บทที่ 1351 เจ้าสวาปาม

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

สาวกเนื้อของเมืองปรารถนารส ทั้งหมดมีเพียง 20 กว่าคน ทั้งหมดต่างเข้าสู่งานเลี้ยงล่าสัตว์ของโลกาชั้นแรก ในนี้มีครึ่งหนึ่งที่ถูกเสินหลูเต้ากลืนกิน บวกกับความประหลาดของสถานที่แห่งนี้ ภายใต้การหยั่งรู้ด้วยเคล็ดวิชาของเฉิงหลิงจื่อ เวลานี้เหลือเพียงหกคนเท่านั้น

หกคนนี้ ไม่ใช่ผู้มีพลังแข็งแกร่งที่สุด แต่ส่วนมากมีเวทซ่อนตนที่พิเศษ อย่างไรก็ดี แม้จะซ่อนตัวเช่นไร ก็ยังไม่อาจหลบจากเคล็ดวิชาเสาะหาของเฉิงหลิงจื่อได้

เคล็ดวิชานี้เป็นบิดาของเขาถ่ายทอดให้ด้วยตนเอง เป็นวิชาใช้สำหรับเสาะหาสาวกเนื้ออื่นๆ โดยเฉพาะ เป็นเพราะเฉิงหลิงจื่อเป็นหนึ่งในไพ่ตายที่อยู่ที่นี่ ตามแผนของบิดาที่วางเอาไว้ให้เขา เขาอยู่ที่นี่อาศัยเคล็ดวิชาเสาะหา กลืนกินไปคนแล้วคนเล่า สุดท้ายแม้ว่าจะไม่อาจเป็นเจ้าสวาปามได้ แต่ก็หาประโยชน์จากที่นี่ได้อย่างมากมาย

เพียงแต่ว่าทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ ตอนนี้เคล็ดวิชานี้กลายเป็นอาวุธทรงประสิทธิภาพที่ไปช่วยหวังเป่าเล่อ และเขาเองก็ยินยอมพร้อมใจ นี่อาจกล่าวได้ว่าใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง บางครั้งเมื่อนวดเค้นจนถึงระดับหนึ่ง เกรงว่าแม้ตนเองก็ยังไม่รู้จะออกมาเป็นเช่นไร

เวลานี้เฉิงหลิงจื่อนัยน์ตาแดงก็เป็นเช่นที่ว่านี้ เขาแสดงออกมาอย่างรวดเร็วในโลกาชั้นที่หนึ่ง ในไม่ช้าเขาก็หยุดชะงักในที่โล่งแจ้งแห่งหนึ่ง ก้มลงมองพลันเอ่ยปาก

“ให้โอกาสเจ้า ตามข้าไป อุทิศกฎเกณฑ์ปรารถนารสครึ่งหนึ่งให้ผู้มีพระคุณของข้า ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่ถึงแก่ชีวิต”

คำพูดของเขาเมื่อกล่าวออกไป ทำให้พื้นที่แห่งนั้นเงียบสงัดทันที เฉิงหลิงจื่อรออยู่หลายอึดใจจนทนไม่ไหว พริบตาเดียวร่างก็ตรงไปปรากฏที่ตำแหน่งหนึ่ง มือขวายกขึ้นคว้าทันที ในตอนที่รอบด้านบิดเบี้ยวก็สามารถเห็นร่างเลือนรางร่างหนึ่งกำลังล่าถอยอย่างรวดเร็ว

เฉิงหลิงจื่อคำรามเสียงเย็น เขาไล่ตามร่างนั้นไปติดๆ กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจ เขาเหาะออกไปไกลด้วยเสียงก้องกังวาน มือถือเชือกไว้เส้นหนึ่ง ที่ปลายเชือกมีสาวกเนื้อใบหน้าซีดขาวถูกมัดไว้

ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงในด้านพลัง ทำให้อีกฝ่ายไม่อาจต่อต้านได้นานเกินไป เวลานี้จึงถูกจับกุมไว้เยี่ยงเชลย

เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาค่อยๆ ไหลผ่านอีกครั้ง ในไม่ช้าก็ผ่านไปสองวันแล้ว ความเร็วและประสิทธิภาพของเฉิงหลิงจื่อเป็นที่น่ามหัศจรรย์ ภายในระยะเวลาสองวันนี้ เขาตามหาสาวกเนื้อที่หลบซ่อนมาได้ห้าคน จับเป็นพวกเขาทั้งหมด แต่ในการเสาะหาคนสุดท้าย กลับไม่ค่อยราบรื่นนัก

เวลานี้เขายืนอยู่บนท้องฟ้า ก้มลงมองผืนแผ่นดินด้านล่าง พื้นที่แห่งนี้มีความพิเศษอยู่บ้าง ประกอบด้วยพื้นที่เป็นแอ่งๆ และน้ำข้างในแอ่งเป็นสีแดง นอกเหนือจากนี้ที่นี่ยังมีดวงจิตกระจายอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้เคล็ดวิชาของเขายากจะขยายผลในสถานที่เช่นนี้

เฉิงหลิงจื่อรับรู้แต่เพียงว่าที่นี่มีสาวกเนื้ออยู่ผู้หนึ่ง นอกจากต้องพลิกพื้นที่ทั้งหมดเสาะหา เช่นนั้นแล้วก็ยากที่จะพบร่องรอยที่มีอยู่ ทว่าด้วยระดับฝึกตนของเขา คิดจะพลิกพื้นที่ที่เต็มไปด้วยดวงจิตแห่งนี้ คงต้องใช้เวลานานมาก

นี่จึงไม่สอดคล้องกับแผนที่เขาวางไว้ เขาหรี่ตาลง ทันใดนั้นเฉิงหลิงจื่อก็มองไปที่สาวกเนื้อห้าคนที่ถูกเชือดมัดอยู่ทางด้านหลัง

“เดิมที ตามที่ผู้มีพระคุณร้องขอ หากมีสาวกเนื้อหกคน ก็จะสามารถรักษาชีวิตพวกเจ้าไว้ได้ ด้วยกฎเกณฑ์ปรารถนารสเพียงพอ ไม่ต้องการชีวิตมาทดแทน”

“แต่…เวลานี้หายไปหนึ่งคน ข้าก็ไม่กล้ารับประกันแล้ว”

“ดังนั้น ให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งก้านธูป ตามหาคนผู้นี้ให้พบ มิฉะนั้นพวกเจ้าคงรู้ผลของมัน” ว่าจบ ขณะที่เฉิงหลิงจื่อสะบัดมือ คนทั้งห้าทางด้านหลังได้แยกแยะผลพวงอันโหดร้ายนั้น ก็คลายเชือกออก แล้วกล่าวขึ้นเบาๆ

“ข้าเฉิงหลิงจื่อกล่าวแล้วไม่คืนคำ หากเจ้าไม่เชื่อ อย่าว่าแต่ข้อห้ามสามารถเอาชีวิตพวกเจ้า แม้พวกเจ้าจะหนีไปได้ นอกจากจะไม่กลับมาเมืองปรารถนาอีกแล้ว มิฉะนั้นคงมีจุดจบเดียวกัน” กล่าวพลาง เฉิงหลิงจื่อหลับตา นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ แล้วเริ่มจับเวลา

คนทั้งห้าใบหน้าซีดขาว หลังจากมองหน้ากันและกัน ต่างก็เข้าใจได้ว่าแต่ละคนไร้ซึ่งหนทาง พวกเขาไม่กล้ายั่วยุเฉิงหลิงจื่อ แต่ก็ไม่อาจไม่กลับไปเมืองปรารถนารส เวลานี้ได้แต่เพียงฝากความหวังไว้ว่าเฉิงหลิงจื่อจะไม่คืนคำ อีกอย่างอีกฝ่ายก็มีเหตุผล ทั้งหกคนไปแบ่งเบาภาระ ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะรักษาชีวิต

ดังนั้นคนทั้งห้าจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก้มหน้าตรงไปแอ่งน้ำ เฟ้นหาไปทั่วอาณาบริเวณกว้างใหญ่ ตามวิธีการของแต่ละคน ผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านการหลบซ่อนนั้นล้วนมีบางส่วนที่เหมือนกัน ดังนั้นสถานการณ์ที่เฉิงหลิงจื่อมองว่าหมดปัญญา แต่ภายใต้การร่วมมือร่วมใจกันของคนทั้งห้า หลังจากหนึ่งก้านธูปตามด้วยเสียงสะท้อนก้อง ดวงตาของเฉิงหลิงจื่อก็เบิกขึ้นทันที

“พบแล้ว!” พริบตาเดียวร่างของเขาก็วาบหาย หลังจากผ่านไปนับสิบลมหายใจ เมื่อเฉิงหลิงจื่อเหาะออกไปอีกครั้ง ด้านหลังของเขา จากห้าคนก็กลายเป็นหกคนแล้ว

เป็นเช่นนี้ ด้วยความกังวลของพวกเขาทั้งหมด เฉิงหลิงจื่อก็รีบพาคนทั้งหกกลับไปที่หวังเป่าเล่อกักตน ทั้งหกคนเห็นวังวนมหึมาระหว่างฟ้าดินที่คำรามไปทั่วสารทิศแต่ไกลๆ แม้จะไม่สามารถมองเห็นผู้ที่อยู่ในวังวนได้ แต่กฎเกณฑ์ปรารถนารสที่หนาแน่นจนน่าตระหนก ก็กระจากยออกมาจากในวังวน ทำให้จิตใจของพวกเขาร้องคำราม ใบหน้าพลันซีดขาว

“ยังไม่ไปอีก” เฉิงหลิงจื่อเห็นคนทั้งหกหยุดชะงัก ดวงตาก็ฉายแววดุร้าย ภายใต้การลากเพียงครั้งเดียวก็พาพวกเขาตรงไปที่วังวน หลังจากเข้าใกล้แล้ว เขารีบคุกเข่าลงไปเบื้องหน้าวังวนแห่งนั้น จากสีหน้าดุดันในตอนแรกเปลี่ยนเป็นเชื่อฟังและเคารพอย่างที่สุด ร้องตะโกนออกมา

“ผู้มีพระคุณ สาวกเนื้อเหล่านี้คือที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ข้านำทั้งหมดมาแล้ว”

“ดีมาก” เสียงนั้นคล้ายฟ้าร้อง มันส่งออกมาจากภายในวังวน ในขณะที่ทั่วสารทิศสั่นไหว โซ่ที่ก่อตัวขึ้นจากหมอกแห่งความมืดขนาดใหญ่หกเส้น ก็พุ่งออกมาจากภายในวังวนตรงเข้าไปรัดพันสาวกเนื้อทั้งหกนี้ทันที ขณะนี้กฎเกณฑ์ปรารถนารสในร่างของสาวกเนื้อทั้งหก ก็ระเบิดออกไปตามโซ่ตรงเข้าไปที่วังวน

ด้านเฉิงหลิงจื่อก็ไม่ต้องรอคำสั่งของหวังเป่าเล่อ เวลานี้ได้ส่งกฎเกณฑ์ปรารถนารสออกไปจากภายในร่างอีกครั้ง หลอมรวมในวังวน ทำให้หวังเป่าเล่อพอใจอย่างที่สุด

เวลานี้การเลื่อนขั้นของเขาก็ได้มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว กลิ่นอายของเขาเหนือกว่าเจ้าสวาปามปกติ แต่เขตแดนอย่างไรก็ยังขาดอยู่ เวลานี้ด้วยกฎเกณฑ์ปรารถนารสจำนวนมหาศาลถาโถมเข้ามา ส่วนที่ขาดไปนี้ ในที่สุดก็เริ่มสมบูรณ์

ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป กฎเกณฑ์ปรารถนารสจากภายในร่างของทั้งหกก็ถูกดึงออกมาเกือบเจ็ดเท่า มีเสียงคำรามส่งออกมาจากภายในวังวน ยามที่มันดังขึ้น วังวนพลันหดตัวลงแคบลง และเริ่มปะติดปะต่อกันเป็นร่างหนึ่งสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ในตอนแรกร่างนี้…กินอาณาบริเวณ 100 จั้ง หากแต่ตอนนี้วังวนก็ยังหดตัวไม่หยุด หลอมรวมไม่หยุด ขนาดของเขาเริ่มขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็น 130 จั้ง 170 จั้ง 210 จั้ง จนกระทั่ง…

สุดท้ายหลังจากสูงถึง 330 จั้งแล้ว วังวนก็หายไป พลังปราบปรามที่มาจากเจ้าสวาปาม เทพจุติ เทียมฟ้า ทำให้ไอหมอกบนท้องนภาพลิกม้วน พื้นดินคำรามก้อง ราวกับว่าระหว่างดินฟ้า เวลานี้ได้จุดบรรจบเพียงหนึ่งเดียว มีเพียง 300 กว่าจั้งเท่านั้น ใบหน้าพร่าเลือน แต่ยังคงเป็นร่างที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นเดิม

“น้อมพบเจ้าแห่งสวาปาม!” เฉิงหลิงจื่อตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก

สาวกเนื้อหกคนที่เหลือ แม้จะยังอ่อนแรงต่างก็รีบคุกเข่าคารวะร้องรับกันเซ็งแซ่

ขณะที่พวกเขาน้อมคำนับ ร่าง 300 กว่าจั้งนี้ ก็ค่อยๆ ก้มศีรษะ ใบหน้าพร่าเลือนนั้นชัดเจนขึ้นทีละส่วน เผยให้เห็นรูปลักษณ์ของหวังเป่าเล่อ

เขาผุดยิ้มน้อยๆ

เจ้าสวาปามลำดับเก้า!