มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1042

หลัวซิวได้เรียนรู้วิธีการสร้างค่ายกลระดับเทพจากห้วงกาลแดนที่สร้างขึ้นโดยเทพสงครามเอกภพ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับทุกคน

พลังของค่ายเทพระดับ 1 ระเบิดออกมาทั้งหมด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเทียบเท่ากับการโจมตีเต็มกำลังของผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้น 1

“ฮึ่ม เล่ห์กลน้อยๆ”

เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามสีหน้าไม่เปลี่ยน ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบได้กับเทพมารขั้นกลาง มีเพียงค่ายเทพระดับ 2 เท่านั้นที่สามารถเป็นอันตรายได้บ้างเล็กน้อย

“บูม!”

ด้วยพลังแห่งกฎ ตำหนักสรรพดาราส่องแสงเจิดจ้า แสงแห่งดวงดาวกระเซ็นออกมา

เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสาม ควบคุมตำหนักดาราปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เสียงดังกึกก้องกังวานไม่หยุดหย่อน สะท้อนอยู่ในท้องฟ้าสูง

หลัวซิวที่เพิ่งเข้าสู่แดนตำหนักจื่อก็ได้ยินการจากภายนอก สีหน้าเขาดูขรึมเล็กน้อย ค่ายเทพระดับ 1 ทั้งสามแห่ง เกรงว่าจะสามารถขัดขวางเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามได้เพียงครู่เดียว

“ทำลาย!”

นอกแดนปริศนา เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามตะคอกพร้อมกัน ค่ายเทพระดับ 1 แห่งหนึ่ง ขัดขวางไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถูกทำลายลง

ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในไท่เสวียนที่อยู่ในแดนปริศนาก็ได้ยินการเคลื่อนไหวข้างนอกเช่นกัน หลายคนเดินออกจากสถานที่ฝึกฝนด้วยใบหน้าที่สงสัย

“เกิดอะไรขึ้น?” ภายในตำหนักวัฏสงสาร เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ดูเป็นกังวล

นอกจากหญิงสองคนนี้ ปิ๋เฉียนเสวี่ย หลินจื่อเฟิง เกาเหลียนหงก็มาที่ตำหนักวัฏสงสาร

คนกลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุดของหลัวซิว

“พวกเจ้าดูเอาเอง”

หลัวซิวยกมือขึ้นโบก มีหมอกหนาปรากฏขึ้นในห้องตำหนัก เผยให้เห็นภาพที่อยู่นอกแดนปริศนา

ตำหนักดาราอันวิจิตรตระการตาอยู่บนท้องฟ้า ด้านหน้าประตูตำหนักดารา มีเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามยืนอยู่ แต่ละคนปล่อยออร่าอันทรงพลังลึกลักออกมา

หลังจากนั้น หลัวซิวเล่าเรื่องที่ถูกเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามไล่ล่าในอาณาจักรตะวันตกออกมา ในเวลานี้ ทุกคนในตำนหักเพิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วสามคนนี้เป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดสามคนในเผ่าพันธุ์มนุษย์!

สำหรับคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารนิรันกาลคือการดำรงอยู่ยงคงกระพัน แล้วยังเป็นเป้าหมายที่พวกเขาไล่ตามและมองหาตลอดชีวิตของพวกเขา

ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งเทพมารทั้งสามมาโจมตี ไท่เสวียนอยู่ในอันตรายไม่ใช่หรือ?

“เจ้าสำนัก พวกเราควรทำอย่างไร?” เกาเหลียนหงถามอย่างกังวล

ถึงแม้ว่าจะเป็นเทพมารสามคนที่มาหาเรื่อง แต่ก็ไม่มีใครแสดงความกลัวใด ๆ ออกมา อย่างมากคือแสดงความเป็นกังวลออกมา กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของสำนักไท่เสวียน

หลัวซิวยิ้มเล็กน้อย “ทุกคนอย่ากังวล ข้าจะปล่อยให้แดนตำหนักจื่อหลบหนีเข้าไปในอนัตตา แม้ว่าจะเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามก็ยากที่จะหาพบ แค่รอสักครู่แล้วเราจะกลับไปยังโลกแสงดาวได้”

ในขณะที่พูด ค่ายเทพแห่งที่สองนอกแดนปริศนาก็ถูกทำลายเช่นกัน สถานการณ์อันตรายและเร่งด่วน

“ทุกอย่างทำตามคำสั่งของเจ้าสำนัก!” เกาเหลียนหงและคนอื่นๆ ตอบพร้อมกัน

หลัวซิวพยักหน้า “ผู้คุมกฎเกา หลินจื่อเฟิงและเซียนเสว่ เจ้าสามคนมีหน้าที่ปลอบใจศิษย์ในสำนัก ส่วนที่เหลือข้ามาจัดการเอง”

“ขอรับ!”

ทั้งสามตอบพร้อมกันแล้วเดินออกจาก ตำหนักวัฏสงสารทันที ตามคำแนะนำของหลัวซิว ปลอบใจความหวาดกลัวของเหล่าศิษย์ในสำนัก

ในตำหนัก หลัวซิวยกมือขึ้นบีบผนึก ในขณะที่เขาผนึก มีแสงค่ายกลกระจายออกมาระหว่างนิ้วมือของเขา เปิดใช้งานค่ายกลที่เขาจัดไว้ตั้งนานแล้วภายในแดนตำหนักจื่อ

นี่คือค่ายเลื่อนลอยแห่งหนึ่ง เมื่อเปิดใช้งานทั่วทั้งแดนตำหนักจื่อจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้วหลบหนีเข้าไปสู่อนัตตา