ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 884 ตัดทางรอดของตัวเอง ท่านไม่ตายแล้วใครตาย?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อได้ยินวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ กวนลี่เต๋อก็รู้สึกว่ามีเพลิงโทสะสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นด้านบน

เมื่อทราบว่าตนชะตาถึงฆาตแล้ว เขาก็ฝืนยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ดูเหมือนข้าแซ่กวน วันนี้จะเรือล่มในหนองที่นี่”

กระนั้นเขาก็ถลึงมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เด็กน้อย ท่านอย่ารีบได้ใจนัก ข้าจะรอท่านอยู่ด้านล่าง!”

เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยรอยยิ้ม “ไยต้องรอข้า”

กวนลี่เต๋อกวาดมองรอบๆ เห็นเส้นสีขาวสายหนึ่งได้เหลือร่องรอยไว้ระหว่างฟ้าดิน

เหมือนกับโลกถูกเฉือนเป็นรอยกระบี่สายหนึ่ง

เป็นผลงานของกระบวนท่ากระบี่สังหารเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอง

ทำลายสรรพสิ่ง ฟ้าดินเหลือรอยแผล เนิ่นนานไม่สลายไป

กระบี่นี้แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่กวนลี่เต๋อที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนก็ยังถูกแทงได้รับบาดเจ็บ

เจตจำนงกระบี่ที่ส่งการสรรสร้างสู่ความพินาศของสี่กระบี่รัตนา ได้ถูกแสดงออกมาอย่างหมดจด

ที่นี่อยู่ติดทางตะวันตกของทะเลหวงเจีย ห่างจากจุดตัดระหว่างเขตตะวันอาคเนย์กับเขตเพลิงทักษิณไม่ไกล

ในขณะที่ทางเขากว่างเฉิงเกิดสงคราม ยอดฝีมือจากเขาโถงทองและเนินต้นจักรพรรดิก็กำลังเปิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นที่นั่นเช่นกัน

ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ แต่ไม่อาจแบ่งความสนใจมาได้ชั่วคราวแล้ว เช่นนั้นกระบี่เมื่อครู่ของเยี่ยนจ้าวก็ไม่อาจไม่สนใจได้อีก

แม้ว่าสถานการณ์รบจะตึงเครียด ไม่อาจมาตรวจสอบเองได้ แต่อีกเดี๋ยวจะต้องมีคนมาอย่างแน่นอน

ส่วนรอยกระบี่ที่เหมือนบาดแผลแห่งฟ้าดินนี้ หากคิดจะปิดสมาน กลับไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในไม่กี่นาที

เยี่ยนจ้าวเกอมองตามสายตาของกวนลี่เต๋อ แล้วหัวเราะออกมา

เขายิ้มกว้างพร้อมกับมองกวนลี่เต๋อ “ข้าเองก็คิดไม่ถึงเลย ว่าฆราวาสเด็ดดาวที่มีชื่อเสียงสะท้านเขตตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ”

กวนลี่เต๋อถลึงตา “ท่าน…”

“เพียงแต่หลักฐานคามือ พวกข้าไม่เชื่อก็ไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอชี้รอยกระบี่นั้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อพบแล้ว ข้ากับสหายในสำนักย่อมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของกษัตริย์ดิน สังหารผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์เช่นท่านทิ้งที่นี่ ความเป็นจริงก็ง่ายดายเช่นนี้เอง”

กวนลี่เต๋อกระชากเสียงกล่าว “เยี่ยนจ้าวเกอผู้ประเสริฐ ผู้ชี้กวางเป็นม้าอันประเสริฐ คิดจะโยนความผิดให้ข้าหรือ ท่านคิดว่าเฉาเจี๋ยจะถูกท่านหลอกง่ายถึงเพียงนั้นหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างเฉยชา “ข้าไม่คิดจะหลอกประมุขอาคเนย์อยู่แล้ว ขอแค่มีคำว่ากล่าวกับคนที่อยู่นอกดินแดนตะวันอาคเนย์ก็เพียงพอแล้ว”

“ท่านต่างหาก ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกกับประมุขอาคเนย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงขั้นที่กระทำซึ่งๆ หน้า ท่านคิดว่าความสัมพันธ์เล็กน้อยที่พวกท่านสั่งสมกันมาตอนเป็นสหายกัน วันนี้จะเหลือสักเท่าไร”

กวนลี่เต๋อจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลันรู้สึกมีความเย็นเยียบสายหนึ่งผุดจากก้นกบ ก่อนจะพุ่งไปถึงศีรษะ

ชายหนุ่มแบมือ กล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านสังหารคนชิงอาวุธเซียนไปจากข้า ประมุขอาคเนย์อาจจะสืบสาวราวเรื่องท่าน แต่หากท่านถูกข้าสังหาร ประมุขอาคเนย์กลับไม่สืบสาวราวเรื่องกับข้า”

เขามองกวนลี่เต๋อ หัวเราะอีกรอบ “เมื่อครู่ถ้าหากท่านไม่คิดจะฆ่าข้า แต่รีบหนีไปทันที ความจริงก็ยังมีโอกาสหนีไปได้ แต่ว่าท่านตัดโอกาสของตัวเองไปแล้ว”

“ตัดทางรอดของตัวเอง ท่านไม่ตายแล้วใครจะตายกัน”

กวนลี่เต๋อเกิดความรู้สึกหนาวสะท้าน คมดาบที่แวววับอีกเล่มหนึ่งบรรลุถึงศีรษะของเขาแล้ว!

ดาบของเยี่ยนตี๋!

เมื่อมีบิดาของตนลงมือ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่เหลือบแลทางกวนลี่เต๋ออีก

เป็นดังที่เขาว่า กวนลี่เต๋อเดิมทีมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอด

ถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าที่แท้จริง ทั้งยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงติดตัว ไม่ถูกกระบี่ลวงเซียนกดข่มเหมือนผู้วิเศษเซิงและคังผิง

ยอดฝีมือระดับสุดยอดเช่นนี้หากไม่คิดสู้ตาย แต่ต้องการหนีเอาชีวิตรอด คนในเขตตะวันอาคเนย์ที่รั้งตัวเขาได้มีไม่กี่คนเท่านั้น

น่าเสียดายที่เขาตัดสินสถานการณ์ผิดพลาด ตัดสินพลังของเยี่ยนจ้าวเกอผิดพลาด

ข้อผิดพลาดนี้ไม่มีทางหันกลับ

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงความอ่อนแรงของตัวเอง จึงส่ายหน้าเล็กน้อย

ไม่เหมือนกับการใช้สายฟ้าชั่วพริบตาในตอนที่สู้กับเซี่ยงอีหยางลูกศิษย์ของประมุขบูรพา ที่ความจริงมีการควบคุมพลังไว้

ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นสายฟ้าชั่วพริบตาถึงขีดสุด ด้วยรากฐานที่ลึกล้ำของเขา ก็ยังสิ้นเปลืองพลังไปมหาศาล

กระนั้นสืบเนื่องจากการฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต เขาจึงยังไม่ถึงกับเป็นตะเกียงสิ้นน้ำมัน

ชายหนุ่มเงยหน้ามองสถานที่ที่อยู่ไกลออกไป พลางคลี่ยิ้ม

ที่นั่นมีเงาหลังเงาหนึ่งที่กำลังหนีไปอย่างรวดเร็ว

หลัวจื้อเทา เจ้าสำนักแสงสว่าง

เดิมทีเขาถูกกวนลี่เต๋อจับไว้ ครั้นกวนลี่เต๋อได้รับบาดเจ็บ การควบคุมพลังก็ไม่ได้หมดจดเหมือนเดิมอีกต่อไป

แสงดาวที่ปล่อยออกมาเป็นทำให้หลัวจื้อเทาบาดเจ็บสาหัส และปลดพันธนาการของเขาไปด้วยในขณะเดียวกัน

เมื่อหลัวจื้อเทาได้รับอิสรภาพ เขาก็ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองอีกต่อไป รีบเร่งหนีทันที

บัดนี้เขาที่ได้เห็นเยี่ยนตี๋สองพ่อลูก ร่วมกับทั่วทั้งเขากว่างเฉิงต้านพวกกวนลี่เต๋อ ผู้วิเศษเซิง เสวียนเฉิงอ๋อง และนักพรตสือด้วยตาตัวเอง จึงมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น

ยิ่งอยู่ไกลเขากว่างเฉิงเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น!

ความเคียดแค้นชิงชัง ความคับข้องขุ่นเคืองในอดีต บัดนี้ค่อยๆ กลายเป็นความสิ้นหวัง

เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงในตอนนี้ เขาในเวลานี้ไม่อาจสู้ด้วยได้ อยู่ต่อไปก็เป็นแค่การเอาไข่ไปกระทบหิน หาทางตายให้กับตัวเอง

ความกล้าและความเด็ดเดี่ยว หลัวจื้อเทาย่อมไม่ขาดแคลน แต่เขาไม่คิดจะไปตายอย่างไร้ความหวัง

‘อยู่บนเขาเขียวไม่กลัวไร้ฟืนเผา หากยังมีชีวิต จะต้องมีสักวันที่สามารถแก้แค้นได้…’ หลัวจื้อเทาท่องประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาในใจ

กระนั้นด้วยความเร็วในการพัฒนาอันน่ากลัวที่เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงได้แสดงออกมาในหลายปีมานี้ หากผ่านไปอีกสักหลายปี เขากับสำนักแสงสว่างจะสามารถแก้แค้นได้จริงๆ หรือ

ความแตกต่างรังแต่จะมีมากขึ้น…

หลัวจื้อเทาใช่ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่ว่าเขาไม่อาจไปคิดได้ ไม่เช่นนั้นความสิ้นหวังที่ไร้สิ้นสุดจะกลบฝังเขา และบดขยี้ความตั้งใจของเขาทันที

แต่ว่าในยามนี้เอง เงาคนสายหนึ่งปรากฏวูบขึ้น ขวางอยู่ด้านหน้าหลัวจื้อเทาอย่างเหี้ยมหาญ

หลัวจื้อเทาเพ่งตามองไป เป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอง!

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถือหอกราชาลี้ลับไว้ด้านหลัง กล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า “ในตอนนั้นข้าแซ่เยี่ยนยังไม่สำเร็จเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ คิดหาวิธีขึ้นมายังโลกซ้อนโลกจากโลกแปดพิภพ ต้นเหตุมาจากพรรคของท่านกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”

“สี่ปีก่อนหน้านี้ ข้าส่งจางเชาจากไปบนดินแดนสุทธทัศน์ วันนี้ ข้าจะส่งเจ้าสำนักหลัวท่าน”

“บุณคุณความแค้นระหว่างเขากว่างเฉิงของข้ากับสำนักท่าน วันนี้ตัดสินที่นี่แล้ว”

ขณะที่พูด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็สะบัดหอกราชาลี้ลับในมือ แทงใส่หลัวจื้อเทา!

ตัวหลัวจื้อเทาเองได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังสูญเสียกงจักรสุริยันจันทราไป แล้วเขาจะต้านหอกนี้ได้อย่างไร

เงามืดของความตายเข้าครอบคลุม เขาอดเกิดความรู้สึกเสียใจไม่ได้

‘ในตอนนั้น ถ้าหากไม่ฟังคำล่อลวงจากสำนักสุริยันศักดิสิทธิ์ ไม่หมายปองมงกุฎจันทรากับตราประทับพระอาทิตย์ บางทีอาจไม่เกิดภัยพิบัติเช่นวันนี้…’

‘หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ขึ้นมายังโลกซ้อนโลก ถ้าหากคิดหาวิธีเปลี่ยนศาสตราวุธเป็นผ้าไหมเครื่องหยก[1] บางทีอาจจะไม่ต้องตกต่ำถึงขั้นนี้…’

น่าเสียดาย สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไปไม่ได้

ในฐานะขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ขุมหนึ่งบนโลกซ้อนโลก ที่มีพลังมากพอจะกวาดล้างโลกเบื้องล่างใบไหนก็ได้ เมื่อทราบว่าในลกเบื้องล่างใบหนึ่งมีของล้ำค่าอย่างตราประทับตะวันกับมงกุฎจันทรา ไหนเลยจะไม่เกิดความโลภ

แค่สำนักจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง กลับบังอาจขวางย่างก้าวของตน ไหนเลยจะไม่ลงมือทำลายล้าง

อีกฝ่ายสังหารจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักตนไปมากมาย ในตอนนั้นยังเป็นเพียงคนรุ่นหลังที่ยังไม่ได้ก้าวขึ้นสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กลับกล้ามายังโลกซ้อนโลก ถ้าหากไม่สังหารเขาเพื่อแก้แค้น จะได้รับการนับถือจากคนในสำนักได้อย่างไร?

หลัวจื้อเทารู้สึกว่าการตัดสินใจของตนไม่ผิด กระนั้นประสบการณ์ที่ปกติสมควรถูกต้อง พอมาถึงท้ายที่สุดกลับเป็นข้อผิดพลาด

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “ท่านเหมือนกับกวนลี่เต๋อ”

ถ้าหากไม่กระจายข่าวกงจักรมหาประกายกาฬ กวนลี่เต๋อคงไม่หมายหัวหลัวจื้อเทา จนถูกพามายังใต้ตีนเขากว่างเฉิงหลังจากโดนจับ ยามที่เขาหลุดออกจากหลุมดำใต้ก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์ ก็ยังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอดออกจากทะเลหวงเจีย

ทว่าโลกใบนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก

“ตัดทางรอดของตัวเอง ท่านไม่ตายแล้วใครจะตายเล่า”

เงาหอกสายหนึ่งกะพริบผ่านอากาศ เจาะทลุเงาคนผู้หนึ่ง

“เปรี้ยง”

ละอองเลือดระเบิดออก!

วันนี้เป็นวันที่หลัวจื้อเทา เจ้าสำนักแสงสว่างสิ้นชีวิต ขุมกำลังใหญ่อย่างสำนักแสงสว่างที่เคยยึดครองทะเลหวงเจียมาหลายปี บัดนี้สลายไปราวกับหมอกควัน กลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์

………………..

[1] เปลี่ยนศาสตราวุธเป็นผ้าไหมเครื่องหยก หมายถึง เจรจาสงบศึก