผู้นั้นคือใครกัน?”
เพราะตัวเขานั้นมีสติแจ่มชัด เห็นได้ทันทีว่าเรื่องนี้คงเป็นคำสั่งของผู้ที่มอบตรามังกรสวรรค์ให้เขาแน่แล้ว
เพียงแค่ว่าเขาเองก็สงสัยเหลือเกินว่าคนผู้นั้นเป็นใครกันแน่
เฉินซิงได้แต่ส่ายหัวออกมา “เมื่อถึงเวลาเจ้าจะได้รู้เอง! เย่หยวน จำไว้ว่าไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดเจ้านั้นก็จะเป็นความภาคภูมิของเผ่ามังกรเรา!”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินหายไป
เขานั้นมีความสัมพันธ์กับเผ่ามังกรไม่น้อยและไม่ได้มีเรื่องราวใหญ่โตกับมังกรทั้งหลายในภาพรวม แน่นอนว่าย่อมจะไม่มีทางตัดขาดกันได้ลง
เพียงแค่ว่าวิธีการของเฉินซิงนี้ เย่หยวนไม่อาจทำใจชอบได้ลง
หลังจากที่เย่หยวนจากไปหลงเทียนยู่ก็กล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย “ท่านเฉินซิง ปล่อยมันไปเช่นนั้นจะดีหรือ? บนร่างของมันนั้นคือชะตาของเผ่ามังกรเราเชียวนะ!”
แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับแต่หลงเทียนยู่ก็เข้าใจว่าความสามารถพรสวรรค์ของเย่หยวนนี้มันเหนือล้ำความเข้าใจเขาไปมาก
ตัวตนของเย่หยวนนี้มันสำคัญเกินกว่าที่จะจินตนาการได้!
มีหรือที่จะปล่อยคนเช่นนั้นออกไปเผชิญโลกแสนอันตรายเองได้?
เฉินซิงหันหน้ากลับมาร้องตวาด “จักรพรรดิผู้นี้ทำการใดเจ้ามาสอดปากได้หรือ? ไสหัวไปให้พ้น!”
หลงเทียนยู่หน้าซีดขาวลงพร้อมถอยหลังไปอย่างไม่อาจตอบโต้ใดๆ
เวลานี้เฉินซิงเองก็ไม่พอใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นและหลงเทียนยู่ก็เสนอหน้ามาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้
หากไม่ด่าเสียหน่อยแล้วจะให้ทำอย่างไร?
แต่ในเวลานี้จิตใจของเฉินซิงมันกลับกำลังเกิดมรสุมยักษ์ใหญ่ขึ้น!
ที่แท้แล้วท่านผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่!
ที่แท้แล้วตรามังกรสวรรค์ของเย่หยวนนี้มันถูกประทับไว้โดยฝีมือของท่านผู้นั้น!
เย่หยวนนี้คือคนที่ท่านผู้นั้นเลือก!
กี่ปีกันแล้วที่ท่านผู้นั้นไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็น?
แม้แต่เหล่ายอดคนบนเขามังกรสวรรค์ทั้งหลายเองก็ยังคิดไปเสียแล้วว่าท่านผู้นั้นอาจจะตายลงไปแล้ว
เฉินซิงนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าท่านผู้นั้นจะยังอยู่บนโลกใบนี้!
ข่าวเรื่องนี้มันทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายอย่างเขาต้องตกตะลึงไม่น้อย
ก่อนหน้านี้ต่อหน้าเย่หยวนนั้นเขาแทบจะลืมตัวคุกเข่าลงเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังนั้น
เขาได้แต่คิดว่าหากก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเย่หยวนจริงๆ แล้วท่านผู้นั้นจะไม่ทำลายเขาลงจนไม่เหลือเศษซากหรือ?
…………………..