“หา? หายตัวไป?”
เย่หยวนถึงกับต้องลุกขึ้นยืนพร้อมท่าทางขุ่นเคือง
คลื่นพลังรุนแรงของเขานั้นหนักหน่วงจนแทบจะทำลายทั้งห้องโถงลง
เขานั้นต้องก้าวผ่านความยากลำบากมามากมายปานใดกว่าจะมาถึงตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงนี้ได้ แต่พอมาถึงแล้วอีกฝ่ายกลับบอกว่าลี่เอ๋อหายตัวไปเสียอย่างนั้น!
ผลลัพธ์เช่นนี้มันย่อมจะไม่มีใครรับได้
เมื่อลั่วเฟิงและจุนหมิงซินเห็นภาพตรงหน้านี้พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน
โดยเฉพาะตัวจุนหมิงซินที่ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นการประลองของเย่หยวนและหลินฉางชิง เพราะเวลานี้เขาได้รู้ว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ใช้แม้แต่เศษเสี้ยวของพลังออกมาในตอนประลอง!
เทพสวรรค์สองดาวก็สามารถจะมีพลังมากมายเช่นนี้ได้
“รองมหาปราชญ์อย่าเพิ่งวู่วามไป ฟังที่จักรพรรดิผู้นี้พูดให้จบก่อนเถิด” ลั่งเฟิงได้แต่ต้องพูดขึ้นมาเตือนสติ
เย่หยวนจึงได้พยายามกดดันความไม่พอใจใดๆ ลงไปและรีบกล่าวออกมา “ท่านว่ามา!”
ลั่งเฟิงจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป “ตามข้ามา!”
พูดไปเขาก็เดินพาเย่หยวนออกไปยังห้องน้อยห้องหนึ่ง
เมื่อเข้ามาถึงห้องนี้เย่หยวนก็ต้องสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นฉุนปะทะจมูกอย่างแรง
บนเตียงนอนสุดห้องนั้นมันมีร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่
คนผู้นั้นมีสภาพเน่าเละไปทั้งกายตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายเต็มไปด้วยรูหนองเหมือนดั่งเป็นแค่ซากเน่าศพ
เมื่อเย่หยวนมองดูใกล้ๆ เขาก็ได้เห็นว่าร่างนั้นยังมีลมหายใจที่แสนรวยรินอยู่
ส่วนที่ด้านข้างเตียงนอนนั้นมีชายแก่ผู้หนึ่งกำลังค่อยๆ พรมน้ำลงบนร่างกายที่นอนนิ่งนั้นอย่างไม่สนใจคนทั้งหลายที่เพิ่งมาถึง
เย่หยวนได้แต่หันไปมองลั่วเฟิงอย่างรอคำอธิบาย
“เขาผู้นี้มีนามว่าจั่วหยวนจือ สิบปีก่อนแม่น้ำโกรธาต่ำเหือดแห้งลงพร้อมการปรากฏของถ้ำนิลเพลิงทำให้เมืองนับร้อยๆ ในระยะรัศมีรอบๆ ต้องกลายเป็นเมืองร้าง ทุกผู้คนต่างพูดกล่าวกันว่าถ้ำแห่งนั้นเป็นที่อาศัยของจักรพรรดิเทพสวรรค์ทำให้มียอดฝีมือมากมายคิดเข้าไปทดสอบความจริง ทางวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดรอบๆ ถ้ำนิลเพลิงเองก็ได้ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องราวมากมายแต่สุดท้ายแล้ว… มันกลับไม่มีใครรอดออกมาได้! เหล่าเทพสวรรค์ที่ไปแล้วไม่ได้กลับมานั้นมันมีมากมายนับร้อย!” ลั่งเฟิงบอกด้วยท่าทางหนักใจ
“ปีก่อนมันได้ปรากฏผู้คนหนีรอดออกมาจากถ้ำนิลเพลิงนี้ได้ ศิษย์น้องหยวนจือนี้เองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น แต่หลังจากที่เขากลับมาถึงวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงเราเขาก็หมดสติลง ในหนึ่งปีมานี้อาจารย์ลุงตันยี่ได้ใช้ยาสารพัดเพื่อช่วยรักษาประคองอาการเน่าของศิษย์น้องหยวนจือนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเสียเขาก็คงอยู่ได้อีกไม่ถึงเดือนแล้ว” จุนหมิงซินกล่าวขึ้นเสริม
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นถามขึ้นอย่างไม่พอใจ “วังพำนักของท่านนี้ก็มีจักรพรรดิเทพสวรรค์กันมากมาย เหตุถึงต้องส่งเหล่าเทพสวรรค์ไปตายกันเปล่าๆ ด้วย?”
ขุนหมิงซินยิ้มตอบออกมาอย่างขมขื่น “มันมิใช่ว่าเราไม่อยากไป เพียงแค่ว่าถ้ำนิลเพลิงนั้นมันไม่เสถียรเอาอย่างมาก อย่าว่าแต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ แม้แต่เทพสวรรค์ขั้นปลายเองก็คงไม่อาจจะไปใกล้กราย ไม่เช่นนั้นทางเข้ามันคงพังถล่มลงมาสิ้น! ทำเช่นนั้นแล้วมันยิ่งจะหมดหวังใดๆ กันไปใหญ่”
จุนหมิงซินหันมามองตาเย่หยวนก่อนจะกล่าวพูดขึ้นต่อ “เจ้าไม่ต้องสงสัยใดๆ หรอก หลายปีก่อนอาจารย์นั้นได้ให้ค่ากับศิษย์น้องหญิงเมิ่งลี่มาก ทรัพยากรที่นางได้เองก็มากมายจนเราศิษย์พี่ทั้งหลายต้องจ้องมองอย่างอิจฉา แต่ว่าด้วยความที่นางเป็นศิษย์น้องและยังเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยมันจึงไม่มีใครจะคิดไปหาเรื่องให้นางต้องเดือดร้อนใจ ภารกิจในครั้งนี้ตัวศิษย์น้องหญิงเมิ่งลี่เองก็เป็นคนที่อาสาไปเอง แต่เราก็ไม่นึกไม่ฝันว่าผลลัพธ์มันจะกลายเป็นเช่นนี้ไป”
ได้ยินคำพูดนี้เย่หยวนก็เริ่มสงบจิตใจลงได้
เขาจึงได้กวาดสายตากลับไปมองที่ร่างของจั่วหยวนจือพร้อมกล่าวขึ้น “เช่นนั้นแล้วคำตอบใดๆ มันคงอยู่ที่ตัวเขานี้?”
ลั่วเฟิงจึงพยักหน้ารับออกมา “หากหยวนจือฟื้นขึ้นมาได้เราก็ย่อมจะสอบถามเรื่องราวที่แท้ในถ้ำนิลเพลิงนั้นได้”
เย่หยวนจึงไม่คิดจะพูดจาใดๆ ให้มากความอีก เขาเดินเข้าไปหาตันยี่พร้อมกล่าว “ถอยไป!”
ตันยี่ที่ได้ยินก็ต้องร้องตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กเวรคนนี้มันมาจากที่ใดกัน? กล้ามาพูดจากับจักรพรรดิผู้นี้ด้วยน้ำเสียงเช่นนี้?”
ตันยี่นั้นเป็นศิษย์น้องของลั่วเฟิง ตัวเขาเองก็เป็นถึงจอมเทพโอสถแปดดาวผู้หนึ่ง!
แต่ยอดฝีมือในระดับนั้นกลับถูกเย่หยวนกล่าวสั่ง มีหรือที่เขาจะยังทนรับมันได้?
เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนในเวลานี้ไม่คิดสนใจมารยาทใดๆ อีกต่อไปและกล่าวขึ้นมา “น้ำค้างลวงตาหยกนอกรีตมันสามารถชุบชีวิตคนตายได้จริง แต่โอสถที่ท่านใช้มันไม่ถูกกับอาการของคนไข้ ทำเช่นนี้ต่อไปเขาก็มีแต่จะตาย!”
เมื่อถูกเด็กน้อยคนหนึ่งว่ากล่าวเช่นนั้นออกมาตันยี่ก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
แต่การที่เย่หยวนสามารถมองออกว่าน้ำที่เขาพรมอยู่นี้คือน้ำค้างลวงตาหยกนอกรีตมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเย่หยวนนี้มีความรู้ด้านการโอสถอยู่ไม่น้อยจนทำให้เขาต้องตกตะลึง
เพียงแค่ว่าความไร้มารยาทของอีกฝ่ายมันทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
เขาจึงได้แต่หัวเราะขึ้น “เด็กน้อย จักรพรรดิผู้นี้เองก็อยู่มาจนแก่เฒ่าแต่ยังไม่เคยเห็นพิษร้ายประเภทนี้มาก่อน! น้ำค้างลวงตาหยกนอกรีตนี้เองก็เป็นโอสถที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้ว! หรือว่าเจ้าคิดว่ามีโอสถใดเหมาะสมกว่า?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “เพราะฉะนั้นก็จงถอยไปด้วยเถอะ!”
ตันยี่ที่ได้ยินแทบจะสำลักความโกรธแค้นตาย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้แสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมาเขาก็ได้ยินเสียงของลั่วเฟิงกล่าวขึ้นก่อน “ศิษย์น้องข้า เขาผู้นี้คือรองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวช ความรู้ความสามารถด้านการโอสถของเขานั้นเหนือฟ้าดินไร้เปรียบ! บางที… เขาอาจจะหาวิธีช่วยหยวนจือได้ ใครจะรู้?”
ตันยี่ได้แต่ต้องหรี่ตาลองมองเย่หยวนด้วยความสงสัย
เขานั้นไม่เคยได้ยินคำว่ารองมหาปราชญ์ใดๆ แต่นามของวิหารนักบวชนั้นย่อมจะคุ้นหูคนระดับเขามาก
จะบอกว่าเจ้าเด็กคนนี้คือยอดคนอันดับหนึ่งเป็นรองแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
“รองมหาปราชญ์หรือ? หึๆ จักรพรรดิผู้นี้ก็อยากรู้เหลือเกินว่ารองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวชมันจะเก่งกาจปานใด!” ตันยี่หัวเราะกล่าวขึ้น
แต่เวลานี้เย่หยวนไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงใดๆ และตอบกลับไปอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็จงถอยไปดูเถอะ”
เย่หยวนนั้นถือโอกาสก้าวเข้ามาพร้อมปล่อยปราณเทวะโกลาหลใส่ร่างของจั่วหยวนจือ
ปราณเทวะทั้งหลายนี้มันวนอยู่ในร่างของจั่วหยวนจือถึงห้ารอบแต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ
มันราวกับว่าร่างของจั่วหยวนจือแค่เริ่มทำงานช้าลงไปเฉยๆ อย่างไร้สาเหตุ ทำให้พลังงานใดๆ ในร่างกายของเขานั้นค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่าง
เย่หยวนที่สัมผัสได้เช่นนั้นยิ่งต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ตันยี่ที่เห็นก็ได้แต่ยิ้มเย้ยออกมา “เด็กน้อย ต่อให้เจ้าจะเป็นรองมหาปราชญ์ใดๆ เจ้าก็จะดูถูกจอมเทพโอสถแปดดาวจนเกินไป! ร่างกายของหยวนจือนี้จักรพรรดิผู้นี้ตรวจดูมานับยี่สิบครั้งแต่ก็ไม่เคยจะพบความผิดปกติใดๆ แม้แต่น้อย! มันมิใช่พิษใดและมิใช่โรคร้ายใดๆ ด้วย มันดั่งกับร่างของเขานี้จู่ๆ ก็เน่าลง เจ้าเองก็คงสัมผัสได้เช่นนั้นใช่หรือไม่เล่า?”
ทางลั่วเฟิงที่เห็นก็ต้องหลับตาลงอย่างผิดหวัง
เขานั้นได้ยินว่าเย่หยวนเป็นถึงรองมหาปราชญ์ ย่อมจะรู้สึกนึกคาดหวังไว้ไม่น้อย
ไม่นึกว่าสุดท้ายแม้แต่คนระดับนี้เองก็ยังไม่อาจช่วยเหลือใดๆ ได้
แต่เย่หยวนไม่ได้คิดสนใจคำของตันยี่ใดๆ เขาเปลี่ยนตราในมือออกทำให้ห้องน้อยนี้มันได้กลายเป็นทะเลแห่งดวงดาวไป
เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศ!
ตันยี่ที่ได้เห็นต้องเบิกตากว้าง เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ว่าวิชาฝีมือด้านโอสถของเย่หยวนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
กว้างไกลและลึกลับดั่งทะเล!
นั่นคือความรู้สึกของตันยี่
เย่หยวนนั้นขยับมืออย่างรวดเร็ว ส่งเส้นปราณเทวะโกลาหลเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งเข้าสู่ร่างของจั่วหยวนจือ
ทางร่างของจั่วหยวนจือนั้นค่อยๆ ลอยขึ้นมาบนอากาศพร้อมปล่อยแสงสีเงินอ่อนๆ
เมื่อได้เห็นภาพนี้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามต่างก็ต้องเบิกตาค้างหันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
นี่หรือคือรองมหาปราชญ์?
แท้จริงแล้วตอนที่ลั่วเฟิงเห็นเย่หยวนครั้งแรกเขาเองก็คิดว่าเด็กคนนี้อายุน้อยจนเกินกว่าจะวางใจเรื่องราวใหญ่โตให้ได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการถูกเรียกว่ารองมหาปราชญ์ด้วยอายุเท่านี้มันก็คงจะดีเกินจริงไปหน่อย
แต่เวลานี้ความสงสัยใดๆ ที่เคยมีมันจางหายสิ้น!
ความเข้าใจต่อเต๋าที่เย่หยวนแสดงออกมานี้มันลึกลับอย่างไม่อาจอธิบายได้
“ด้วยอายุเพียงเท่านี้ก็หาเต๋าของตัวเองพบ! เจ้าเด็กคนนี้มันสัตว์ประหลาดแท้ๆ!” ตันยี่ได้แต่ร้องขึ้น
และในเวลานี้เองที่เย่หยวนก็ต้องเบิกยิ้มออกมา “ช่างเจ้าเล่ห์นัก ที่แท้มาซ่อนอยู่ตรงนี้! ออกมาให้ข้าเห็นตัวเดี๋ยวนี้!”
เย่หยวนทุบฝ่ามือออกมาใส่หัวของจั่วหยวนจืออย่างรวดเร็ว
ตันยี่และพวกทั้งหลายต่างต้องเบิกตากว้างด้วยใบหน้าขาวซีดคิดจะหยุดเขาลง แต่ก่อนจะทันได้ทำอะไรพวกเขาทั้งสามเห็นภาพเงาสีดำพุ่งตัวออกมา!
………………